สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายภาพถ่ายรูป VS กล้องถ่ายภาพโทรศัพท์มือถือ หากว่าหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วเธอจักเลือกสิ่งไร

  • 0 ตอบ
  • 276 อ่าน
ครั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่าจำขึ้นใจจนต้องรวบรวมบันทึกออกมาเป็นรูป และมันจะวิเศษขึ้นอีก ครั้นเมื่อข้างในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้เราได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายรูป" นั่นเอง ซึ่งในเวลานี้ ใครต่อใคร ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายภาพพร้อมกันมาด้วย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ไม่ต้องสะพายกระเป๋ากล้องใบโต อีกทั้งยังมีความชัดมิได้แตกต่างไปจากกล้องถ่ายรูป DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แม้กระนั้นจริงๆ แล้วนั้นมันยังมีอะไรอีกมากหลายที่แตกต่างกันอยู่มากเลยทีเดียว
 
อย่างเช่นเรื่องเซนเซอร์ เพราะกล้องถ่ายภาพจักมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องจากโทรศัพท์มือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าใด ก็จะรักษาแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติเหนือกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างหลากหลายมากกว่า สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่อาจจะทำได้ไม่ดีเท่ากล้องเท่าใดนัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังมีผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยครั้นย้อนกลับมามาดูภาพจากกล้องถ่ายรูปโทรศัพท์มือถือก็จะเห็น Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องถ่ายรูปทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายภาพโทรศัพท์มือถือเล็กกว่ากล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไป
 
ถัดจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพดีกว่ากล้องจากโทรศัพท์มือถือ หากเป็นการขยายของกล้องถ่ายภาพ ท่านสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย โดยน้อยรายในหมู่ยี่ห้อมือถือที่จะมีคุณสมบัตินี้ ก็เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำเป็นต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อได้ความเกี่ยวพันของสิ่งของบนภาพที่ดียิ่ง รวมไปถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ ก็เพราะว่าในโทรศัพท์มือถือของท่านคงจะมีทั้งรูปถ่าย เพลง หนัง หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาแน่ๆ หากท่านคิดว่าจะใช้กล้องสมาร์ทโฟนชักรูปเธอตลอดทริปที่กินซ่าไม่ก็พาคนรักท่องเที่ยว Universal Studios เพราะว่าเจ้าคงจะมิอยากมานั่งลบรูป ลบบทเพลงโปรด ไม่ก็ลิสหนังโด่งดังของเจ้าหรอก แต่ถ้าว่ายอมสะพายกล้องถ่ายภาพสักตัว พร้อมเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน มั่นใจว่าเจ้าได้ทั้งรูปถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของคุณแน่นอน
 
นั่นคือข้อมูลขั้นแรกว่าเพราะเหตุใดคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายรูปตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ก่อน และอาจหยุดพักยาวๆ เลย ถ้าได้รู้จักกับกล้องตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D โดยก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูจุดแข็ง ๆ ของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนหรือเปล่า
 
กล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายภาพเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่มากที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่เหมาะสมของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี จุดเด่นของกล้อง Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เนื่องจากกล้องถ่ายภาพ Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop โดยหากถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปที่มีคุณภาพสูงงดงามแม้ที่แสงน้อย โดยที่เจ้ามิต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย แถมป้องกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังเป็นเหตุให้การบันทึกภาพยนตร์ของท่านไม่เป็นปัญหาอีกด้วย โดยกล้อง Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยทีเดียว ที่ถึงแม้ว่าจะถือด้วยมือ และมิได้มีเครื่องมือเสริมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาสะดวก ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแยกแยะเฟรมสำหรับบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่ข้อดีเรื่องเดียวของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ก็เอาชนะกล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนลอยลำแล้ว นอกจากนี้ยังมีคุณลักษณะต่างๆ อีกมากมายก่ายกองเลยที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง เช่นว่า โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้ท่านปรับตั้งค่าตามที่เจ้าต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเพียบอยู่เช่นกัน เพื่อภาพมีความน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น และข้อเด่นอีกอย่างของกล้อง Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาง่ายมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้เพียง 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำสบประมาทที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : olympus ราคา

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา