สวัสดี บุคคลทั่วไป

ซื้อเครื่องปรับอากาศเช่นใด เพื่อให้ประหยัดเงินทองในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 234 อ่าน
พออากาศมันร้อน เลยก็เลยต้องหาวิธีมาดับอบอ้าวกันสักหน่อย คนถนัดรับประทาน ก็หาของกินทานคลายร้อนกันไป แต่อย่างไรก็ตามหากว่าใครอยากให้อากาศที่ที่พักอาศัยไม่อบอ้าวเหมือนกับนรก ก็คงจำเป็นต้องอาศัย "แอร์" หรือเรียกว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง ถ้าหากใช้แอร์ บางคนก็ต้องกังวลด้านเรื่องของรายจ่ายค่าไฟที่มันจะตามมาหลังจากนั้น แต่ทุกคนจะมีเกณฑ์การซื้ออย่างใด ให้ได้ทั้งสินค้าคุณภาพดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อันดับแรกเราจะจำเป็นต้องคำนึงถึงประเภทของเครื่องปรับอากาศน่าจะต้องให้เหมาะสมกับที่ตั้งกับการทำงาน โดยปัจจุบันนี้นั้นมีหลายหลากแบบให้เลือกหา เพราะแต่ละอย่างก็มีคุณลักษณะต่างกันไป ถ้าหากหากเลือกผิดนั้น ทำให้สามารถทำให้อาจจะโทษกับแอร์ รวมถึงยังทำให้เสียพลังงานไปอีก หลักๆ แล้ว แอร์จะแบ่งเป็นหลากหลายประเภท ได้แก่ แอร์ติดผนัง, แอร์ตั้งพื้น, แอร์ฝังเพดาน และ เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่แต่ละลักษณะ มีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันเลย
อันแรกคือเครื่องปรับอากาศติดกำแพง ซึ่งแอร์อย่างนี้ เป็นที่ใช้มากกันอยู่แล้ว หรือน่าจะต้องคุ้นตากันอยู่บ่อยๆ นั่นแหละ ซึ่งการทำงานที่หลากหลาย และด้วยรูปลักษณ์การออกแบบที่ตามสมัยนิยม และก็มีขนาดกะทัดรัด อีกทั้งยังทำให้ลดการใช้ไฟฟ้า และสามารถรักษาสะดวก เพราะเครื่องปรับอากาศรูปแบบนี้ เหมาะกับห้องสัดส่วนย่อมๆ รวมทั้งที่พักอาศัย หรือว่าคอนโดธรรมดา ช่วยให้ตรงใจกับความต้องการในการทำงานได้อย่างหลายแบบ
ต่อมาเป็นเครื่องปรับอากาศตั้งขึ้นพื้น โดยที่แอร์ประเภทนี้ถือเป็นประเภทที่มีการกระจายความเย็นฉ่ำได้มาก สามารถสร้างความเย็นฉ่ำได้แบบรวดเร็ว รวมถึงทนทานต่อการใช้งาน รวมไปถึงทนทานต่อฝุ่นควันอีกด้วย เพราะว่าลักษณะของเครื่องปรับอากาศจะเป็นรูปแบบติดตั้งบนพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีสัดส่วนกว้าง โรงงาน และมีประชากรหนาแน่น  โดยที่แอร์ลักษณะนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยส่งผลให้เปลืองพลังงานมากกว่าแอร์ชนิดอื่นๆ
แบบถัดมาคือชนิดเครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน โดยกลุ่มนี้จะเป็นแอร์ 4 ทาง เครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา และท่อน้ำทิ้ง สามารถติดตั้งด้านในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถเก็บทรงความสวยหรูของห้องได้อย่างดี ลดขีดจำกัดในการติด โดยที่เหมาะสมกับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความเรียบร้อย ช่วยให้ในบ้านสวยตามเดิม  อย่างไรก็ตามเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้จะมีมูลค่ามักสูงกว่าเครื่องปรับอากาศประเภทอื่นๆ
ส่วนชนิดสุดท้ายคือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ ซึ่งแอร์ชนิดนี้จะไม่ซับซ้อนคล้ายกับอย่างที่แล้ว เพราะเพียงแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยที่เครื่องปรับอากาศแบบนี้ใช้งานได้อย่างเดียวกันกับแอร์ที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่ไม่เหมือนแบบอื่นก็ตรงที่สามารถย้ายที่ได้ และก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเข้ากับตัวบ้านด้วย เหมาะกับคนที่อยู่หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลก็ง่ายมาก เหมือนแอร์ทั่วๆ ไปเลย
กลับมาที่หลักเกณฑ์การซื้อกันต่อ ต่อมาก็ควรจะเลือกขนาดเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมขนาดห้อง เพื่อที่ถ้ารู้สัดส่วนห้องแล้วนั้น ก็จะไม่ยากกับการเลือกซื้อขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคิดค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะพอเหมาะกับการใช้งานและช่วย
ประหยัดไฟฟ้า โดยที่หลายคนคงยังไม่รู้ว่า BTU คืออะไร ซึ่งมันคือ ขนาดสร้างความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ดังนั้นการเลือกซื้อ BTU ย่อมมีความจำเป็น เนื่องจากจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังงานกับอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง ซึ่งหากเลือกแอร์ที่มี BTU มากเกินไป ก็จะทำให้ทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ประสิทธิภาพข้างในถดถอย และยังส่งผลให้เกิดความชื้นในห้องสูง ส่งผลให้ผู้อาศัยไม่สบาย หรือไม่ก็ไม่สบายได้ อีกทั้งยังส่งผลให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือไม่ก็สมมติว่าซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะทำให้คอมแอร์ทำงานตลอดเวลารวมทั้งหนักจนเกินควร  เพราะอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงกับที่ตั้งหรือกำหนดไว้  ซึ่งจะทำให้เป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศทรุดโทรมได้ง่ายๆ รวมถึงสิ้นเปลืองพลังงานอีกเช่นกัน
                ถัดมาก็คือหลักไม่ยาก เกินที่ใครเห็น ก็ต้องทำให้ตัดสินใจซื้อแน่นอน ก็คือ การตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะนั่นหมายถึง คุณภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มที่สุด เลยจะทำให้ประหยัดพลังงานและประหยัดเงินได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา