สวัสดี บุคคลทั่วไป

อากาศภายในบ้านหมดจดง่ายๆ ด้วยที่ฟอกสภาพอากาศ

  • 0 ตอบ
  • 317 อ่าน
            ปัจจุบันสภาพอากาศที่เราหายใจไปเกือบคืออากาศมีแค่ฝุ่นละอองพร้อมทั้งสารพิษที่เจือปนเข้ามาในนั้นอาจจะกระตุ้นให้ป่วยง่าย หรือไม่ก็สูดไม่ง่ายได้ ดังนั้นการที่อยู่ท่ามกลางมลภาวะสิ่งสกปรกเราเลยหลีกหนีไม่ได้ที่ต้องหายใจสภาพอากาศนำพวกนั้นไปในตัว
            แต่ครั้งเรากลับที่อยู่อาศัยเราเป็นไปได้ว่าเห็นว่าสภาพอากาศภายในที่พักบริสุทธิ์มากกว่าข้างนอกก็จริงแต่ยังมีฝุ่นมาจากเครื่องใช้ภายในบ้านที่บางครั้งคุณคงจะเห็นว่าก็ทำความสะอาดอยู่บ่อย หรือว่าที่เกาะมาพร้อมกับเครื่องแต่งตัวเราที่ออกไปด้านนอกมาตลอดทั้งวัน สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้คุณจำเป็นต้องอยู่กับมลภาวะทุกเวลา อย่างนั้นแล้วคุณเลยควรจะมีผู้ช่วยที่มีชื่อว่า เครื่องกรองสภาพอากาศ ไว้ภายในบ้านเพื่อที่จะทำให้ที่พักบริสุทธิ์พร้อมด้วยเราได้อากาศบริสุทธิ์บ้างในทุกวัน
            โดยที่เครื่องกรองอากาศที่ใช้งานในบ้านมีอยู่ 4 ประเภทด้วยกันเช่น 1. เครื่องฟอกอากาศแบบใช้งานแผ่นกรองคาร์บอน (Carbon Air Purifiers) โดยที่ตามธรรมดาแล้วล่ะก็คาร์บอนมีคุณลักษณะเพื่อดูดจับสิ่งสกปรกพร้อมกับกลิ่นตั้งแต่แรกแล้วส่งผลให้มีการเอามาจัดทำเป็นที่กรองสภาพอากาศที่ประกอบด้วยคาร์บอนให้ทำงานกับกระบวนการสกัดสภาพอากาศ 2. ที่ฟอกอากาศรูปแบบใช้งานประจุไฟฟ้า (Ionic Air Purifiers) โดยที่ฟอกอากาศลักษณะนี้มีการเลือกประจุไฟฟ้ามาใช้งานสำหรับดักอนุภาคฝุ่นทั้งหลาย เนื่องจากประจุไฟฟ้าสามารถดักฝุ่นละอองได้ดีอาจจะมีสิ่งเล็กๆเล็กก็แล้วแต่ อย่างเช่นฝุ่นละอองธรรมดา ขนสัตว์ หรือแม้แต่ควันบุหรี่ ส่งผลให้เครื่องกรองอากาศแบบนี้เหมาะกับผู้บริโภคที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือไม่ก็เป็นภูมิแพ้ 3. เครื่องกรองสภาพอากาศประเภทศักยภาพในการกรองดีมาก (High Efficiency Particle Arresting) หรือที่เรียกกันว่า HEPA คือเครื่องฟอกอากาศมีความสามารถเพื่อกรองอากาศสูงมากเพราะว่าตัวไส้กรองผลิตที่มาจากใยแก้วละเอียด สามารถกรองอากาศให้สะอาดมากที่สุด 99% อย่างไรก็ตามข้อเสียก็คือไม่สามารถซึมซับควันหรือว่าซับกลิ่นได้ คือที่กรองสภาพอากาศที่มักจะใช้ข้างในสถานพยาบาลหรือไม่ก็โรงงานบางที่ โดยที่ไส้กรองมีอายุการใช้งานนานถึง 4 ปี  4. เครื่องฟอกอากาศแบบผสม เหมือนเป็นเครื่องกรองสภาพอากาศที่ลักษณะผสม 2 ระบบไปด้วยกันอาจคือรวมกันของ Carbon กับ Ionic หรือว่า HEPA กับ Ionic ก็ได้สุดแท้แต่ว่าผู้ประดิษฐ์มุ่งหมายให้ที่ฟอกสภาพอากาศใช้งานออกมาในแบบไหน
            ด้วยประเภทเครื่องฟอกอากาศทั้งหลายที่พูดถึงอาจจะได้มีหลายๆคนคลางแคลงใจว่าแล้วจะกอบด้วยรูปแบบการเลือกที่กรองสภาพอากาศอย่างไรให้เหมาะกับตนเองมากที่สุด เริ่มที่จำเป็นต้องคุ้นเคยอากาศภายในที่พักอาศัยตัวเองก่อนว่าลักษณะอากาศรอบๆ บ้านเป็นอย่างไร มีผงจำนวนมากหรือเปล่า หรือมีกลิ่นไม่ดีหรือไม่เลยค่อยซื้อที่กรองสภาพอากาศถัดจากนั้นที่การคัดตัวที่กรองอากาศโดยเครื่องที่ีมีประสิทธิภาพน่าจะต้องมี  2 ระบบในเครื่องเดียวคือ  สกัดฝุ่นละออง ดักจับขี้ฝุ่น พร้อมกับซับกลิ่นข้างในเพียงอันเดียว รวมไปถึงมีพลังที่จะสามารถดึงสภาพอากาศรอบๆ เพื่อจะนำไปกรองพร้อมทั้งปลดปล่อยสภาพอากาศบริสุทธิ์ออกมา ตรวจสอบดูให้ดีว่าระบบกรองอากาศพร้อมทั้งแผ่นกรองเป็นแบบที่คุณมุ่งหวังหรือเปล่าพร้อมด้วยสามารถเอาไปชะล้างได้ไม่ยากหรือไม่รวมทั้งพวกสนนราคาแผ่นกรองเป็นอย่างไรเพื่อที่ตอนที่ที่กรองหมดอายุจะสามารถเลือกซื้อได้ง่าย ท้ายที่สุดก็คือการคิดตัวเลขที่เรียกว่า  CADR (Clean  Air  Delivery  Rate)  ตัวเลขนี้ก็เป็นตัวเลขสำหรับตรวจวัดความสามารถสำหรับทำงานสำหรับที่กรองอากาศโดยที่ค่านี้จะมากขึ้นหากมีคนอยู่ที่ห้อง
            ส่วนสำหรับการทำงานพร้อมด้วยการดูแลรักษาก็เป็น การใช้งานในส่วนเครื่องกรองอากาศควรปิดห้องเพื่อที่จะเครื่องฟอกอากาศใช้งานทิ้งไว้ก่อนที่เข้าในห้องเพื่อให้สภาพอากาศบริสุทธิ์ก่อนหน้า ในด้านการเอาใจใส่เก็บกวาดก็คือพึงชะล้างที่กรองอย่างน้อยเกือบทุก  3 เดือน  ด้วยการเอามาชะล้างแล้วก็แล้วก็ผึ่งให้หายชื้น  เพื่อจะฆ่าไวรัส  หรือว่าล้างดังที่เอกสารแนะนำบ่งชี้เอาไว้ อย่างไรก็ดีในส่วนคนที่ไม่ต้องการล้างบ่อยๆ ควรจะเลือกใช้ประเภทประจุไฟฟ้า เพราะแม้ว่าจะราคาสูงกว่าแบบนอกจากนี้แต่ไม่ได้ไม่จำเป็นต้องล้างประจำและยังดูแลง่ายกว่า
จะเห็นว่าที่ฟอกอากาศมีอยู่หลายประเภทรวมทั้งแนวทางเพื่อซื้อให้เหมาะกับการใช้งานก็ไม่ยากเหมือนที่คิดไว้นอกจากการเอาใจใส่ความสะอาดสะอ้านก็ยังสะดวกมากอีกด้วย โดยที่ที่ฟอกอากาศมีซื้อกันหลายแบรนด์ด้วยกันตัวอย่างเช่น Sharp , Philip , Dyson ,Blueair ฯลฯ มีตั้งแต่ราคา 2-3พันบาทจนถึง 4-5 หมื่นเลย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี

Tags : เครื่องฟอกอากาศ,เครื่องฟอกอากาศ ราคา,เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี