สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายรูป VS กล้องมือถือ หากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วเธอจักเลือกอะไร?

  • 0 ตอบ
  • 246 อ่าน
ครั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่ารำลึกจนจำต้องรวบรวมบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจะดีเยี่ยมขึ้นไปอีก ครั้นภายในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายรูป" นั่นเอง ซึ่งในยุคนี้ ใครๆ ต่างก็มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีกล้องถ่ายรูปพร้อมกันมาด้วย สำหรับง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบโต ยิ่งกว่านั้นยังมีความคมชัดไม่ได้ต่างไปจากกล้องถ่ายภาพ DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว อย่างไรก็ดีความจริงนั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายก่ายกองที่แตกต่างกันอยู่เพียบเลยเทียว
 
อาทิเช่นเรื่องเซนเซอร์ เพราะด้วยกล้องจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายรูปจากมือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะรวบรวมแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติเหนือกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างหลากหลายมากกว่า เนื่องด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายรูปเท่าใดนัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังมีผลกระทบต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยตัดทอน Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ ซึ่งครั้นเมื่อย้อนมาดูภาพจากกล้องมือถือก็จะเจอ Noise มากกว่าภาพจากกล้องถ่ายรูปทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องโทรศัพท์มือถือเล็กกว่ากล้องทั่วไป
 
ต่อจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายรูปเหนือกว่ากล้องถ่ายรูปจากมือถือ ถ้าหากเป็นการขยายของกล้องถ่ายภาพ ท่านสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่แบรนด์โทรศัพท์มือถือที่จะมีคุณลักษณะนี้ เพราะภาพบางภาพ ก็จำเป็นต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อได้ความเกี่ยวพันของสิ่งของบนภาพที่ดียิ่ง รวมไปถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เหตุเพราะในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของท่านอาจจะมีทั้งรูปภาพ เพลง หนัง หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาแน่นอน หากเจ้าคิดว่าจะใช้กล้องสมาร์ทโฟนถ่ายภาพคุณตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่พาคู่ควงเที่ยวตะลอน Universal Studios เพราะคุณคงจะมิต้องการมานั่งลบภาพถ่าย ลบบทเพลงโปรด หรือลิสหนังโด่งดังของท่านหรอก แต่ถ้าหากยอมสะพายกล้องถ่ายภาพสักตัว พร้อมเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน มั่นใจว่าเธอได้ทั้งรูปถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของเธอแน่นอน
 
นั่นเป็นข้อมูลขั้นต้นว่าเพราะอะไรพวกเราถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายภาพตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องโทรศัพท์มือถือไว้ก่อน และอาจหยุดพักยาวๆ เลย หากได้รู้จักกับกล้องถ่ายรูปตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D โดยก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูจุดเด่น ๆ ของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มต่อการพกพา มากกว่ากล้องโทรศัพท์มือถือหรือเปล่า
 
กล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายรูปเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่เหมาะสมของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจมิใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นเป็นอันดี จุดเด่นของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เพราะกล้อง Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop ซึ่งถ้าหากถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปที่มีคุณภาพสูงงดงามแม้ในที่แสงสว่างน้อย โดยที่ท่านไม่จำต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ อีกทั้งเป็นเหตุให้การบันทึกภาพยนตร์ของคุณมิเป็นอุปสรรคอีกด้วย โดยกล้อง Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเทียว ที่ถึงแม้จะถือด้วยมือ และมิได้มีอุปกรณ์เพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาฉลุย ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแบ่งเฟรมสำหรับบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้เช่นกัน

 จะเห็นว่านี่แค่ข้อเด่นเรื่องเดียวของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ก็ชนะกล้องถ่ายภาพมือถือลอยลำแล้ว นอกจากนี้ยังมีคุณลักษณะหลายอย่าง อีกมากมายก่ายกองเลยที่ยังมิได้เอ่ยถึง ตัวอย่างเช่น โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้คุณปรับตั้งค่าตามที่คุณต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเพียบอยู่เช่นกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น และจุดแข็งอีกอย่างของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ คือมีสัดส่วนที่เล็ก และพกพาสบายมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้เพียง 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำปรามาสที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา