สวัสดี บุคคลทั่วไป

ซื้อแอร์เช่นใด ให้เซฟเงินในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 379 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
ตอนอากาศมันร้อน เลยก็ต้องค้นหาวิธีเพื่อมาหายร้อนกันซะหน่อย คนชอบทาน ก็หาของกินทานดับร้อนกันไป แต่อย่างไรก็ตามหากว่าใครต้องการอากาศที่ที่พักไม่ร้อนอย่างนรก ก็คงจำเป็นต้องพึ่ง "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" แล้วละ แต่ถ้าใช้งานเครื่องปรับอากาศ บางคนก็ต้องกังวลด้านเรื่องของรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาทีหลัง แต่ทุกคนจะมีหลักเกณฑ์การเลือกซื้ออย่างไร เพื่อจะได้ทั้งของน่าพอใจ แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
ข้อแรกเราจะจำเป็นต้องคำนึงถึงแบบของเครื่องปรับอากาศต้องให้เหมาะสมต่อพื้นที่รวมถึงการใช้งาน เพราะปัจจุบันนั้นมีหลายรูปแบบให้เลือกหา เพราะแต่ละอย่างก็มีคุณลักษณะแตกต่างกันไป ถ้าหากเลือกผิดนั้น ก็สามารถส่งผลให้ก่อให้เกิดผลเสียแก่แอร์ รวมถึงยังทำให้เสียพลังงานไปอีก โดยหลักๆ แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแยกออกเป็นหลากหลายประเภท อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดกำแพง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, เครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน รวมถึง แอร์เคลื่อนที่ ซึ่งแต่ละประเภท ประกอบด้วยลักษณะอย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันเลย
อย่างแรกก็คือแอร์ติดกำแพง โดยแอร์ลักษณะนี้ เป็นที่ใช้มากกันอยู่แล้ว หรือว่าต้องเคยเห็นกันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ เพราะว่าการทำงานที่หลายแบบ ประกอบด้วยลักษณะการดีไซน์ที่ตามสมัยนิยม รวมถึงก็มีขนาดพอดี อีกทั้งยังทำให้ลดการใช้พลังงาน แล้วยังสามารถดูแลง่ายๆ เพราะว่าแอร์รูปแบบนี้ เหมาะสำหรับห้องสัดส่วนย่อมๆ และที่พัก หรือคอนโดธรรมดา สามารถตอบโจทย์ต่อความมุ่งหมายของการทำงานได้อย่างหลากหลายรูปแบบ
ต่อมาคือเครื่องปรับอากาศตั้งพื้น ซึ่งแอร์แบบนี้คือประเภทที่มีการกระจายความเย็นฉ่ำได้มาก สามารถสร้างความเย็นฉ่ำได้แบบรวดเร็ว และทนในการทำงาน รวมถึงทนทานกับฝุ่นควันอีกด้วย โดยที่ประเภทของเครื่องปรับอากาศจะเป็นประเภทตั้งบนพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีสัดส่วนกว้าง โรงงาน รวมถึงมีผู้คนเยอะ  โดยแอร์อย่างนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยส่งผลให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ามากกว่าแอร์แบบอื่นๆ
ชนิดถัดไปคือประเภทแอร์ติดฝ้าเพดาน โดยที่แบบนี้จะคือเครื่องปรับอากาศ 4 ทาง ตัวเครื่องแอร์ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำเสีย สามารถติดตั้งข้างในฝ้าเพดาน ทำให้สามารถคงทรงความประณีตของห้องได้อย่างดี ลดขีดจำกัดในการติดตั้ง ซึ่งเหมาะสำหรับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความสวยงาม ช่วยให้ในบ้านสวยเหมือนเดิม  แต่แอร์ชนิดนี้มักจะมูลค่าค่อนข้างจะสูงมากกว่าเครื่องปรับอากาศประเภทอื่นๆ
ส่วนอย่างท้ายที่สุดก็คือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่แอร์แบบนี้จะไม่ค่อยยุ่งยากคล้ายกับชนิดที่แล้ว เพราะแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยที่เครื่องปรับอากาศกลุ่มนี้ใช้งานได้แบบเดียวกันกับแอร์ที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่ว่าไม่เหมือนแบบอื่นก็ตรงที่สามารถขนย้ายได้ แล้วก็ไม่ต้องติดตั้งเข้ากับผนังด้วย เหมาะสมกับผู้ที่อยู่หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลรักษาก็สะดวกมาก เหมือนกับเครื่องปรับอากาศธรรมดาเลย
ย้อนกลับมาที่เกณฑ์การตัดสินใจซื้อกันต่อ ถัดมาก็ควรจะเลือกสัดส่วนแอร์ให้เข้ากับพื้นที่ห้อง เพราะว่าถ้ารู้สัดส่วนห้องเรียบร้อยแล้วนั้น มันก็จะสะดวกกับการซื้อขนาดของแอร์และการคำนวณค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะพอเหมาะกับการทำงานและทำให้
เซฟไฟฟ้า โดยที่หลายคนคงยังไม่เข้าใจว่า BTU หมายถึงอะไร ซึ่งมันก็คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ฉะนั้นการเลือก BTU จึงมีความจำเป็น ก็เพราะว่าจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังและอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง ถ้าหากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินพอดี ก็ทำให้ทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ประสิทธิภาพภายในลดลง พร้อมกับยังมีผลให้ให้มีความชื้นข้างในห้องสูง อาจทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยไม่สบาย หรือว่าไม่สบายได้ อีกทั้งยังทำให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือว่าสมมติว่าเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะทำให้คอมแอร์ถูกใช้งานทุกเวลาและหนักจนเกินพอดี  เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ปรับหรือกำหนดไว้  โดยจะมีผลให้ทำให้เครื่องปรับอากาศเสียได้ง่าย รวมทั้งสิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย
                ถัดมาก็คือแนวทางง่ายๆ เกินที่ไม่ว่าใคร ก็คงจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อแน่นอน ก็คือ การซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้รับสลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะนั่นหมายความว่า ประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มที่สุด โดยจะช่วยประหยัดไฟฟ้าและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา