สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายภาพถ่ายรูป VS กล้องถ่ายภาพมือถือ หากว่าหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วคุณจักเลือกอะไร?

  • 0 ตอบ
  • 273 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
ครั้นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันน่าจำใส่ใจจนต้องรวบรวมบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจะยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก ครั้นเมื่อในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้เราได้รวบรวมภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายรูป" นั่นเอง โดยในยุคนี้ ใครๆ ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องพร้อมกันมาด้วย สำหรับง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องสะพายกระเป๋ากล้องใบโต อีกทั้งยังมีความกระจ่างไม่ได้ต่างไปจากกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว อย่างไรก็ดีจริงๆ แล้วนั้นมันยังมีอะไรอีกมากหลายที่ต่างกันอยู่เพียบเลยทีเดียว
 
อาทิเช่นเรื่องเซนเซอร์ เนื่องจากกล้องจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าใด ก็จะรวบรวมแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดปลีกย่อยภาพที่มากกว่า มีมิติดีกว่า รวมถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างนานาประการมากกว่า เนื่องด้วยมือถือสามารถทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าไหร่นัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังมีผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยครั้นเมื่อย้อนมาดูภาพจากกล้องถ่ายรูปโทรศัพท์มือถือก็จะพบ Noise มากกว่าภาพจากกล้องทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องโทรศัพท์มือถือเล็กกว่ากล้องทั่วไป
 
หลังจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายรูปดีกว่ากล้องจากมือถือ หากเป็นการซูมของกล้องถ่ายภาพ คุณสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่แบรนด์สมาร์ทโฟนที่จะมีสรรพคุณนี้ ก็เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำเป็นจะต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อได้ความสัมพันธ์ของวัตถุบนภาพที่ดียิ่ง รวมไปถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เพราะในสมาร์ทโฟนของท่านคงจะมีทั้งรูปถ่าย เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาชัวร์ ถ้าเธอคิดว่าจะใช้กล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ชักรูปคุณตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่ก็พาคู่ควงเที่ยวตะลอน Universal Studios เพราะว่าท่านคงมิต้องการมานั่งลบภาพถ่าย ลบบทเพลงโปรด ไม่ก็ลิสภาพยนตร์ดังของท่านหรอก แต่ถ้ายอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมทั้งเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าท่านได้ทั้งรูปที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของเจ้าแน่นอน
 
นั่นคือข้อมูลขั้นแรกว่าไฉนเราถึงต้องยอมสะพายกล้องตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนไว้ก่อน และอาจจะหยุดพักยาวๆ เลย ถ้าหากได้รู้จักกับกล้องถ่ายรูปตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D โดยก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูสาระสำคัญ ๆ ของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายภาพมือถือหรือเปล่า
 
กล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายรูปเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่เหมาะสมของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นเป็นอันดี ข้อดีของกล้อง Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เนื่องจากกล้องถ่ายภาพ Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop โดยถ้าถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปที่มีคุณภาพสูงงดงามแม้ที่แสงสว่างน้อย โดยที่เจ้ามิจำเป็นต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วยซ้ำ แถมป้องกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังเป็นเหตุให้การบันทึกภาพยนตร์ของคุณมิเป็นปัญหาเช่นกัน โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่แม้ว่าจะถือด้วยมือ และไม่ได้มีวัสดุอุปกรณ์เพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาราบรื่น ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถแยกย่อยเฟรมเพื่อบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่ข้อดีเรื่องเดียวของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ก็พิชิตกล้องถ่ายรูปมือถือลอยลำแล้ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์หลายอย่าง อีกมากมายเลยที่ยังมิได้เอ่ยถึง อย่างเช่น โหมดถ่ายภาพ Auto ที่ให้ท่านปรับตั้งค่าตามที่คุณต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน เป็นต้น และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกมากมายอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น และจุดหลักอีกอย่างของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาสะดวกมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้เพียง 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำดูถูกที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา