ช่วงช่วงนี้จะเห็นว่ากระแสเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย ความงาม ไปจนถึงการดูแลตัวเองอยู่ในช่วงฮิตมากกว่าเดิมเรื่อยๆ โดยส่งผลให้สินค้าในทุกอย่างทั้งของกินของใช้ ทำให้ผู้ผลิตเลยจำเป็นต้องปรับพฤติกรรมไล่ตามให้เท่าทันเข้ากับความนิยมนี้ด้วยการคลอดผลิตภัณฑ์ที่จะมารับความต้องการส่วนนี้กันหลายแบรนด์ ส่วนหนึ่งในสินค้านั้นก็คือ Smart Watch มีออกมาหลากหลายแบรนด์ไม่ว่าจะเป็น Apple , Samsung , Sony รวมไปถึง Fitbit ผู้ผลิตที่เคยผลิตสายรัดเพื่อสุขภาพมาแล้วพร้อมด้วยได้ขยายมายังการทำ Smart Watch ในที่สุด
            อย่างที่ได้กล่าวไปว่า Fitbit ดังเกี่ยวกับการผลิตสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพมาแล้วแล้วส่งผลให้การออก Smart Watch สำหรับ Fitbit ในคราวนี้กลายเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก โดยที่ครั้งแรกที่ออกจำหน่ายเป็น Fitbit ionic โดยนับเป็นเครื่องแรกสำหรับ Smart watch จาก Fitbit และมีมูลค่าที่ออกจะแพงหากเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น จากนั้นก็ได้ออกอีกอย่างตามมาคือ Fitbit Versa คือรุ่นที่สองและยังมีมูลค่าไม่แพงกว่ารุ่นก่อน ต่อมาก็ได้มีการผลิตออกจำหน่ายอีกหลายอย่าง ไปดูกันว่าแต่ละรุ่นมีข้อดีข้อเสียเป็นอย่างไรบ้าง
            มาเริ่มกันที่รุ่น Fitbit ionic ที่ถือเป็นเครื่องแรกและยังเหมือนเป็นแบบที่ดีที่สุดที่มาจาก Fitbit เลยก็ว่าได้โดยจุดเด่นของอันนี้ก็คือ การเป็นเครื่องมือที่โฟกัสเรื่องของ Fitness โดยเฉพาะ ประกอบด้วยการติดตามพร้อมกับเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารร่างกายและลักษณะชีวิตตามปกติของคุณสำหรับเพื่อจะเอามาตรวจสอบและยังชี้แนะเราโดยใช้ระบบ Personal Coaching หรือว่าการให้คำปรึกษาสำหรับการบริหารร่างกาย เซนเซอร์ตรวจวัดชีพจรถึง 24 ชั่วโมง มีระบบ GPS ในเครื่องสำหรับติดตามเส้นทาง , ระยะทางไปจนถึงความรวดเร็ว สามารถกันน้ำบนขั้นความลึก 50 เมตร และยังสามารถใช้ในการว่ายน้ำได้ สามารถจัดเก็บไฟล์เพลงรวมทั้งรองรับหูฟังบลูทูธได้ มีเสาสัญญาณ Wifi ข้างในเครื่อง ข้อบกพร่องคือ อุปกรณ์บางชิ้นประสิทธิภาพดีไม่ดีเท่าที่ควร มูลค่าค่อนข้างแพง แล้วยังไม่รองรับบางอย่างได้ โดย Fitbit ionic สนนราคารวมแล้ว 10,990 บาท
แบบถัดมา เป็น Fitbit Versa เป็นรุ่นที่ออกตามมาของรุ่น ionic โดยที่รุ่นนี้มีจุดเด่นก็คือ ประกอบด้วยหน้าจอแตะรวมไปถึงหน้าปัดนาฬิกามีรูปแบบให้เลือกเพิ่มมากขึ้น เรือนบางรวมทั้งน้ำหนักเบาลงกว่ารุ่นเก่า ลูกเล่นในส่วนสุขภาพที่เป็นที่จับตามองของ Fitbit พร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดชีพจรแบบ Optical รวมไปถึงระบบเก็บข้อมูลการทำกิจกรรมที่คุณทำในทุกๆ วันเช่น การเดิน การเคลื่อนไหวร่างกาย เฝ้าตามประสิทธิภาพในการนอนหลับ นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนให้เคลื่อนไหวสมมุติคุณนิ่งนานเกินควร ช่วยให้รองรับการเชื่อม Wi-Fi รวมถึงบลูทูธ 4.0 ช่วยให้ป้องกันน้ำของขั้นความลึก 50  เมตรด้วย ในเรื่องเกี่ยวกับข้อบกพร่องก็คือ ถึงแม้แบตเตอรี่จะอยู่ได้ราวๆ 4 วันก็แล้วแต่นับว่าน้อยที่สุดในทุกรุ่นของ Fitbit ไม่ประมวลผลภาษาไทยได้ และไม่มีระบบ GPS ข้างในเครื่อง โดย Fitbit Versa สนนราคารวมแล้ว 8,490 บาท
            รุ่นถัดไป เป็น Fitbit Charge ประเภทนี้ที่มีข้อดีก็คือ มีหน้าจอแสดงผล มีระบบชี้แนะการหายใจ รวมทั้ง Heart Rate Tracking ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจโดยการวัดชีพจรผ่านข้อมือโดยตรง นอกจากนั้นแล้วยังมี Activity Tracking ก็คือระบบติดตามข้อมูลการออกกำลังกายออกแบบดูดีสวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน รวมไปถึงมีฟังก์ชั่นใช้งานอย่างมากมาย พลังงานทำให้ทำงานต่อเนื่องได้ยาวนาน 4 วัน ข้อเสียก็คือ ไม่สามารถป้องกันน้ำได้ ไม่มีระบบ GPS ข้างในร่างถ้าจะใช้งานจำเป็นต้องใช้ในแอปพลิเคชั่นอย่างเดียว โดยที่สนนราคาสำหรับ Fitbit Charge อยู่ที่  5,690 บาท
            รุ่นสุดท้ายที่กำลังจะพูดถึงคือ Fitbit Alta HR ข้อดีของรุ่นนี้คือ มีหน้าจอภาพ มี Heart Rate Tracking ที่ช่วยเก็บข้อมูลการเต้นสำหรับหัวใจได้แบบ 24 ชั่วโมงและยังมีระบบตรวจวัดคุณภาพการนอนด้วยระดับชีพจรจากผู้ใช้งาน มี Activity Tracking ที่ช่วยให้ตามข้อมูลการบริหารร่างกาย ทำให้ใช้บลูทูธได้ ทำงานร่วมกับ Android รวมถึง iOS ได้หมด แบตเตอรี่ช่วยให้ใช้งานติดต่อกันได้ยาวนาน 7 วัน ด้านข้อบกพร่องเป็น กันน้ำไม่ได้ ไม่มีระบบ GPS มาให้ภายในเครื่อง การใช้งานที่ที่ที่แจ้งจอมองเห็นได้ยาก รวมถึงบางทีจอแสดงผลอาจตอบรับช้า โดยที่ราคาของ Fitbit Alta HR รวมแล้ว 5,490 บาท
จะเห็นได้ว่า Smart Watch มาจาก Fitbit มุ่งเน้นโครงสร้างการใช้งานทั้งหมดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวร่างกาย รวมถึงการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงมีหลายอย่างหลายแบบให้ไว้ให้เลือกซื้อกันได้ตามความเหมาะสมนับว่าเหมือนเป็นอีกยี่ห้อที่ทำ Smart Watch ออกมาได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : fitbit ราคา

Tags : Fitbit,fitbit ราคา,นาฬิกา fitbit