สวัสดี บุคคลทั่วไป

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - lovely4452

หน้า: [1]
1

กางเกงขาสั้นในบ้านเราจัดเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นที่มาแรงและมีแนวโน้มว่าจะยังคงฮอทฮิตกันไปอีกนาน อาจจะเป็นเพราะบ้านเรามีอากาศค่อนข้างร้อน หลายคนจึงหันมาสวมกางเกงขาสั้นกันมากขึ้น ที่สำคัญปัจจุบันยังมีแบบออกมามากมายมีหลายสีสันให้เลือกสวมกันได้ตามความต้องการ แต่จะให้ดีควรเลือกให้เหมาะกับรูปร่างกันด้วยนะคะ คุณถึงจะสวมกางเกงขาสั้นได้สวยและดูดีอย่างมีสไตล์ แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจมาดูเคล็ดลับในการเลือกสวมกางเกงขาสั้นกันดีกว่าค่ะ

สาวรูปร่างเล็ก
สาวรูปร่างแบบนี้มักมีความสูงไม่มากและรูปร่างบอบบางกางเกงขาสั้นที่เหมาะสำหรับคุณควรมีความสั้นขึ้นมานิดหนึ่งนะคะ และก็ไม่ควรเลือกให้พอดีกับรูปร่างมากเกินไปคือให้หลวมเล็กน้อยจะช่วยทำให้ช่วงขาของคุณดูยาวยิ่งขึ้น สำหรับสีสันที่เหมาะกับคุณควรเป็นแบบโทนสีอ่อนๆ และถ้าคุณเป็นคนที่มีสะโพกเล็กก็ให้เลือกกางเกงที่ออกแบบให้มีกระเป๋าบริเวณช่วงสะโพก หรือเป็นแบบกระโปรงกางเกงก็ได้ จะช่วยทำให้รูปร่างของคุณดูดีขึ้น


สาวรูปร่างอวบ
กางเกงขาสั้นโทนสีเข็มๆ เช่น สีดำ สีน้ำเงิน หรือสีน้ำตาล จะเหมาะสำหรับคุณ รวมไปถึงเสื้อผ้าแฟชั่นรูปแบบอื่นก็เช่นกัน และกางเกงควรมีขนาดพอดีตัวเป็นแบบเรียบๆ มีช่วงปลายขาบานออกเล็กน้อย นอกจากจะช่วยให้สวมใส่สบายแล้วยังทำให้รูปร่างของคุณดูไม่อวบมากไปกว่าเดิมอีกด้วยค่ะ และที่สำคัญควรเลือกแบบที่มีเนื้อผ้าแข็งๆ อย่างเช่น ผ้ายีนส์ เป็นต้น

สาวรูปร่างสมส่วน
คุณจะเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดเพราะสามารถเลือกสวมกางเกงขาสั้นได้ทุกรูปแบบและทุกสีสัน ไม่ว่าจะเป็น กางเกงยีนส์ขาสั้น กางเกงขาสั้นผ้ายืด กางเกงขาสั้นทรงสปร์อต หรือเป็นแบบกางเกงกระโปรง แต่ก็อย่าลืมเลือกให้เหมาะกับสีผิวกันด้วยนะคะ และที่สำคัญไม่ควรเลือกสวมแบบที่สั้นจนเกินไป แค่นี้คุณก็ใส่กางเกงขาสั้นได้สวยและดูดีกันแล้วค่ะ


การสวมกางเกงขาสั้นถ้าอยากให้ดูดีกันจริงๆ แล้ว เราควรสวมให้ถูกที่ถูกเวลากันด้วยนะคะ โดยเฉพาะเวลาทำงานหรือต้องเข้าพบผู้ใหญ่ควรหลีกเลี่ยงการสวมกางเกงขาสั้นโดยเด็ดขาดให้เลือกสวมเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นแบบอื่นจะดีกว่า แต่เวลาปกติโดยเฉพาะเวลาพักผ่อนคุณสามารถสวมได้ตามความต้องการกันเลยค่ะ การสวมกางเกงถูกกาลเทศะยังช่วยทำให้คุณดูดีและมีรสนิยมสำหรับผู้พบเห็นกันอีกด้วยค่ะ ใครอยากสวยทันสมัยและดูดีมีสไตล์ก็อย่าลืมเลือกกางเกงขาสั้นที่เหมาะสำหรับคุณมาสวมใส่กันนะคะ

2

สาวอวบส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่มีรูปร่างเจ้าเนื้อ ช่วงขาและสะโพกค่อนข้างใหญ่ หัวไหล่กว้าง และมักมีหน้าท้อง น้ำหนักตัวที่มากทำให้ขาและเท้าต้องรับน้ำหนักพอสมควร ดังนั้นรองเท้าแฟชั่นที่เลือกสวมต้องสามารถช่วยรองรับน้ำหนักและช่วยให้ขาและเท้าไม่ต้องถูกกดทับมากจนเกินไป หรือก็คือต้องสวมใส่สบายและเดินได้สะดวกนั่นเองค่ะ สำหรับวิธีการเลือกให้เหมาะเพื่อให้คุณสามารถสวมรองเท้าได้สวยดูดีและดีต่อสุขภาพของคุณด้วยนั่น คุณต้องเลือกรองเท้าที่มีลักษณะดังนี้ค่ะ

1. เลือกซื้อรองเท้าในช่วงเย็น เพราะจะเป็นช่วงที่เท้าของเราอวบเต็มที่ ถ้าเลือกซื้อในช่วงเช้าเวลาใส่จริงๆ จะคับและอาจทำให้รองเท้ากัดเราได้ อันนี้ไม่เฉพาะสาวอวบนะคะ สาวๆ ที่มีรูปร่างอื่นก็ควรเลือกซื้อรรองเท้าแฟชั่นช่วงเย็นเช่นกันค่ะ


2. เลือกรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นได้ดี และวัสดุที่ใช้ทำรองเท้าต้องนิ่มไม่แข็งจนเกินไป เพราะแบบแข็งๆ เวลาก้าวเดินอาจสีเท้าทำให้เกิดถลอกและเป็นแผลขึ้นได้


3. สาวอวบไม่ควรเลือกรองเท้าที่มีส้นสูงมากๆ นะคะ โดยเฉพาะแบบเป็นส้นแหลมหรือส้นเข็มด้วยแล้ว ยิ่งควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้คุณเดินไม่สะดวก และช่วงขากับเท้าต้องรับน้ำหนักมากอาจจะมีทำให้เกิดปัญหาสุขภาพในอนาคตได้ แต่ถ้าต้องใส่รองเท้าส้นสูงกันจริงๆ ให้เลือกแบบส้นหนาๆ ก็จะช่วยพยุงเท้าของคุณได้ดีขึ้น

4. ควรเลือกรองเท้าแฟชั่นแบบที่มีที่รัดข้อเท้า เพื่อให้รองเท้ากระชับมากยิ่งขึ้น รองเท้าลักษณะนี้ยังช่วยให้รองเท้าไม่หลุดออกจากเท้าง่าย ป้องกันอุบัติเหตุและการสะดุดลื่นล้มได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเป็นประเภทรองเท้าผ้าใบ รองเท้าคัทชู รองเท้าบูท ก็ไม่จำเป็นต้องมีสายรัดข้อเท้าเพราะจะยิ่งดูลุ่มล่ามเข้าไปใหญ่ จะให้สวยเลือกแบบเรียบๆ จะดีกว่า


5. ทุกครั้งที่เลือกซื้อรองเท้าให้ทดลองสวมและก้าวเดิน ดูว่ากระชับและเหมาะสำหรับเราแค่ไหน แล้วก็อย่าลืมเลือกให้เข้ากันกับสไตล์การแต่งตัวหรือโอกาสที่จะสวมใส่กันด้วยนะคะ เพื่อให้คุณสวยอินเทรนด์และดูดีในทุกงานที่ไปปรากฏตัว

6. เลือกรองเท้าที่ผลิตได้มาตรฐาน ใช้วัสดุที่มีคุณภาพดีและตัดเย็บแน่นหนา หรือเป็นยี่ห้อที่รู้จักกันทั่วไป เพราะรองเท้าประเภทนี้จะค่อนข้างทน และที่สำคัญสามารถรองรับน้ำหนักของเราได้ดี

ทราบกันแบบนี้แล้วสาวอวบที่กำลังมองหารองเท้าสักคู่ อย่าลืมเลือกตามคำแนะนำด้านบนกันดูนะคะ เพื่อให้คุณได้รองเท้าที่ถูกใจและสามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย

3

สมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์ มีอยู่มากมายหลายชนิด เพราะสมุนไพรส่วนใหญ่จะมีสรรพคุณในการช่วยขับปัสสาวะ และขับสารพิษออกจากร่างกาย แก้ปวดเมื่อย และลดการอักเสบ อย่างเช่นสมุนไพรดังต่อไปนี้

1. ขิง จัดเป็นพืชผักสวนครัวสมุนไพรประจำบ้าน เพราะหลายคนนิยมนำขิงมาเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร ขิงมีรสชาติเผ็ดร้อน และมีผลการวิจัยระบุด้วยว่า ขิงเป็นสมุนไพรรักษาโรคเก๊าต์ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการอย่างได้ผล เพียงแค่เติมขิงลงไปในอาหารให้ได้ทุกมื้อ หรือการดื่มชาชงขิง เป็นประจำ

2. แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารหลายอย่าง และสามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคเก๊าต์ได้ เพียงแค่รับประทานแอปเปิ้ลเป็นประจำ นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังเหมาะสำหรับใครที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย

3. น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ร่วมไปถึงกรดยูริกที่เกาะอยู่ตามข้อต่อต่างๆ วิธีรับประทานถ้าใครยังไม่ชินกับรสชาติแนะนำให้ผสมกับน้ำเปล่าแล้วดื่มเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง

4. สับปะรด มีสรรพคุณในการช่วยขับปัสสาวะ วิธีก็คือคุณสามารถทานเป็นแบบเนื้อสัปปะรดหรือการปั่นเป็นน้ำสัปปะรด ควรทานอย่างสม่ำเสมอ สัปปะรดนอกจากจะช่วยขับปัสสาวะแล้ว ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายอย่าง

5. กล้วย อุดมไปด้วยวิตามินซี จัดเป็นสมุนไพรรักษาโรคเก๊า เพราะสารอาหารในกล้วยสามารถเข้าไปเจือจางตะกอนที่เกาะอยู่รอบๆ ข้อกระดูกที่เกิดจากกรดยูริกได้ ทำให้ร่างกายสามารถกำจัดกรดยูริกออกไปได้โดยง่าย

6. พริกป่น อาจจะเผ็ดร้อนไปซะหน่อยดังนั้นควรรับประทานควบคู่ไปกับอาหารประเภทอื่น เช่น เติมในน้ำซุบ ก๋วยเตี๋ยว หรือผัดหมี่ เป็นต้น พริกป่นสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและลดอาการอักเสบของข้อได้

7.  มะนาว คั้นเป็นน้ำมะนาวผสมน้ำเปล่าหรือใครจะใส่น้ำผึ้งลงไปเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ทานง่ายขึ้นก็ได้เช่นกัน น้ำมะนาวช่วยบรรเทาอาการของโรคเก๊า ลดอาการปวด

8. องุ่น ทานแบบผลสดๆ หรือคั้นเป็นน้ำองุ่นดื่มเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 แก้ว จะสามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคเก๊าต์ได้ แต่ในบ้านเราในบางฤดูกาลจะไม่มีองุ่นให้รับประทานหรือมีแต่ราคาก็ยังสูงอยู่ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมในการนำมาทำเป็นสมุนไพรรักษาโรคเก๊า แต่ที่เห็นจะเป็นสารสกัดจากองุ่นเสียส่วนใหญ่

9. ขมิ้นผง เป็นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการโรคเก๊าต์ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ สามารถบรรเทาอาการปวด ป้องกันการอักเสบได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญขมิ้นยังจัดเป็นยาอายุวัฒนะที่นิยมใช้กันมานานหลายร้อยปี

แต่การรักษาไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนควรอยู่ในการควบคุมของแพทย์ เพื่อให้การรักษาได้ผลดีและคุณสามารถหายจากอาการของโรคเก๊าต์ได้

4

อาการต่อมลูกหมากโตเป็นอาการที่คุณผู้ชายมีโอกาสพบเจอเกือบทุกคน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันและยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่พอจะสรุปได้ว่าเมื่ออายุมากขึ้นต่อมลูกหมากจะโตตามวัยไปด้วย สำหรับวิธีการรักษาจะมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี เช่น การใช้ยาลดขนาดต่อมลูกหมาก, การผ่าตัด, การใช้ความร้อน และการรักษาด้วยสมุนไพรรักษาโรคต่อมลูกหมากโต ซึ่งพอจะสรุปวิธีการต่างๆ ได้ดังนี้

1. รักษาด้วยยาลดขนาดต่อมลูกหมากโต  ก่อนใช้ยาแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมก่อน เช่น ลดการดื่มน้ำลง เพื่อไม่ให้ปัสสาวะบ่อย ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นจำเป็นต้องรักษาโดยการใช้ยาช่วยลดขนาดต่อมลูกหมากให้เล็กลง และยาบางชนิดจะเป็นยาคลายกล้ามเนื้อเรียบในต่อมลูกหมากให้อ่อนตัวลง ทำให้ผู้ป่วยปัสสาวะได้สะดวกขึ้น หรือยากลุ่มที่มีฤทธิ์ไปยับยั้งสารบางตัวในร่างกายที่ไปกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากโต สำหรับยาประเภทนี้ต่อมลูกหมากจะเล็กลงประมาณ 30-40% สำหรับข้อเสียของยาก็คืออาจจะไปบดบังอาการของมะเร็งต่อมลุกหมาก ทำให้ผู้ป่วยเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และทำให้ความดันโลหิตต่ำได้

2. การรักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้อง จะเป็นการเข้าไปตัดชิ้นเนื้อส่วนที่เกินออกมาหรือโตกว่าปกติจากต่อมลูกหมาก วิธีนี้จะค่อนข้างได้รับความนิยม ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นานและผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์

3. ผ่าตัดต่อมลูกหมากด้วยเลเซอร์ การผ่าตัดจะสอดท่อที่มีกล้องขนาดเล็กผ่านทางท่อปัสสาวะเหมือนการผ่าตัดส่องกล้อง แต่เป็นการใช้แสงเลเซอร์เข้าไปละลายต่อมลูกหมาก วิธีนี้ช่วยให้ไม่ต้องเสียเลือด เหมาะกับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดัน เป็นต้น วิธีนี้เป็นวิธีที่ผู้ป่วยจะเจ็บน้อยที่สุด พักฟื้นไม่นานแต่ยังมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง จึงยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไรนัก

4. การรักษาด้วยสมุนไพร สำหรับสมุนไพรรักษาโรคต่อมลูกหมากโต ในบ้านเรามีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ข้อดีของการใช้สมุนไพรก็คือไม่มีผลข้างเคียง และไม่มีสารตกข้างในร่างกาย สำหรับสมุนไพรที่ว่าก็อย่างเช่น หญ้าหนวดแมว, ใบรางจืด, มะเขือเทศ, ฟักขาว, เถาวัลย์เปรียง เป็นต้น สมุนไพรเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ นิยมรับประทานเป็นชาชงสมุนไพร โดยสามารถหาซื้อได้ทั้งแบบสำเร็จรูป หรือนำมาต้มรับประทานเองที่บ้าน

แต่การรักษาไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยาแผนปัจจุบัน การใช้สมุนไพรรักษาโรคต่อมลูกหมากโต จะให้ได้ผลดีควรอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์เพียงเท่านั้น

5

โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากร่างกายของผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดมากจนเกินไป สาเหตุมาจากความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกายที่ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินที่มีหน้าที่ในการนำน้ำตาลในกระแสเลือดไปใช้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้อย่างพอเพียง ทำให้มีน้ำตาลตกค้างอยู่ในกระแสเลือดในปริมาณมากกว่าปกติ การรักษาในระยะแรกจะเป็นการกินยาเม็ด และการใช้สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน แต่จะให้ได้ผลดีผู้ป่วยจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล เพราะอาหารประเภทนี้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดมีมากขึ้นไปกว่าเดิม สำหรับอาหารที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรรับประทานหรือควรบริโภคให้น้อยที่สุด เช่น

1. ผักบางชนิดที่มีส่วนประกอบของแป้ง เพราะเมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้ว ร่างกายจะทำการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล จึงอาจมีผลทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดของผู้ป่วยสูงขึ้นได้ สำหรับผักที่มีส่วนประกอบของแป้งอยู่เป็นจำนวนมากนั้น ยกตัวอย่างเช่น  กลอย เผือก กระจับ แห้วจีน มันเทศ  ใบขี้เหล็ก เป็นต้น

2. ผลไม้ที่มีรสชาติหวาน บ้านเรามีผลไม้อยู่หลายชนิด และผลไม้ก็มีประโยชน์หลายอย่างต่อสุขภาพร่างกาย แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานถ้าต้องการรับประทานผลไม้ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่ไม่มีรสชาติหวานมาก เพราะผลไม้ที่มีรสชาติหวานจะมีส่วนประกอบของน้ำตาลเป็นจำนวนมาก เช่น ทุเรียน มะม่วงสุก เงาะ ลำไย ขนุน องุ่น น้อยหน่า ลิ้นจี่ อ้อย เป็นต้น

3. ลดการรับประทานอาหารที่มีรสชาติเค็มจัด โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้แล้วเครื่องปรุงรสต่างๆ ก็ควรบริโภคในปริมาณที่น้อยลงด้วย เช่น ซอส ซีอิ้ว น้ำปลา เกลือ ของหมักดอง ซอสมะเขือเทศ ผงชูรส และของขบเคี้ยว  เพราะในขนมขบเคี้ยวมักมีส่วนประกอบของผงชูรสเป็นจำนวนมาก

4. อาหารประเภทแป้งก็ควรบริโภคให้น้อยลง หรือให้หันมาเลือกรับประทานแป้งที่ได้จากธัญพืชที่ไม่ขัดสีแทน เช่น ข้าวสาลี  ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ข้าวโพด  ข้าวบาเล่ย์น์  ข้าวฟ่าง ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต เป็นต้น

5. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันที่ได้จากสัตว์ในการประกอบอาหาร แต่ให้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันที่ได้จากพืชแทน เพราะน้ำมันเหล่านี้จะเป็นน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก เป็นต้น

6. ควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะจะมีส่วนทำให้อวัยวะภายในร่างกายของผู้ป่วยยิ่งเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้น และส่งผลทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย และแอลกอฮอล์ยังส่งผลให้การใช้ยารักษาโรคเบาหวาน หรือสมุนไพรรักษาโรคเบาหวานไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

การหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารต่างๆ ดังที่กล่าวมา หรือพยายามบริโภคให้น้อยลง จะมีส่วนช่วยทำให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดไม่ให้สูงจนเกินไปได้ และจะทำให้การรักษาโรคเบาหวานไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยาเม็ด การใช้สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน และการฉีดอินซูลิน ได้ผลดี

หน้า: [1]