ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำหนังมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น
สล็อตโจ๊กเกอร์ ไม่ว่าคุณคิดจะทำหนังสั้น 12 นาทีหรือยาวสองชั่วโมง สิ่งนึงที่เกือบจะต้องมีให้ได้เลยเป็นดนตรีประกอบ จริงอยู่ที่ทุกๆวันนี้มีดนตรีให้ดาวน์โหลดทั่วๆไปตามอินเตอร์เน็ต
สล็อตjoker ติดลิขสิทธิ์บ้าง ไม่ติดลิขสิทธิ์บ้าง แต่ว่าเพลงพวกนั้นก็ชอบมิได้ถูกอกถูกใจคุณ 100% (แน่ล่ะ ก็มันมิได้เขียนมาให้หนังของคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่) คุณทดลองมองหา Music Composer ที่พอเพียงจะทำเพลงให้ท่านได้ แต่ว่าก็จำต้องมาปวดศรีษะกับการตอบปัญหาว่า “อยากได้ซาวน์แบบไหนล่ะ” บางครั้งบางคราวรู้สึกว่าชี้แจงไปชัดแจ้งแล้วนะ แต่งานออกมาก็ไม่ใช่ที่คุณอยากได้ จะต้องมาเสียเวล่ำเวลาสั่งแก้งานกันอีก... พวกเรามาทดลองดูกันเลยดีกว่าว่า Director กับ Composer ในระดับมืออาชีพเค้าร่วมงานกันอย่างไรให้งานออกมาเยี่ยม เป๊ะ ประทับใจกันทั้งสองฝ่าย
1. บรีฟแรก
เวลา Composer ถามคุณว่า “อยากได้ซาวน์แบบไหนล่ะ” โน่นเป็นเขาให้โอกาสให้ท่านบรีฟงาน ธรรมดาคนทำเพลงประกอบที่ดีต้องซัพเพียงพอร์ทไอเดียหรือมุมมองของคุณ บางทีอาจจะเสนอไอเดียตนเองบ้างแม้กระนั้นต้องไม่แย่งคุณคิด จุดนี้สำคัญมากๆคำตอบที่ห่วยที่สุดที่คุณจะตอบได้เป็น “อย่างไรก็ได้” เพราะว่านอกเหนือจากคุณจะไม่อาจจะควบคุมแนวทางของดนตรีได้แล้ว ยังบางทีอาจจะสร้างความอึดอัดใจให้ Composer ด้วย (ราวกับเวลาคุณถามสหายว่ารับประทานอะไรก็ดีแล้วเขาตอบว่า “อะไรก็ได้” นั่นแหละ)
การบรีฟที่ถูกเป็นคุณควรจะเป็นหัวหน้ารวมทั้ง Composer จะเป็นคนตาม เขาจะบากบั่นรู้เรื่องไอเดียของคุณที่ยังสัมผัสมิได้ และก็ปรับให้กับการแต่งเพลงของเขา เพื่อที่ดนตรีที่ทำออกมาจะได้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับที่คุณอยากได้ แต่ว่าอย่าไม่สบายใจไปหากคุณยังไม่เคยรู้จะเริ่มบรีฟอย่างไร ทดลองเริ่มจากปัญหาข้างล่างนี้ดูกรสิ:
จุดมุ่งหมายของดนตรีประกอบในหนังหัวข้อนี้เป็นอย่างไร? (อย่างเช่น สร้างความเคร่งเครียดของฉาก, แสดงสถานที่ในเนื้อเรื่อง, สะท้อนอารมณ์นักแสดงหลัก, อื่นๆอีกมากมาย)
แล้วเพียงพอมีไอเดียมั้ยว่าดนตรีประกอบหนังประเด็นนี้จะเป็นเสียงอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีอะไรบ้างดี?
มีอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีอะไรที่คุณถูกใจมากมาย / รังเกียจสุดๆบ้างมั้ย?
ขนาดของกรุ๊ปอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่คุณคิดไว้?
ตอนทำฉากนี้คุณรำลึกถึงดนตรีประกอบอันไหนเป็นพิเศษรึเปล่า?
ตอนตัดต่อคุณใช้ temp track รึเปล่า แล้วมีอะไรที่คุณถูกใจ/เกลียด ใน temp นั้น?
คุณถูกใจดนตรีแบบเป็นทำนอง หรือแบบเป็นบรรยากาศมากยิ่งกว่ากัน?
คุณอยากได้ดนตรีมากยิ่งกว่า หรือน้อยกว่าใน temp track?
คุณมีความคิดว่าดนตรีประกอบอันใหม่ จะสโมสรกับเสียงในฟิล์มที่คุณมีอยู่แล้วอย่างไรบ้าง?
คุณเคยดำเนินงานร่วมกับ composer คนอื่นมาก่อนรึไม่ การร่วมงานในเวลานั้นมีอะไรที่ทำให้ท่านรู้สึกเจ็บปวดหัวบ้าง? หรือมีอะไรที่คุณถูกใจมากมายๆบ้างมั้ย?
คุณมีความรู้สึกว่าพวกเราจะทำงานด้วยกันอย่างไรดี? (รายละเอียดปลีกย่อยตัวอย่างเช่นส่งดราฟท์ แก้งาน อัพเดทงาน อื่นๆอีกมากมาย)
หนทางการรับ-ส่งไฟล์ขณะทำงานที่คุณสบาย? (Google Drive, Dropbox, WeTransfer, อื่นๆอีกมากมาย)
ทดลองใช้เวลาสัก 10 นาทีจัดแจงตอบปัญหากลุ่มนี้ก่อนไปบรีฟงาน คำตอบของปริศนาเหล่านี้ล่ะเป็นสิ่งที่ Composer อยากทราบเวลาเขาถามคุณว่าอยากได้ดนตรีแบบไหน ส่วนตัวผมรู้สึกว่าบรรยากาศสำหรับเพื่อการบรีฟควรสบายๆไม่เครียดกระทั่งเกินความจำเป็น เพื่อคุณทั้งสองรู้สึกสนุกสนานแล้วก็ตื่นเต้นที่กำลังจะได้แชร์ไอเดียกัน บางทีอาจจะเป็นมุมสบายในร้านขายกาแฟร้านค้าโปรดของคุณ อย่าลืมจัดแจงโน้ตบุ้คกับหูฟังไปด้วยเผื่อสำหรับเปิดเพลงให้ Composer ของคุณฟังระหว่างการบรีฟ
2. Moodboard
ภายหลังจากการบรีฟสำเร็จไปด้วยดีแล้วก็คุณกลับไปอยู่ที่บ้านไปนั่งตัดต่อหนังให้เสร็จ ทราบไหมว่าระยะเวลานี้ Composer ของคุณทำอะไร? สิ่งนึงที่ Composer บางบุคคลทำก่อนจะเริ่มเขียนเพลงเป็นการจัดเรียง Moodboard (การตัดวีดีโอฉากต่างๆในหนังเรื่องอื่นๆหรือเพลงเก่าๆที่เคยแต่งไว้ มารวมกันไว้ให้มองเห็นความเกี่ยวเนื่องของอารมณ์รวมทั้งโทนของโปรเจ็ค) เขาบางทีก็อาจจะทดลองส่งมาให้ท่านตรวจสอบว่าตรงกับ Mood & Tone ที่คุณอยากมั้ย คุณก็จะเริ่มมองเห็นแล้วว่า Composer แปลความหมายสิ่งที่คุณบรีฟไปอย่างไรบ้าง อะไรเวิร์ค อะไรไม่เวิร์ค แม้กระนั้นอย่าลืมว่า Moodboard เป็นเพียงแค่ไอเดีย คุณควรจะจุดโฟกัสที่ภาพรวมแล้วก็ความเกี่ยวเนื่องโดยอย่าไปยึดติดกับดนตรีที่อยู่ในนั้นมากจนเกินไป
3. วิธีการทำ Template
ในขั้นตอนนี้ Composer จะเริ่มสรุปได้แล้วว่าเขาต้องใช้อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีอะไรบ้างที่อยู่ในโปรเจ็คที่ทำร่วมกับคุณ อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีทั้งสิ้นที่ใช้ในหนังเรื่องจะถูกเอามาเรียงกันในซอฟท์แวร์เพื่อจัดแจงสำหรับเพื่อการเริ่มเขียนเพลง พวกเราเรียกขั้นตอนนี้ว่า “แนวทางการทำ Template”
ที่จริงแล้ว Composer บางบุคคลบางทีก็อาจจะสร้าง Template ขนาดยักษ์ศูนย์รวมทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เขามีไว้อยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น Template ขนาด 300-500 tracks มีทุกๆอย่างตั้งแต่อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีทุกชิ้นในวงออร์เคสยี่ห้อไปจนกระทั่ง Synthesizer ต่างๆแม้กระนั้นกระบวนการทำแบบงี้จำเป็นที่จะต้องใช้สเป็คคอมสูง แล้วก็การมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมใช้งานครั้งคราวอาจจะส่งผลให้เลือกผิด ด้วยเหตุว่ามัวแต่วิตกกังวลกับการเลือกเสียงแทนที่จะลงมือเขียนเพลงจริงๆหลายทีการที่พวกเรามีทรัพยากรณ์น้อยๆจำกัดอยู่ข้างหน้ามันจะมีผลให้พวกเราเกิดไอเดียประดิษฐ์มากยิ่งกว่าอย่างไม่ได้นึกฝัน