สวัสดี บุคคลทั่วไป

ซื้อเครื่องปรับอากาศอย่างไร ให้ประหยัดเงินทองในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 301 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
ตอนสภาพอากาศมันอบอ้าว มันก็ต้องค้นหาวิธีเพื่อมาหยุดอบอ้าวกันนิดนึง คนชอบบริโภค ก็ค้นหาของกินทานคลายร้อนกันไป แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากใครต้องการอากาศในที่พักไม่อบอ้าวเหมือนกับนรก ก็คงน่าจะต้องพึ่ง "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง แต่ถ้าใช้เครื่องปรับอากาศ บางท่านก็คงจะต้องไม่สบายใจส่วนเรื่องของค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาภายหลัง แล้วเราจะมีหลักเกณฑ์การซื้ออย่างใด เพื่อจะได้ทั้งของน่าพอใจ แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกทุกคนจะต้องนึกถึงประเภทของแอร์น่าจะต้องให้เหมาะกับพื้นที่และการทำงาน เพราะสมัยนี้นั้นมีหลายหลากแบบให้เลือก โดยที่แต่ละรูปแบบก็มีสเปคต่างกันไป ถ้าหากเลือกซื้อผิดนั้น ก็คงอาจส่งผลให้เกิดโทษกับแอร์ รวมถึงยังทำให้เสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ จริงๆ แล้ว แล้วนั้น แอร์จะแบ่งเป็นหลากหลายแบบ ตัวอย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดกำแพง, แอร์ตั้งพื้น, แอร์ติดฝ้าเพดาน รวมถึง แอร์เคลื่อนที่ โดยที่แต่ละลักษณะ ประกอบด้วยลักษณะอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
อันแรกเป็นแอร์ติดกำแพง ซึ่งแอร์ประเภทนี้ เป็นที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว หรือคงจะคุ้นตากันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ ซึ่งใช้งานที่หลากหลาย และด้วยรูปแบบการดีไซน์ที่ทันสมัย รวมทั้งก็มีสัดส่วนกะทัดรัด แล้วยังยังทำให้ประหยัดไฟฟ้า และสามารถดูแลรักษาไม่ยาก เพราะแอร์ประเภทนี้ เหมาะกับห้องสัดส่วนย่อมๆ รวมทั้งบ้าน หรือว่าคอนโดทั่วๆ ไป ทำให้ตรงใจต่อความมุ่งหมายกับการใช้งานได้อย่างหลากหลายแบบ
ต่อมาเป็นเครื่องปรับอากาศวางพื้น โดยที่เครื่องปรับอากาศลักษณะนี้คือแบบที่มีการแผ่กระจายความเย็นฉ่ำได้ดี สามารถทำความเย็นฉ่ำได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งทนทานต่อการใช้งาน รวมไปถึงทนกับมลพิษอีกด้วย โดยที่ลักษณะของเครื่องปรับอากาศจะเป็นรูปแบบตั้งบนพื้น เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่ใหญ่ โรงงาน หรือมีประชากรคับคั่ง  ซึ่งเครื่องปรับอากาศชนิดนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยทำให้เปลืองไฟฟ้ากว่าแอร์อย่างอื่นๆ
แบบถัดมาคือประเภทแอร์ฝังฝ้าเพดาน โดยที่ลักษณะนี้จะเป็นเครื่องปรับอากาศ 4 ทิศทาง ตัวเครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำทิ้ง สามารถติดตั้งภายในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถคงทรงความดูดีของห้องได้อย่างดี ตัดทอนขีดจำกัดในการติด โดยที่เหมาะสมกับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความสวยงาม ทำให้ในบ้านสวยตามเดิม  อย่างไรก็ตามแอร์ประเภทนี้มักมีมูลค่ามักจะแพงกว่าแอร์ลักษณะอื่นๆ
ส่วนชนิดท้ายที่สุดคือแอร์เคลื่อนที่ โดยที่แอร์ลักษณะนี้จะไม่ค่อยยุ่งยากเหมือนกับกับอย่างก่อน ก็เพราะว่าเพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยเครื่องปรับอากาศประเภทนี้ใช้งานได้อย่างเดียวกันกับแอร์บ้านทั่วๆ ไป แต่ว่าไม่เหมือนแบบอื่นก็ตรงที่สามารถขนย้ายได้ รวมถึงก็ไม่ต้องติดตั้งกับบ้านด้วย เหมาะกับผู้ที่อยู่หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม รักษาก็สะดวกมาก เหมือนกับแอร์ทั่วไปเลย
กลับมาที่เกณฑ์การตัดสินใจซื้อกันต่อ ถัดมาก็ควรจะตัดสินใจขนาดเครื่องปรับอากาศให้เข้ากับสัดส่วนห้อง ก็เพราะว่าเมื่อรู้ขนาดห้องแล้วนั้น ทำให้ง่ายกับการตัดสินใจซื้อขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคำนวณค่า BTU นั่นเอง เพื่อเหมาะสมกับการทำงานและทำให้
ลดการใช้ไฟฟ้า โดยหลายคนคงจะยังไม่รู้ว่า BTU หมายถึงอะไร ซึ่งมันหมายถึง ขนาดสร้างความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดย 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการซื้อ BTU จึงมีความสำคัญ เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังกับอายุการทำงานของแอร์นั่นเอง หากตัดสินใจเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินไป ก็ทำให้ทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ศักยภาพข้างในลดลง พร้อมกับยังส่งผลให้เกิดความชื้นในห้องสูง ส่งผลให้ผู้อาศัยไม่สบาย หรือป่วยได้ แล้วยังส่งผลให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือไม่ก็สมมติว่าเลือกซื้อแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะทำให้คอมแอร์ถูกใช้งานตลอดเวลาและมากจนเกินพอดี  เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ปรับหรือกำหนดไว้  โดยจะส่งผลเป็นเหตุให้แอร์พังได้ง่ายๆ และสิ้นเปลืองพลังงานอีกเช่นกัน
                ต่อมาจะเป็นแนวทางง่ายๆ เกินที่ใครเห็น ก็ต้องช่วยให้เลือกเลือกซื้อแน่นอน คือ การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นหมายความว่า คุณภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มที่สุด โดยจะทำให้ประหยัดพลังงานและประหยัดรายจ่ายได้นั้นเอง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : แอร์ ราคา

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา