สวัสดี บุคคลทั่วไป

ไอโฟน 8 และ iPhone 8Plus อีกช่องทางของความคุ้มค่า

  • 0 ตอบ
  • 220 อ่าน
แม้โทรศัพท์ตัวหลักของค่าย Apple ในปี 2017 ที่ผ่านมาก็คือ iPhone X ที่มาพร้อมออกแบบและฟีเจอร์แบบพรีเมี่ยมและแน่ๆว่ามูลค่าก็แพงเหมือนกัน แต่ทว่าหลายคนคงจะลืมไปว่าในปีเดียวกัน ก่อนหน้านี้ iPhone X โหมโรงเพียง 15 นาที iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็ออกมาแนะนำให้สาวกค่าย Apple ได้รู้จักกัน ซึ่งตอนหลังอาจเปรียบเสมือนเป็นรุ่นที่ถูกหลงลืมด้วยเหตุว่ากระแสของ iPhone X แต่ทราบไหมว่า ไอโฟน 8 พร้อมด้วย iPhone 8 Plus แม้จะมีลักษณะหน้าตาไม่แตกต่างไปจาก iPhone 7 และ iPhone 7Plus แต่ก็มีดีพอที่จะทำให้คนที่ไม่สามารถเป็นผู้ครอบครอง iPhone X ในหลาย ๆ เหตุผล หันมาเป็นเจ้าของได้ กระผมจักพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นนี้ให้ดียิ่งขึ้น
 
ไอโฟน 8 พร้อมกับ iPhone 8 Plus เปิดขายครั้งแรกวันที่ 22 กันยายน 2017 ที่อเมริกาและขายในบ้านเราวันที่ 3 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน มีให้เลือกสองขนาด คือ iPhone 8 สัดส่วนจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 8 Plus สัดส่วน 5.5 นิ้ว โดยทั้งสองรุ่น มีสัดส่วนตัวเครื่องพอๆ กับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เลย สามารถใช้เคสเดิมมาสวมกันได้สีที่ไม่ให้เลือกก็คือ เทา สเปซเกรย์, สีเงิน และสีทอง โดยเป็นการทำสีเฉดใหม่มีประสิทธิภาพในการกันน้ำ กันฝุ่นละออง เช่นกัน อย่างไรก็ตามมีข้อแตกต่างตรงที่ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีด้านหลังเป็นกระจก ทำให้สามารถชาร์จแบบไร้สายได้
 
 ในด้านของความจุนั้น Apple ก็มีมาให้เลือกสรรเพียงแค่ 2 ขนาด เช่น 64 GB และ 256 GB ซึ่งคงจะเป็นเพราะว่าเป็นการที่ Apple จะกระจายสินค้าไปให้ลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและเร็วเพิ่มมากขึ้น จึงกระทำการลดรุ่นให้น้อยลง

 
 ถึงแม้ว่าความละเอียดจอยังคงเท่ากับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ รุ่นนี้ เพิ่มการรองรับการแสดงผลแบบ True Tone ที่สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิสีจอให้ตรงกับสภาพแสงในเวลานั้น ทำให้จอดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
 
 ตัว CP ใช้ชิป A11 Bionic แบบ 6-Core แบ่งแยกเป็น 4-Core ที่สมรรถนะสูง และอีก 2-Core ใช้ระยะเวลาที่เครื่องมิได้ทำงานหนักอะไร ซึ่งใช้งานได้อย่างลื่นไหล ที่น่าสนใจคือ รองรับ AR อย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการทำงานในแอพพลิเคชั่นทั่วๆ ไปหรือเกม โดยชิป A11Bionic นี้เป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone X ด้วย

 ในการเล่นเกมก็สามารถเล่นเกมทุกเกมที่ออกมาตอนนี้ได้อย่างลื่นไหลในภาพกราฟิกระดับชั้นเยี่ยม ยกตัวอย่างเกมรถแข่งอย่าง Need for Speed ที่จำต้องใช้การ์ดจอ (GPU) ค่อนข้างจะเยอะ หรือ ROV ก็เล่นได้ไม่ชะงัก

 กล้องถ่ายภาพได้พัฒนามาจาก iPhone 7 ทั้งสองโมเดล ถึงแม้ว่าจะยังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลคงเดิม แต่ทว่ามีการปรับปรุงเซ็นเซอร์ให้ใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดปลีกย่อยได้เยอะขึ้น ชักรูปในสภาพการณ์แสงน้อยได้ดีขึ้น ถ่ายรูป มีโหมดพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา ที่เรียกว่า "Portrait Lighting" เฉพาะกล้องคู่ของ iPhone 8 Plus เท่านั้น สามารถเลือกได้จากในโหมด Portrait เดิม ที่ให้คุณเลือกปรับแสงหน้าคนได้มากถึง 5 แบบ กล้องด้านหน้า ความละเอียด 7MP/ f2.2 พร้อมกับแฟลชจากหน้าจอ Retina HD

                 ในส่วนการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K 60fps (Frame Per Second) ภาพการเคลื่อนไหวในวิดีโอที่ออกมาก็จะแลดูละมุน ตรงนี้ใครที่ใช้ iPhone รุ่นที่ผ่านมาจะมีตัวเลือก fps วิดีโอ 1080p จะมีตัวเลือก 30 กับ 60fps ส่วน 4K ก่อนหน้ามีแค่ 30fps) แต่ปัจจุบันนี้คุณเลือกได้เสรีมากขึ้นว่าจะให้เป็น 24, 30 หรือ 60fps ในการถ่ายวิดีโอโหมดโดยทั่วไป ด้านการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นมีตัวเลือก 720p 240fps, 1080p 120fps และ 1080p 240fps
 
 เทคโนโลยีชาร์จปราศจากสายที่เพิ่มเติมเข้ามาให้กับ ไอโฟน 8, 8 Plus (พร้อมกับ iPhone X) เป็นครั้งแรกนั้นรองรับกับอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐาน Qi ซึ่งหมายถึง ไม่จำต้องชาร์จจากแท่นชาร์จของ Apple แค่นั้น แต่ก็จะมี AirPowerแท่นชาร์จปราศจากสายจาก Apple ออกมาขายในเร็ว ๆ นี้ซึ่งตอนนี้สามารถใช้แบรนด์อื่นๆ ได้ แต่แนะนำว่าควรจะเลือกรุ่นใหม่ที่รองรับ Fast Charge

 สรุปว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สำหรับสาวก Apple แม้ว่าจะคงออกแบบตัวเครื่องเดิมตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2014 เอาไว้ แต่ก็มีดีเรื่องกล้อง โดยเฉพาะในโหมด Portrait Lighting ใน iPhone 8 Plus ที่คนชื่นชอบฉายรูปน่าจะชื่นชอบการรวมกันของคุณลักษณะของกล้องที่ดี กับซอฟต์แวร์ที่ช่วยเติมแต่งแสงเงาในภาพได้มากหน้าหลายตาแบบตามความประสงค์ ทำให้ขณะที่ออก ออกขายใหม่ ๆ ก็เป็นหนึ่งในกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุดในท้องตลาดสมาร์ทโฟน
 
ส่วนจอที่สวยงามบวกกับความไหลลื่นและคุณลักษณะสำคัญ ๆ ที่มิเป็นรองโทรศัพท์มือถือตัวตัวหลักใด ๆ ในปัจจุบันนี้ก็ถือได้ว่า ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงไปนักเมื่อเปรียบกับ iPhone x แต่หากใครใช้ iPhone 7 ทั้ง 2 โมเดลอยู่แล้ว และจะเขยิบขึ้นมาเป็น iPhone 8 ทั้ง 2 โมเดลที่แนะนำตัวไปนั้น ก็แนะนำว่ารอไปอีกสักหน่อย เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเพิ่มขึ้นยิ่งกว่านี้อีกในรุ่นต่อไป

Tags : iPhone 8,iPhone 8 ราคา,ไอโฟน 8