สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปมือถือ ถ้าหากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วคุณจะเลือกอะไร?

  • 0 ตอบ
  • 215 อ่าน
ครั้นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันน่าจำใส่ใจจนต้องรวบรวมบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจักวิเศษขึ้นไปอีก ครั้นข้างในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายรูป" นั่นเอง โดยในยุคนี้ ใครๆ ต่างก็มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีกล้องพร้อมมาด้วย สำหรับง่ายต่อการใช้งาน มิต้องสะพายกระเป๋ากล้องใบโต อีกทั้งยังมีความชัดไม่ได้ต่างไปจากกล้องถ่ายภาพ DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แต่ทว่าที่แท้นั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายก่ายกองที่แตกต่างกันอยู่ไม่เบาเลยเทียว
 
อาทิเช่นเรื่องเซนเซอร์ เพราะกล้องถ่ายรูปจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะรักษาแสงได้ดีกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติเหนือกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างมากมายมากกว่า สำหรับโทรศัพท์มือถือสามารถทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าใดนัก และสิ่งเหล่านี้ยังมีผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยตัดทอน Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ ซึ่งครั้นย้อนมาดูภาพจากกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็จะพบ Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายภาพโทรศัพท์เคลื่อนที่เล็กกว่ากล้องถ่ายรูปทั่วๆ ไป
 
ต่อมาก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายรูปดีกว่ากล้องถ่ายภาพจากมือถือ หากเป็นการขยายของกล้องถ่ายภาพ ท่านสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่แบรนด์มือถือที่จะมีคุณสมบัตินี้ เพราะภาพบางภาพ ก็ต้องใช้การซูมแบบ Optical เพื่อได้ความสัมพันธ์ของวัตถุบนภาพที่ดีที่สุด รวมถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เพราะในโทรศัพท์มือถือของเธออาจจะมีทั้งรูปถ่าย เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาแน่ๆ ถ้าท่านคิดว่าจะใช้กล้องมือถือชักรูปเจ้าตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่ก็พาแฟนเที่ยวตะลอน Universal Studios เพราะเธอคงจะไม่อยากมานั่งลบภาพถ่าย ลบเพลงโปรด หรือไม่ลิสภาพยนตร์ดังของเธอหรอก แต่ถ้าหากยอมสะพายกล้องสักตัว พร้อมกับเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน มั่นใจว่าเธอได้ทั้งภาพถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของท่านแน่นอน
 
นั่นเป็นข้อมูลเบื้องต้นว่าเพราะอะไรเราถึงต้องยอมสะพายกล้องตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์มือถือไว้ก่อน และอาจจะหยุดพักยาวๆ เลย ถ้าได้รู้จักกับกล้องถ่ายรูปตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D โดยก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูจุดเด่น ๆ ของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนไหม
 
กล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายรูปเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่เหมาะสมของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นเป็นอันดี จุดดีของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เพราะกล้อง Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดความสะเทือนได้ถึง 4 Stop ซึ่งหากว่าถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปที่มีคุณภาพสูงงดงามแม้ที่แสงน้อย โดยที่เจ้าไม่ต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย อีกทั้งยังป้องกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ อีกทั้งทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของท่านไม่เป็นปัญหาเช่นกัน โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่แม้ว่าจะถือด้วยมือ และมิได้มีอุปกรณ์เพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาสะดวก ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแบ่งแยกเฟรมเพื่อให้บันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้เช่นกัน

 จะเห็นว่านี่แค่จุดสำคัญเรื่องเดียวของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ก็เอาชนะกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ลอยลำแล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ อีกมากมายเลยที่ยังไม่ได้กล่าวถึง เช่น โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้เธอปรับตั้งค่าตามที่คุณต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกมากมายอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และประเด็นสำคัญอีกอย่างของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาง่ายมาก ซึ่งมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำดูถูกที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา