สวัสดี บุคคลทั่วไป

เลือกเครื่องปรับอากาศอย่างไร เพื่อให้ประหยัดเงินในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 248 อ่าน
เมื่อสภาพอากาศมันร้อน เลยก็คงจะต้องหาอะไรเพื่อที่จะดับร้อนกันซะหน่อย คนชอบรับประทาน ก็หาของกินรับประทานดับร้อนกันไป แต่ถ้าใครต้องการให้อากาศข้างในบ้านไม่ร้อนเหมือนกับนรก ก็คงน่าจะต้องพึ่งพา "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง แต่ถ้าใช้งานแอร์ บางคนก็ต้องหวั่นใจในประเด็นของรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาทีหลัง แต่ว่าเราจะมีหลักเกณฑ์การเลือกซื้ออย่างใด ให้ได้ทั้งของดี แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกเราจะจำเป็นต้องพิจารณาถึงชนิดของเครื่องปรับอากาศน่าจะต้องให้เหมาะสมต่อพื้นที่ในการใช้งาน ซึ่งปัจจุบันนั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกหา เพราะแต่ละรูปแบบก็มีคุณลักษณะไม่เหมือนกันไป ถ้าหากเลือกผิดนั้น ทำให้อาจทำให้อาจจะผลเสียแก่แอร์ รวมถึงยังทำให้เปลืองพลังงานไปอีก จริงๆ แล้ว แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภท อย่างเช่น แอร์ติดกำแพง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, เครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน รวมทั้ง แอร์เคลื่อนที่ โดยแต่ละลักษณะ มีรูปลักษณ์แบบใดบ้าง ไปดูกันก่อนดีกว่า
อย่างแรกคือเครื่องปรับอากาศติดกำแพง โดยแอร์แบบนี้ เป็นที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว หรือว่าต้องเคยเห็นกันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ เพราะว่าการทำงานที่หลายแบบ มีรูปลักษณ์การออกแบบที่ร่วมสมัย และก็มีขนาดพอดี แล้วยังยังช่วยลดการใช้ไฟฟ้า รวมถึงสามารถรักษาสะดวกสบาย โดยแอร์ประเภทนี้ เหมาะกับห้องพื้นที่ย่อม รวมถึงที่พักอาศัย หรือว่าคอนโดธรรมดา สามารถตอบโจทย์กับความปรารถนาของการทำงานได้อย่างหลายแบบ
ถัดมาเป็นเครื่องปรับอากาศตั้งพื้น โดยที่เครื่องปรับอากาศประเภทนี้ถือเป็นแบบที่มีการกระจายความเย็นฉ่ำได้ดี สามารถทำความเย็นได้แบบรวดเร็ว รวมถึงทนทานในการทำงาน รวมไปถึงทนทานต่อมลพิษอีกด้วย โดยที่ลักษณะของแอร์จะเป็นแบบตั้งกับพื้น เหมาะกับห้องที่มีขนาดกว้าง โรงงาน รวมทั้งมีประชากรหนาแน่น  โดยที่แอร์ชนิดนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยทำให้เปลืองพลังงานกว่าเครื่องปรับอากาศประเภทอื่นๆ
ชนิดต่อไปเป็นกลุ่มเครื่องปรับอากาศฝังฝ้าเพดาน ซึ่งอย่างนี้จะเป็นเครื่องปรับอากาศ 4 ทาง ตัวเครื่องแอร์ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำเสีย สามารถติดภายในฝ้าเพดาน ทำให้สามารถคงรูปทรงความสวยหรูของห้องได้อย่างดี ตัดทอนขีดจำกัดในการติดตั้ง โดยที่เหมาะกับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความสวยงาม ช่วยให้ภายในบ้านสวยตามเดิม  แต่แอร์ประเภทนี้มักมีราคามักจะแพงมากกว่าเครื่องปรับอากาศชนิดอื่นๆ
ส่วนชนิดท้ายที่สุดคือแอร์เคลื่อนที่ ซึ่งแอร์ชนิดนี้จะไม่ยุ่งยากคล้ายกับประเภทก่อนหน้า เพราะเพียงแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะเครื่องปรับอากาศกลุ่มนี้ใช้ได้อย่างเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่ไม่เหมือนอันอื่นก็ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ รวมถึงก็ไม่จำเป็นต้องติดเข้ากับตัวบ้านด้วย เหมาะสมกับคนที่อาศัยหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ทำนุบำรุงก็ง่ายดาย เหมือนกับเครื่องปรับอากาศทั่วๆ ไปเลย
กลับมาที่หลักเกณฑ์การตัดสินใจซื้อกันต่อ ถัดจากนั้นก็ควรจะตัดสินใจขนาดเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับสัดส่วนห้อง ก็เพราะว่าถ้าทราบขนาดห้องเรียบร้อยแล้วนั้น มันก็จะสะดวกกับการเลือกขนาดของแอร์และการคิดค่า BTU นั่นเอง เพื่อเหมาะกับการทำงานและช่วย
ประหยัดไฟฟ้า โดยหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า BTU คืออะไร ซึ่งมันหมายถึง ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดยที่ 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อ BTU ย่อมมีความจำเป็น ก็เพราะว่าจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังงานกับอายุการใช้งานของแอร์นั่นเอง หากตัดสินใจเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินไป ก็จะทำให้ทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ความสามารถด้านในลดลง รวมทั้งยังมีผลกระทบให้มีความชื้นในห้องมาก อาจทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยป่วย หรือไม่ก็ไม่สบายได้ แล้วยังทำให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือไม่ก็ถ้าหากตัดสินใจแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อคอมเพรสเซอร์ทำงานทุกเวลาและหนักจนเกินพอดี  ก็เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ปรับหรือกำหนดไว้  โดยจะมีผลให้เป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศชำรุดได้ง่าย รวมถึงสิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกเช่นกัน
                ต่อมาก็เป็นหลักไม่ยาก เลยที่ใครเห็น ก็ต้องทำให้เลือกเลือกซื้อแน่นอน ก็คือ การเลือกสรรแอร์ที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็เพราะว่านั่นคือ คุณภาพในการใช้งานพลังงานที่คุ้มที่สุด ซึ่งจะทำให้ประหยัดพลังงานและประหยัดรายจ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา