สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายภาพถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟน ถ้าหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วท่านจักเลือกสิ่งไร?

  • 0 ตอบ
  • 260 อ่าน
ครั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่ารำลึกจนจำต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจะดีเยี่ยมขึ้นอีก เมื่อในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้เราได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายรูป" นั่นเอง โดยในยุคนี้ ใครๆ ต่างก็มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีกล้องพร้อมกันมาด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบโต ยิ่งกว่านั้นยังมีความคมชัดไม่ได้ต่างไปจากกล้องถ่ายรูป DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แต่กระนั้นจริงๆ แล้วนั้นมันยังมีอะไรอีกมากหลายที่ต่างกันอยู่อย่างยิ่งเลยเทียว
 
อาทิเช่นเรื่องเซนเซอร์ เพราะกล้องจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายภาพจากโทรศัพท์มือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าใด ก็จะรวบรวมแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติดีกว่า รวมถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างมากมายมากกว่า เนื่องด้วยสมาร์ทโฟนอาจทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าไหร่นัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลลัพธ์ต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยเมื่อย้อนมาดูภาพจากกล้องถ่ายภาพมือถือก็จะเห็น Noise มากกว่าภาพจากกล้องทั่วๆ ไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องมือถือเล็กกว่ากล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไป
 
หลังจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพเหนือกว่ากล้องจากโทรศัพท์มือถือ ถ้าหากเป็นการขยายของกล้องถ่ายภาพ เธอสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย โดยน้อยรายในหมู่แบรนด์มือถือที่จะมีสรรพคุณนี้ ก็เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำเป็นต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อได้ความข้องเกี่ยวของวัตถุบนภาพที่ดียิ่ง รวมไปถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เพราะในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณอาจจะมีทั้งรูปถ่าย เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาชัวร์ ถ้าหากท่านคิดว่าจะใช้กล้องสมาร์ทโฟนถ่ายภาพท่านตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่พาแฟนท่องเที่ยว Universal Studios เพราะเธอคงจะไม่ต้องการมานั่งลบรูป ลบบทเพลงโปรด หรือลิสภาพยนตร์โด่งดังของท่านหรอก แต่หากยอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าคุณได้ทั้งรูปที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของคุณแน่นอน
 
นั่นเป็นข้อมูลขั้นแรกว่าเพราะเหตุใดคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายภาพตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์มือถือไว้ก่อน และอาจหยุดพักยาวๆ เลย หากได้รู้จักกับกล้องตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D โดยก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูสาระสำคัญ ๆ ของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องโทรศัพท์มือถือหรือเปล่า
 
กล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่เหมาะของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม จุดดีของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เพราะกล้อง Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop โดยหากถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปถ่ายที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ที่แสงสว่างน้อย โดยที่เธอมิจำเป็นต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย อีกทั้งยังกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ อีกทั้งทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของเธอไม่เป็นปัญหาอีกด้วย โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเทียว ที่แม้ว่าจะถือด้วยมือ และมิได้มีเครื่องมือเสริมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาฉลุย ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแบ่งเฟรมสำหรับบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่ข้อเด่นเรื่องเดียวของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ก็พิชิตกล้องถ่ายรูปโทรศัพท์เคลื่อนที่ลอยลำแล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังมีฟีเจอร์หลายอย่าง อีกมากมายเลยที่ยังมิได้พูดถึง เช่นว่า โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้เจ้าปรับตั้งค่าตามที่ท่านต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะแยะอยู่เหมือนกัน เพื่อภาพมีความน่าดึงดูดใจมากเพิ่มขึ้น และสาระสำคัญอีกอย่างของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาฉลุยมาก ซึ่งมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำดูถูกที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา