วันนี้ (26 กันยายน) ที่ที่ทำการเลขาธิการที่ประชุมการเรียน (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ) มีการสัมมนาวิชาการ เรื่อง การพัฒนาประสิทธิภาพนักศึกษาจากผลของการทดลองโอเน็ต รวมทั้ง พิซา โดย ดร.สมอำนาจ พนันบอลufabet  ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติพูดว่า แนวทางเรียนรู้แห่งชาติ ได้ระบุดรรชนีประสิทธิภาพการเรียนไว้ ว่า การทดลองด้านการศึกษาระดับประเทศเบื้องต้น(โอเน็ต) ในปี 2561 - 2564 ตั้งความมุ่งหมายไว้ที่ จำนวนร้อยละ 50 ในตอนที่ผลจากการสอบโครงงานให้คะแนนผู้เรียนร่วมกับนานาประเทศ หรือ พิซา ของเด็กนักเรียนอายุ 15 ปี กำหนดเป้าหมายเพิ่มคะแนนระดับ 500 คะแนน ดังนี้ ผลสรุปรวมทั้งความคิดเห็นที่มีประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติจะนำไปประยุกต์ทำคำแนะนำเชิงแผนการทางการศึกษาชาติหน้า

     ดร.สุนีย์ เหมือนนิล ที่ปรึกษาโครงงานประมวลผลผู้เรียนร่วมกับนานาประเทศ หรือ พิซา เมืองไทย พูดว่า ตนทำประเด็นการสอบพิซา มาตั้งแต่ปี 2543 ท้อจนถึงต้องการถอย ผลของการสอบพิซาครั้งปัจจุบันปี 2558 เมืองไทยคะแนนลดน้อยลงทุกวิชา ปริศนาที่ทุกคนจะต้องมาช่วยเหลือกันคิด ว่า กำเนิดอะไรขึ้นอยู่กับการศึกษาการสอนของเมืองไทย ดังนี้ เมื่อมองพบว่าสิ่งที่หลายประเทศที่มีเด็กสอบพิซาได้คะแนนดีทำมานานแล้ว พนันบอล เป็น เพิ่มการสอนการอ่าน เน้นย้ำประเด็นการอ่านในทุกวิชา ว่าอ่านอะไร ตัวอย่างเช่น อ่านแผนภูมิได้ อ่านสูตรได้ อ่านแล้วก็จับใจความได้ ย้ำให้เด็กนักเรียนผูกพันอยู่กับการอ่านทุกหนทุกแห่ง ไม่ใช่นั่งจิ้มโทรศัพท์ ได้แก่ โปรแลนด์ เพิ่มชั่วโมงการอ่านเยอะขึ้นอาทิตย์ละ 4 ชั่วโมง ขณะไทยมีที่ชั่วโมงเรียนภาษาไทย หรือภาษาแม่ของเมืองไทยน้อยที่สุด นอกนั้นชั่วโมงเรียนที่มากขึ้น ยังทำให้เด็กมีการเรียนที่มีคุณภาพ แต่ว่าของเมืองไทยกลับลดชั่วโมงเรียน โดยไม่มองข้อมูล เป็นการคิดเองและก็ทำเลที่ตั้งย

    “ โอเน็ตก็มีความจำเป็น และก็จำเป็นต้องจัดสอบให้สโมสรกับการอ่าน ไม่ใช่แค่อ่านออก แม้กระนั้นไม่ทราบความหมาย ชี้แจงมิได้ ไม่รู้เรื่อง ซึ่งคนที่สำคัญที่สุด เป็น อาจารย์ ดังนี้ ที่ประเทศบราซิล อาจารย์ เป็น กุญแจสำคัญของประเทศ ผู้บริหารจำต้องรับรองว่า อาจารย์ได้รับการผลักดัน คุณครูรวมทั้งผู้บริหารจำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมที่พอเพียง นักการเมืองไม่ใช่นักการศึกษา จะกำหนดอะไรจำต้องถามนักการศึกษาก่อน ไม่ใช่กล่าวว่าจบจากอังกฤษแล้วจะทำอะไรก็ได้ เวลาเดียวกันยังพบว่า หลายประเทศที่ประสบผลสำเร็จ ไม่การเลือกเฟ้นเด็กเข้าชั้นเรียนในระดับมัธยม ไม่แยกเรียนตามความรู้ความเข้าใจ ได้แก่ ห้องเด็กเก่ง ทารก สายวิทยาศาสตร์ หรือคณิต เพราะว่าจะก่อให้เด็กแรกเกิดมองไม่เห็นกรรมวิธีการเรียนของเพื่อนพ้อง ไปมั่วกันราวกับเด็กถูกคัดเลือกทิ้ง ปราศจากความใฝ่สูง ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เลยออกไปทำเรื่องไม่ดี แม้กระนั้นจะแยกได้เมื่อเด็กอยู่ในระดับซึ่งสามารถตกลงใจได้แล้วว่าถูกใจและก็ถนัดอะไร”นางสุนีย์กล่าว และก็ว่า ส่งผลการสำรวจออกมาว่า ยิ่งกวดวิชา คะแนนยิ่งต่ำ โดยที่ประเทศเวียดนามมีข้อบังคับ ว่า อาจารย์ไม่อาจจะสอนพิเศษได้ หากมีหลักฐานว่า คุณครูรับเงินจากเด็กจะมีโทษถึงติดตะราง