สวัสดี บุคคลทั่วไป

ตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศอย่างไร ให้ประหยัดเงินในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 238 อ่าน
เมื่ออากาศมันอบอ้าว เลยก็เลยต้องค้นหาอะไรเพื่อหายร้อนกันนิดนึง ใครถนัดทาน ก็หาของกินรับประทานดับร้อนกันไป แต่ว่าหากใครอยากให้อากาศภายในที่พักไม่อบอ้าวอย่างนรก ก็จำเป็นต้องพึ่ง "แอร์" หรือ "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง หากใช้แอร์ บางคนก็คงจะกลุ้มใจในเรื่องของรายจ่ายค่าไฟที่มันจะไล่ตามมาต่อจากนั้น แต่ว่าทุกคนจะมีเกณฑ์การเลือกยังไง เพื่อจะได้ทั้งสินค้าดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกทุกคนจะควรจะนึกถึงลักษณะของแอร์ต้องให้เหมาะกับพื้นที่ในการใช้งาน โดยตอนนี้นั้นมีหลายแบบให้เลือก โดยแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันไป ถ้าหากสมมติเลือกซื้อผิดนั้น ก็อาจมีผลต่อเกิดผลเสียแก่แอร์ และยังทำให้เปลืองพลังงานไปอีก จริงๆ แล้ว แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแยกออกเป็นหลากหลายลักษณะ อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดผนัง, แอร์ตั้งพื้น, แอร์ฝังเพดาน รวมถึง เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ ซึ่งแต่ละอย่าง มีรูปลักษณ์แบบใดบ้าง ไปพิจารณากันเลย
อันแรกคือเครื่องปรับอากาศติดกำแพง ซึ่งแอร์ลักษณะนี้ เป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว หรือว่าคงจะคุ้นชินกันอยู่เสมอๆ นั่นแหละ เพราะใช้งานที่หลายแบบ และด้วยลักษณะการดีไซน์ที่ร่วมสมัย รวมทั้งก็มีขนาดกะทัดรัด แล้วยังยังทำให้ประหยัดไฟฟ้า รวมทั้งสามารถดูแลรักษาสะดวกสบาย เพราะว่าเครื่องปรับอากาศรูปแบบนี้ เหมาะสำหรับห้องพื้นที่ย่อม รวมทั้งที่พักอาศัย หรือคอนโดทั่วๆ ไป อาจจะตอบโจทย์ต่อความปรารถนาในการใช้งานได้แบบหลากหลายแบบ
ต่อมาเป็นเครื่องปรับอากาศตั้งพื้น ซึ่งเครื่องปรับอากาศแบบนี้เป็นชนิดที่มีการแผ่กระจายความเย็นได้ดี สามารถทำความเย็นได้แบบรวดเร็ว และทนทานต่อการทำงาน รวมถึงทนทานกับฝุ่นควันอีกด้วย โดยประเภทของเครื่องปรับอากาศจะเป็นชนิดติดตั้งที่พื้น เหมาะกับห้องที่มีสัดส่วนกว้าง โรงงาน รวมทั้งมีผู้คนหนาแน่น  โดยที่เครื่องปรับอากาศประเภทนี้จะทำงานใช้อึกทึก เลยทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ามากกว่าแอร์แบบอื่นๆ
ชนิดต่อมาคือชนิดแอร์ติดฝ้าเพดาน ซึ่งแบบนี้จะคือแอร์ 4 ทิศทาง เครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำเสีย สามารถติดตั้งข้างในฝ้าเพดาน ส่งผลให้สามารถรักษาทรงความสวยงามของห้องได้ตามเดิม ลดขีดจำกัดในการติด ซึ่งเหมาะสมสำหรับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความเรียบร้อย ช่วยให้ในบ้านสวยเหมือนเดิม  แต่แอร์ประเภทนี้จะมีมูลค่าค่อนข้างจะแพงมากกว่าเครื่องปรับอากาศประเภทอื่นๆ
และประเภทท้ายที่สุดคือแอร์เคลื่อนที่ โดยเครื่องปรับอากาศชนิดนี้จะไม่ค่อยซับซ้อนเหมือนกับกับชนิดก่อนหน้า ก็เพราะว่าแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะว่าแอร์ประเภทนี้ใช้ได้แบบเดียวกันกับแอร์ที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่ว่าไม่เหมือนประเภทอื่นก็ตรงที่สามารถย้ายที่ได้ และก็ไม่จำเป็นต้องติดเข้ากับตัวบ้านด้วย เหมาะสมกับคนที่อยู่หอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลก็ง่ายดาย เหมือนกับแอร์แบบปกติเลย
ย้อนกลับมาที่หลักเกณฑ์การเลือกซื้อกันต่อ ต่อมาก็ควรจะตัดสินใจสัดส่วนแอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง ก็เพราะว่าเมื่อรู้พื้นที่ห้องแล้วนั้น ทำให้ไม่ยากกับการเลือกซื้อขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคาดคะเนค่า BTU นั่นเอง เพื่อเหมาะกับการทำงานและช่วย
ลดการใช้พลังงาน เพราะว่าหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า BTU คืออะไร โดยมันหมายถึง ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ดังนั้นการเลือก BTU จึงมีความจำเป็น ก็เพราะว่าจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังและอายุการใช้งานของแอร์นั่นเอง ถ้าหากตัดสินใจเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินไป ก็จะทำให้ใช้งานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ศักยภาพด้านในลดลง และยังส่งผลให้เกิดความชื้นในห้องสูง ส่งผลให้ผู้อาศัยไม่สบาย หรือว่าป่วยได้ แล้วยังส่งผลให้เปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือถ้าหากตัดสินใจแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะทำให้คอมแอร์ทำงานทุกเมื่อและหนักจนเกินพอดี  ก็เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้  ซึ่งจะทำให้ทำให้แอร์พังได้ง่ายๆ รวมทั้งเปลืองพลังงานอีกด้วย
                ต่อมาก็เป็นหลักการไม่ยาก เกินที่ใครเห็น ก็น่าจะต้องทำให้เลือกตัดสินใจแน่นอน คือ การเลือกเครื่องปรับอากาศที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นหมายถึง คุณภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มที่สุด ก็จะทำให้ประหยัดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั้นเอง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : แอร์ ราคา

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา