สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายภาพถ่ายรูป VS กล้องโทรศัพท์มือถือ หากว่าหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วท่านจะเลือกอะไร?

  • 0 ตอบ
  • 265 อ่าน
ครั้นเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่าจำใส่ใจจนต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจะดีเยี่ยมขึ้นไปอีก ครั้นเมื่อข้างในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้เราได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายรูป" นั่นเอง โดยในสมัยนี้ ใครต่อใคร ต่างก็มีสมาร์ทโฟนที่มีกล้องพร้อมมาด้วย สำหรับง่ายต่อการใช้งาน มิจำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบโต ยิ่งกว่านั้นยังมีความกระจ่างมิได้แตกต่างไปจากกล้องถ่ายภาพ DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว ทว่าที่แท้นั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายที่แตกต่างกันอยู่อย่างยิ่งเลยเชียว
 
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซนเซอร์ เหตุเพราะกล้องจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายรูปจากมือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าใด ก็จะเก็บแสงได้ดีกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติดีกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างนานาประการมากกว่า สำหรับโทรศัพท์มือถือสามารถทำได้ไม่ดีเท่ากล้องเท่าไรนัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังมีผลกระทบต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยตัดทอน Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ ซึ่งเมื่อย้อนกลับมาดูภาพจากกล้องถ่ายภาพมือถือก็จะเจอ Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายรูปมือถือเล็กกว่ากล้องทั่วไป
 
หลังจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพเหนือกว่ากล้องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถ้าหากเป็นการซูมของกล้องถ่ายรูป เจ้าสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย โดยน้อยรายในหมู่แบรนด์โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะมีคุณสมบัตินี้ เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำเป็นต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อให้ได้ความเกี่ยวพันของวัตถุบนภาพที่ดียิ่ง รวมถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เพราะว่าในสมาร์ทโฟนของท่านคงจะมีทั้งรูปภาพ เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาจริงๆ ถ้าหากท่านคิดว่าจะใช้กล้องมือถือถ่ายรูปคุณตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่พาแฟนเที่ยวตะลอน Universal Studios เพราะว่าท่านคงจะไม่อยากมานั่งลบภาพถ่าย ลบเพลงโปรด ไม่ก็ลิสหนังดังของเจ้าหรอก แต่หากว่ายอมสะพายกล้องถ่ายภาพสักตัว พร้อมด้วยเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าคุณได้ทั้งรูปที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของท่านแน่นอน
 
นั่นคือข้อมูลเบื้องต้นว่าเพราะอะไรคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายภาพตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องสมาร์ทโฟนไว้ก่อน และอาจหยุดพักยาวๆ เลย ถ้าหากได้รู้จักกับกล้องถ่ายภาพตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูจุดหลัก ๆ ของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนหรือเปล่า
 
กล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่เหมาะของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะมิใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นเป็นอันดี ข้อดีของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เนื่องจากว่ากล้องถ่ายรูป Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop ซึ่งถ้าหากถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูงงดงามแม้ในที่แสงน้อย โดยที่เจ้ามิจำเป็นจะต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย แถมป้องกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของท่านมิเป็นตัวปัญหาเช่นกัน โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่ถึงแม้ว่าจะถือด้วยมือ และไม่ได้มีวัสดุอุปกรณ์เสริมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาฉลุย ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแยกย่อยเฟรมเพื่อให้บันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้เช่นกัน

 จะเห็นว่านี่แค่จุดแข็งเรื่องเดียวของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ก็เอาชนะกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ลอยลำแล้ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ อีกมากมายเลยที่ยังมิได้กล่าวถึง อย่าง โหมดถ่ายภาพ Auto ที่ให้เจ้าปรับตั้งค่าตามที่เจ้าต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกหลากหลาย ตัวอย่างเช่น Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเพียบอยู่เช่นกัน เพื่อภาพมีความน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น และข้อดีอีกอย่างของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาง่ายมาก ซึ่งมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เพียงเท่านั้น ตัวนี้จึงสามารถลบคำสบประมาทที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา