สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายภาพถ่ายรูป VS กล้องถ่ายภาพโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถ้าหากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วท่านจักเลือกอ

  • 0 ตอบ
  • 330 อ่าน
ครั้นเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่ารำลึกจนต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจักวิเศษขึ้นอีก ครั้นในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้รวบรวมภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้อง" นั่นเอง โดยในสมัยนี้ ใครก็ตาม ต่างก็มีสมาร์ทโฟนที่มีกล้องถ่ายรูปพร้อมกันมาด้วย เพราะว่าง่ายต่อการใช้งาน มิจำเป็นจะต้องสะพายกระเป๋ากล้องใบโต อีกทั้งยังมีความกระจ่างไม่ได้แตกต่างไปจากกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว ถึงกระนั้นจริงๆ แล้วนั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายก่ายกองที่ต่างกันอยู่มากเลยเทียว
 
อย่างเช่นเรื่องเซนเซอร์ เหตุด้วยกล้องถ่ายภาพจักมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายภาพจากมือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าใด ก็จะรวบรวมแสงได้ดีกว่า ได้รายละเอียดปลีกย่อยภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติดีกว่า รวมถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างนานาประการมากกว่า สำหรับโทรศัพท์มือถืออาจทำได้ไม่ดีเท่ากล้องเท่าไหร่นัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังมีผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยเมื่อย้อนกลับมามาดูภาพจากกล้องสมาร์ทโฟนก็จะเห็น Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องถ่ายภาพทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องมือถือเล็กกว่ากล้องทั่วๆ ไป
 
หลังจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพดีกว่ากล้องถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือ หากเป็นการขยายของกล้องถ่ายภาพ เธอสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่ยี่ห้อโทรศัพท์มือถือที่จะมีคุณสมบัตินี้ เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำเป็นจะต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อให้ได้ความข้องเกี่ยวของวัตถุบนภาพที่ดีที่สุด รวมถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เพราะว่าในโทรศัพท์มือถือของเจ้าอาจมีทั้งรูปภาพ เพลง หนัง หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาจริงๆ ถ้าเธอคิดว่าจะใช้กล้องสมาร์ทโฟนชักรูปเธอตลอดทริปที่กินซ่าไม่ก็พาคู่ควงท่องเที่ยว Universal Studios ก็เพราะว่าเจ้าคงจะมิอยากมานั่งลบรูปถ่าย ลบเพลงโปรด หรือลิสหนังโด่งดังของคุณหรอก แต่หากว่ายอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมด้วยเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน มั่นใจว่าเธอได้ทั้งภาพถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของท่านแน่นอน
 
นั่นเป็นข้อมูลขั้นแรกว่าเพราะเหตุไรพวกเราถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายรูปตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนไว้ก่อน และอาจจะหยุดพักยาวๆ เลย ถ้าหากได้รู้จักกับกล้องตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D โดยก่อนหน้าจะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูประเด็นสำคัญ ๆ ของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องมือถือหรือไม่
 
กล้อง Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่พอเหมาะของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นเป็นอันดี สาระสำคัญของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เพราะกล้องถ่ายภาพ Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop โดยหากว่าถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ในที่แสงสว่างน้อย โดยที่คุณไม่ต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย อีกทั้งยังป้องกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ อีกทั้งทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของท่านไม่เป็นปัญหาเช่นกัน โดยกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยทีเดียว ที่แม้ว่าจะถือด้วยมือ และไม่ได้มีอุปกรณ์เสริมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาสะดวก ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแบ่งเฟรมเพื่อให้บันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้เช่นกัน

 จะเห็นว่านี่แค่ข้อดีเรื่องเดียวของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ก็พิชิตกล้องถ่ายรูปโทรศัพท์มือถือลอยลำแล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังมีคุณลักษณะหลายอย่าง อีกมากมายเลยที่ยังไม่ได้อ้างอิงถึง เช่นว่า โหมดถ่ายภาพ Auto ที่ให้เธอปรับตั้งค่าตามที่ท่านต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน เป็นต้น และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะแยะอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าดึงดูดใจมากเพิ่มขึ้น และจุดดีอีกอย่างของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ คือมีสัดส่วนที่เล็ก และพกพาง่ายมาก ซึ่งมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้เพียง 362 กรัม เพียงเท่านั้น ตัวนี้จึงสามารถลบคำปรามาสที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา