สวัสดี บุคคลทั่วไป

ประวัติศาสตร์แวดวง Rock and Roll ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 233 อ่าน
ประวัติศาสตร์แวดวง Rock and Roll ต้อง "Jim Marshall"
« เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2018, 06:16:36 AM »
                ถ้าท่านคือผู้ที่เคลิ้มในเสียงเพลง หรือว่าเสียงดนตรี มั่นใจว่าคุณจะต้องรู้จักมักคุ้นแบรนด์เครื่องเสียงยี่ห้อนี้เป็นอย่างดีแน่นอน เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง เช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องขยายเสียง และอื่นๆ อีกนานัปการ ซึ่งประวัติเรื่องราวของยี่ห้อนี้ ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของประวัติศาสตร์สังคมดนตรีRock 'n' Rollเลยก็ว่าได้ และยี่ห้อที่กำลังกล่าวขวัญอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง ซึ่งภูมิหลังของ Marshall นั้น จักมีประวัติอะไรบ้าง อีกทั้งด้วยเหตุใดถึงได้มาเป็นแบรนด์ยิ่งใหญ่ปานนี้ เราจักมาค้นหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้จัดตั้งขึ้นโดย Jim Marshall ซึ่งจุดเริ่มอยู่ที่การเป็นนักดนตรีผู้เชี่ยวชาญมาก่อน ซึ่งเล่นในตำแหน่งมือกลอง ตอนหลังก็ได้ผันตัวเองมาปฏิบัติงานธุรกิจร้านขายเครื่องดนตรี พร้อมด้วยวัสดุอุปกรณ์หลายอย่าง ซึ่งเริ่มจากการขายกลองชุดพร้อมกับกีตาร์ในลอนดอนแถว Hanwell ซึ่งผู้ใช้จำนวนมากจักเป็นนักดนตรีเพลงRock and Roll ที่มีความเด่นในยุคนั้น ดังเช่น ริตชี แบล็กมอร์ หรือไม่ก็เป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่เป็นเหตุให้มีผู้ซื้อเพิ่มมากขึ้น
                หลังจากนั้นก็เริ่มมีนักดนตรีมีชื่อเสียง หลายท่านอยากได้แอมป์ หรือเครื่องกระจายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งดังกว่าแต่ก่อน เนื่องด้วยอุปสรรคที่เจอโดยมากค่อนข้างเป็นเรื่องความเสียงดังของเครื่องกระจายเสียงที่ไม่พอดีในการบรรเลงโชว์สดนั่นเอง Marshall จึงได้ตัดสินใจลองทำออกมาจำหน่าย และดันบรรลุผลอย่างหนัก กลายเป็นการเล่าปากต่อปาก จนคณะดนตรีหลายๆ วง สนใจ Marshall จึงได้จัดการออกมาค้าขายอย่างตั้งใจ อีกทั้งได้ก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นในปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นต้นตอของแบรนด์ Marshall อย่างถ่องแท้
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่เป็นเหตุให้นักดนตรีทั้งหลายชื่นชอบ อีกทั้งยังบอกคือความเห็นเดียวกันว่าคือแอมป์กีตาร์ที่เสียงดีเลิศเท่าที่เคยมีมา (ในระยะเวลานั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และต่อจากนั้นมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาผลิตแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลากหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความเชื่อใจจากมือกีตาร์แนวบลูส์ สายร็อก จากวงดังๆ ระดับประวัติศาสตร์ตัวอย่างเช่น The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมถึง AC/DC ฯลฯ
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในช่วงเวลา 60 ของ Marshall แบบสรุป ถึงกระนั้นครั้นเมื่อระยะเวลาได้ผ่านพ้นเข้าสู่ยุคดิจิตอล แบรนด์ Marshall ที่ชำนาญในวงการเครื่องเสียงก็ได้พัฒนาและเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาร่วมมือในการสร้างสินค้าเพื่อให้ทันยุค ทันสมัย อีกทั้งตรงตามความต้องการ หรือตอบโจทย์ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone โดยเป็นสินค้าเหล่าหูฟัง เพื่อให้ผู้ซื้อ หรือสามัญชนธรรมดาให้ได้รับประสบการณ์การสดับตรับฟังเพลงในสไตล์ของ Marshall รวมถึงผลิตภัณฑ์พวกลำโพงที่สามารถเชื่อมต่อบลูทูธได้ ซึ่งนั่นเป็นเหตุให้ Marshall ฮิตอย่างท่วมท้นด้วย ด้วยแบบเสียงที่ไม่เหมือนใคร และดีไซน์ที่ดูเป็นวินเทจ คลาสสิค สวยงาม โดยรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่ารู้ อีกทั้งจะแนะนำนั่นก็คือ หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth พร้อมกับลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore ซึ่งจะมีรายละเอียดดังนี้
 
หูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                เป็นหูฟังไร้สายที่มีความคลาสสิกอยู่ภายในตัว การออกแบบสวยงาม ดูดีมีสไตล์ ขนาดพอดีสามารถพับได้ ทำให้พกพาไปไหนต่อไหนได้ง่ายดาย มีการเชื่อมต่อโดยเร็วด้วย Bluetooth 4.0 อย่างไรก็ดีสามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเช่นกัน  สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบต Li-ion Polymer (680mAh) อีกทั้งกินเวลาชาร์จน้อยกว่า 4 ชั่วโมง โดยผ่าน Micro USB ส่วนของเสียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall เพราะด้วยเบสแน่นๆ เสียงร้องคมชัด มีเสียงแหลมที่ไม่ขัดหู และเวทีเสียงที่สามารถแยกแยะรายละเอียดของชิ้นดนตรีต่างๆ ได้อย่างดีเลิศ เหมาะสมกับการเป็นสุดยอดประวัติศาสตร์แบรนด์เครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกโดยแท้จริง ซึ่งหูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่นนี้ สนนราคาจะอยู่ที่ไม่มากเกิน 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                คือลำโพงบลูทูธที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ได้ออกค้าขายนานแล้วเหมือนกัน แต่ถ้าว่าเรื่องของคุณภาพนั้นมิได้ต่ำไปกว่าแต่เดิมเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้สุรเสียงที่ชัดครบถ้วนบริบูรณ์ ด้วยระบบชิป aptX ออกแบบด้วยไดร์ฟเวอร์ด้านในทั้งหมด 3 ตัว อีกทั้งยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือแจ็คขนาด 3.5 มม. พร้อมกับ INPUT2 หรือ RCA ยิ่งไปกว่านี้ยังมีสมรรถนะในการปรับน้ำเสียงทุ้มแหลมได้ด้วย ให้น้ำเสียงเสมอเหมือนท่านกำลังฟังบทเพลงจากการเล่นดนตรีสดเลยก็ว่าได้ ซึ่งลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จะมีความถูกที่ไม่มากเกิน 15,900 บาท ถ้าเปรียบเทียบเสียงที่ได้ นับว่าคุ้มค่ามากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางกระผมได้หยิบยกฝากกันในวันนี้ โดยจะเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยเก่าจวบจนถึงทุกวันนี้นั้น หมู่เรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์ยี่ห้อ Marshall สัญชาติอังกฤษนี้แทบทุกเวทีเลย รวมทั้งหูฟัง และลำโพงที่มากมายก่ายกองมากหลายรุ่นที่ไม่ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยยาวนานเพียงใด แต่ว่า Marshall ก็ยังคงความคลาสสิคตามสไตล์แบบ Marshall มิเคยเปลี่ยนแปลง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : marshall ราคา

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall