สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายภาพถ่ายรูป VS กล้องโทรศัพท์มือถือ ถ้าหากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วคุณจักเลือกอะไร?

  • 0 ตอบ
  • 234 อ่าน
ครั้นเมื่อสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันน่าจดจำจนต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจะดีเยี่ยมขึ้นไปอีก ครั้นเมื่อข้างในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายภาพ" นั่นเอง ซึ่งในยุคนี้ ใครก็ตาม ต่างก็มีมือถือที่มีกล้องพร้อมกันมาด้วย เพราะง่ายต่อการใช้งาน มิจำเป็นจะต้องสะพายกระเป๋ากล้องใบโต อีกทั้งยังมีความกระจ่างมิได้แตกต่างไปจากกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว อย่างไรก็ตามที่แท้นั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายก่ายกองที่แตกต่างกันอยู่เพียบเลยเทียว
 
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซนเซอร์ ด้วยว่ากล้องถ่ายภาพจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายภาพจากมือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าใด ก็จะรวบรวมแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดปลีกย่อยภาพที่มากกว่า มีมิติเหนือกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างหลากหลายมากกว่า สำหรับมือถืออาจจะทำได้ไม่ดีเท่ากล้องเท่าใดนัก และสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลลัพธ์ต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยตัดทอน Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ ซึ่งเมื่อย้อนกลับมาดูภาพจากกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็จะเห็น Noise มากกว่าภาพจากกล้องถ่ายรูปทั่วๆ ไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายภาพมือถือเล็กกว่ากล้องทั่วไป
 
หลังจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายรูปเหนือกว่ากล้องถ่ายภาพจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถ้าหากเป็นการขยายของกล้องถ่ายรูป เธอสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย โดยน้อยรายในหมู่แบรนด์สมาร์ทโฟนที่จะมีคุณลักษณะนี้ เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อได้ความสัมพันธ์ของวัตถุบนภาพที่ดียิ่ง รวมไปถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เนื่องด้วยในโทรศัพท์มือถือของท่านอาจจะมีทั้งรูปภาพ เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาจริงๆ หากคุณคิดว่าจะใช้กล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ถ่ายรูปท่านตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่พาแฟนเที่ยว Universal Studios เพราะว่าเจ้าคงจะมิต้องการมานั่งลบรูปถ่าย ลบบทเพลงโปรด หรือไม่ก็ลิสหนังดังของเธอหรอก แต่ถ้าหากยอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าเธอได้ทั้งภาพถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของคุณแน่นอน
 
นั่นคือข้อมูลเบื้องต้นว่าไฉนเราถึงต้องยอมสะพายกล้องตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ก่อน และอาจหยุดพักยาวๆ เลย ถ้าได้รู้จักกับกล้องตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D โดยก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูจุดแข็ง ๆ ของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายภาพมือถือไหม
 
กล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่เหมาะของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจมิใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม จุดหลักของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา ก็เพราะว่ากล้องถ่ายภาพ Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดความสะเทือนได้ถึง 4 Stop โดยถ้าถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปถ่ายที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ที่แสงน้อย โดยที่ท่านไม่จำเป็นจะต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย แถมกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของเจ้าไม่เป็นตัวปัญหาอีกด้วย โดยกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยทีเดียว ที่ถึงแม้จะถือด้วยมือ และมิได้มีอุปกรณ์เพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาสะดวก ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งแยกเฟรมเพื่อบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่สาระสำคัญเรื่องเดียวของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ก็พิชิตกล้องสมาร์ทโฟนลอยลำแล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังมีคุณลักษณะหลากหลาย อีกเพียบเลยที่ยังไม่ได้พูดถึง อาทิเช่น โหมดถ่ายภาพ Auto ที่ให้คุณปรับตั้งค่าตามที่เจ้าต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะอยู่เช่นกัน เพื่อภาพมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และจุดแข็งอีกอย่างของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาฉลุยมาก ซึ่งมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เพียงเท่านั้น ตัวนี้จึงสามารถลบคำปรามาสที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา