สวัสดี บุคคลทั่วไป

ซื้อเครื่องปรับอากาศอย่างไร ให้เซฟเงินทองในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 278 อ่าน
พออากาศมันอบอ้าว เลยก็คงจะต้องค้นหาวิธีเพื่อหายอบอ้าวกันซะหน่อย คนชอบบริโภค ก็ค้นหาของกินทานคลายร้อนกันไป แต่ว่าถ้าผู้ใดอยากให้อากาศภายในที่พักอาศัยไม่อบอ้าวอย่างนรก ก็ต้องอาศัย "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" แล้วละ หากใช้แอร์ บางคนก็คงจะเป็นกังวลส่วนเรื่องของค่าใช้จ่ายค่าไฟที่มันจะไล่ตามมาต่อจากนั้น แล้วทุกคนจะมีหลักเกณฑ์การตัดสินใจซื้อยังไง เพื่อจะได้ทั้งสินค้าคุณภาพ แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อันดับแรกทุกคนจะต้องคิดถึงลักษณะของเครื่องปรับอากาศควรให้เหมาะกับสถานที่กับการทำงาน เพราะตอนนี้นั้นมีหลากหลายแบบให้เลือกสรร โดยที่แต่ละประเภทก็มีคุณลักษณะต่างกันออกไป หากสมมติตัดสินใจผิดนั้น ก็สามารถเป็นเหตุให้ก่อให้เกิดโทษกับแอร์ และยังทำให้เสียพลังงานไปอีก หลักๆ แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแยกเป็นหลายหมวดหมู่ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศติดผนัง, แอร์ตั้งพื้น, แอร์ติดฝ้าเพดาน รวมถึง แอร์เคลื่อนที่ โดยที่แต่ละอย่าง มีรูปลักษณ์อย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันก่อนดีกว่า
อันแรกก็คือแอร์ติดผนัง โดยเครื่องปรับอากาศแบบนี้ เป็นที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว หรือว่าคงจะคุ้นตากันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ ซึ่งการทำงานที่หลายแบบ มีรูปแบบการออกแบบที่ร่วมสมัย รวมถึงก็มีสัดส่วนกะทัดรัด แล้วยังยังทำให้ประหยัดพลังงาน และสามารถดูแลสะดวกสบาย โดยเครื่องปรับอากาศแบบนี้ เหมาะกับห้องขนาดย่อม รวมทั้งบ้านเรือน หรือคอนโดทั่วๆ ไป อาจจะตรงใจต่อความอยากในการใช้งานได้อย่างหลายรูปแบบ
ถัดมาคือแอร์ตั้งพื้น ซึ่งแอร์แบบนี้เป็นประเภทที่มีการแผ่กระจายความเย็นฉ่ำได้ดี สามารถสร้างความเย็นฉ่ำได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งทนทานต่อการใช้งาน รวมไปถึงทนทานกับมลพิษอีกด้วย โดยลักษณะของแอร์จะเป็นแบบตั้งที่พื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีสัดส่วนใหญ่ โรงงาน หรือมีผู้คนมากมาย  โดยที่แอร์ลักษณะนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยทำให้เปลืองพลังงานกว่าแอร์ประเภทอื่นๆ
ประเภทต่อมาเป็นประเภทเครื่องปรับอากาศฝังฝ้าเพดาน ซึ่งประเภทนี้จะคือแอร์ 4 ทิศทาง เครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา และท่อน้ำเสีย สามารถติดข้างในฝ้าเพดาน ทำให้สามารถเก็บทรงความเรียบร้อยของห้องได้ตามเดิม ตัดทอนข้อจำกัดในการติดตั้ง ซึ่งเหมาะสมกับห้องที่จำเป็นในเรื่องความสวยงาม ช่วยให้ในบ้านสวยงามเหมือนเดิม  แต่เครื่องปรับอากาศแบบนี้จะมีสนนราคาค่อนข้างจะแพงกว่าแอร์ประเภทอื่นๆ
และอย่างสุดท้ายก็คือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่แอร์ประเภทนี้จะไม่ยุ่งยากคล้ายกับชนิดก่อนหน้า เพราะว่าเพียงแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะเครื่องปรับอากาศชนิดนี้ใช้งานได้เหมือนกันกับเครื่องปรับอากาศบ้านทั่วไป แต่ไม่เหมือนแบบอื่นก็ตรงที่สามารถขนย้ายได้ รวมถึงก็ไม่ต้องติดกับบ้านด้วย เหมาะสมกับผู้ที่อาศัยหอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ทำนุบำรุงก็ง่ายมาก เหมือนแอร์ธรรมดาเลย
ย้อนกลับมาที่เกณฑ์การซื้อกันต่อ ถัดมาก็ต้องเลือกขนาดเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมขนาดห้อง เพื่อที่ถ้ารู้ขนาดห้องเรียบร้อยแล้วนั้น มันก็จะไม่ยากกับการเลือกสรรขนาดของแอร์และการคำนวณค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะเหมาะสมกับการใช้งานและช่วย
เซฟพลังงาน เพราะหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า BTU คืออะไร ซึ่งมันคือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดยที่ 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ฉะนั้นการเลือกซื้อ BTU ย่อมมีความจำเป็น เนื่องจากจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังงานรวมทั้งอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง ถ้าหากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU สูงเกินไป ก็ทำให้ทำงานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ประสิทธิภาพภายในน้อยลง และยังมีผลกระทบให้มีความชื้นในห้องสูง ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยป่วย หรือไม่ก็ป่วยได้ อีกทั้งยังส่งผลให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือสมมติว่าซื้อแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะส่งผลต่อคอมแอร์ถูกใช้งานตลอดเวลารวมถึงมากจนเกินไป  เพราะอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงกับที่ตั้งหรือกำหนดไว้  ซึ่งจะมีผลให้ทำให้เครื่องปรับอากาศชำรุดได้ง่ายๆ แล้วยังเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย
                ถัดมาก็เป็นหลักไม่ยาก เกินที่ไม่ว่าใคร ก็ต้องช่วยให้เลือกซื้อแน่นอน นั่นก็คือ การเลือกสรรแอร์ที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นหมายถึง ประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มค่าที่สุด โดยจะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดรายจ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา