สวัสดี บุคคลทั่วไป

ตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศเช่นใด เพื่อที่จะเซฟเงินในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 233 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
ตอนอากาศมันอบอ้าว มันก็เลยต้องค้นหาอะไรมาหายอบอ้าวกันซะหน่อย คนชอบกิน ก็มองหาของกินรับประทานดับร้อนกันไป แต่ถ้าผู้ใดต้องการให้บรรยากาศข้างในบ้านไม่อบอ้าวอย่างนรก ก็คงต้องพึ่งพา "แอร์" หรือ "เครื่องปรับอากาศ" แล้วละ แต่หากใช้งานเครื่องปรับอากาศ บางคนก็ต้องกังวลด้านเรื่องของค่าใช้จ่ายค่าไฟที่มันจะตามมาภายหลัง แล้วเราจะมีเกณฑ์การเลือกซื้อยังไง ให้ได้ทั้งสินค้าน่าพอใจ แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อันดับแรกทุกคนจะต้องคำนึงถึงลักษณะของแอร์ต้องให้เหมาะต่อพื้นที่และการใช้งาน ซึ่งตอนนี้นั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกหา เพราะแต่ละรูปแบบก็มีคุณลักษณะแตกต่างกันออกไป ถ้าหากสมมติเลือกผิดนั้น ก็คงสามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลเสียกับแอร์ รวมถึงยังส่งผลให้เปลืองพลังงานไปอีก หลักๆ แล้ว แอร์จะแยกเป็นหลากหลายหมวดหมู่ ตัวอย่างเช่น แอร์ติดผนัง, แอร์ตั้งพื้น, แอร์ติดฝ้าเพดาน รวมทั้ง เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยแต่ละชนิด มีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันก่อนดีกว่า
อันแรกเป็นแอร์ติดผนัง ซึ่งแอร์ลักษณะนี้ เป็นที่ใช้มากกันอยู่แล้ว หรือไม่ก็ต้องเคยเห็นกันอยู่บ่อยๆ นั่นแหละ เพราะการทำงานที่หลากหลาย และด้วยรูปแบบการออกแบบที่ทันสมัย พร้อมด้วยก็มีสัดส่วนกะทัดรัด แล้วยังยังทำให้ลดการใช้ไฟฟ้า แล้วยังสามารถรักษาสะดวกสบาย เพราะว่าเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ เหมาะกับห้องพื้นที่ย่อมๆ รวมทั้งที่พักอาศัย หรือคอนโดทั่วไป อาจจะตรงตามต่อความต้องการในการใช้งานได้แบบหลายแบบ
ถัดมาเป็นเครื่องปรับอากาศตั้งขึ้นพื้น ซึ่งแอร์ลักษณะนี้คือแบบที่มีการกระจายความเย็นฉ่ำได้มาก สามารถสร้างความเย็นได้แบบรวดเร็ว รวมถึงทนทานในการทำงาน รวมถึงทนกับมลพิษอีกด้วย โดยที่ประเภทของเครื่องปรับอากาศจะเป็นประเภทตั้งบนพื้น เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่ใหญ่ โรงงาน รวมทั้งมีผู้คนเยอะ  โดยแอร์แบบนี้จะทำงานใช้อึกทึก ก็เลยทำให้เปลืองพลังงานมากกว่าแอร์แบบอื่นๆ
กลุ่มถัดไปเป็นลักษณะแอร์ติดฝ้าเพดาน โดยที่ชนิดนี้จะคือเครื่องปรับอากาศ 4 ทาง ตัวเครื่องแอร์ ท่อน้ำยา และท่อน้ำเสีย สามารถติดตั้งด้านในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถเก็บรูปทรงความสวยหรูของห้องได้อย่างเดิม ตัดทอนขีดจำกัดในการติดตั้ง โดยเหมาะสมกับห้องที่เน้นในเรื่องความประณีต ช่วยให้ในบ้านสวยเหมือนเดิม  แต่เครื่องปรับอากาศอย่างนี้มักมีสนนราคามักแพงกว่าเครื่องปรับอากาศแบบอื่นๆ
และชนิดสุดท้ายก็คือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ ซึ่งเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้จะไม่ค่อยซับซ้อนคล้ายกับชนิดก่อน ก็เพราะว่าแค่เพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยที่เครื่องปรับอากาศอย่างนี้ใช้งานได้เหมือนกันกับแอร์ที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่ว่าไม่เหมือนแบบอื่นก็ตรงที่สามารถขนย้ายได้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องติดเข้ากับบ้านด้วย เหมาะกับคนที่อาศัยหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม รักษาก็สะดวกมาก เหมือนเครื่องปรับอากาศทั่วๆ ไปเลย
ย้อนกลับมาที่เกณฑ์การเลือกซื้อกันต่อ ถัดมาก็ควรจะซื้อขนาดแอร์ให้เข้ากับพื้นที่ห้อง เพราะว่าเมื่อทราบขนาดห้องแล้วนั้น มันก็จะสะดวกกับการซื้อขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคิดค่า BTU นั่นเอง เพื่อเหมาะกับการใช้งานและทำให้
ลดการใช้ไฟฟ้า โดยที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า BTU คืออะไร ซึ่งมันคือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดย 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการตัดสินใจ BTU จึงมีความสำคัญ เพราะจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังงานและอายุการทำงานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง ถ้าหากซื้อแอร์ที่มี BTU มากเกินพอดี ก็จะทำให้ทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ศักยภาพข้างในถดถอย และยังมีผลกระทบให้เกิดความชื้นภายในห้องสูง ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยไม่สบาย หรือว่าเจ็บป่วยได้ อีกทั้งยังทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือหากตัดสินใจแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานทุกเมื่อและมากจนเกินควร  เพราะอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้  โดยจะทำให้ทำให้เครื่องปรับอากาศทรุดโทรมได้ง่าย รวมถึงเปลืองพลังงานอีกเช่นกัน
                ถัดไปก็เป็นหลักการไม่ยาก เลยที่ไม่ว่าใคร ก็คงจะทำให้เลือกเลือกซื้อแน่นอน ก็คือ การเลือกสรรเครื่องปรับอากาศที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็เพราะว่านั่นหมายความว่า ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่คุ้มที่สุด โดยจะทำให้ประหยัดไฟฟ้าและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา