สวัสดี บุคคลทั่วไป

iPhone 8 และ iPhone 8Plus อีกวิถีทางของความคุ้มราคา

  • 0 ตอบ
  • 252 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
แม้กระนั้นสมาร์ทโฟนตัวท็อปของค่าย Apple ในปี 2017 ที่ผ่านมาก็คือ iPhone X ที่มาพร้อมออกแบบและฟีเจอร์แบบพรีเมี่ยมและแน่ๆว่าราคาก็แพงเช่นกัน แต่หลายคนคงจะลืมไปว่าในปีเดียวกัน ก่อนหน้า iPhone X เปิดตัวเพียง 15 นาที iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็ออกมาแนะนำให้สาวกค่าย Apple ได้รู้จักมักจี่กัน ซึ่งถัดจากนั้นคงจะเสมือนเป็นรุ่นที่ถูกลืมเลือนก็เพราะว่ากระแสของ iPhone X แต่ทราบไหมว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ถึงแม้จะมีเค้าโครงหน้าตาไม่แตกต่างไปจาก iPhone 7 และ iPhone 7Plus แต่ก็มีดีพอที่จะทำให้คนที่ไม่สามารถเป็นเจ้าของ iPhone X ในหลาย ๆ เหตุผล หันมาเป็นผู้ครอบครองได้ เราจักพาทุกคนไปทำความรู้จักมักคุ้นกับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ให้ดียิ่งขึ้น
 
ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus เปิดวางขายครั้งแรกวันที่ 22 กันยายน 2017 ที่สหรัฐอเมริกาและขายที่ประเทศไทยวันที่ 3 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน มีให้เลือกสรรสองขนาด คือ iPhone 8 ขนาดจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 8 Plus สัดส่วน 5.5 นิ้ว โดยทั้งสองรุ่น มีขนาดตัวเครื่องพอกับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เลย สามารถใช้เคสเดิมมาสวมกันได้สีที่ไม่ให้เลือกก็คือ เทา สเปซเกรย์, สีเงิน และสีทอง โดยเป็นการทำสีเฉดใหม่เอี่ยมมีสมรรถภาพในการกันน้ำ กันฝุ่นละออง เหมือนกัน อย่างไรก็ดีมีข้อแตกต่างตรงที่ ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus มีด้านหลังเป็นกระจก เป็นเหตุให้สามารถชาร์จแบบไร้สายได้
 
 ในด้านของขนาดนั้น Apple ก็มีมาให้เลือกสรรเพียงแค่ 2 ความจุ เช่น 64 GB และ 256 GB ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าเป็นการที่ Apple จะกระจายผลิตภัณฑ์ไปให้ลูกค้าได้อย่างทั่วถึงพร้อมกับเร็วเพิ่มมากขึ้น จึงกระทำการลดรุ่นให้น้อยลง

 
 ถึงแม้ความละเอียดจอยังคงเท่ากับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ รุ่นนี้ เพิ่มการรองรับการแสดงผลแบบ True Tone ที่สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิสีหน้าจอให้ตรงกับสภาวะแสงตอนนั้น เป็นเหตุให้จอดูเป็นธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น
 
 ตัว CP ใช้ชิป A11 Bionic แบบ 6-Core จำแนกเป็น 4-Core ที่สมรรถนะสูง และอีก 2-Core ใช้เวลาที่เครื่องไม่ได้ทำงานหนักอึ้งอะไร โดยใช้การได้อย่างลื่นไหล ที่น่าศึกษาคือ รองรับ AR อย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการทำงานในแอพพลิเคชั่นทั่วๆ ไปพร้อมทั้งเกม โดยชิป A11Bionic นี้เป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone X ด้วย

 ในการเล่นเกมก็สามารถเล่นเกมทุกเกมที่ออกมาตอนนี้ได้อย่างลื่นไหลในภาพกราฟิกระดับชั้นเยี่ยม ยกตัวอย่างเกมรถแข่งอย่าง Need for Speed ที่จำเป็นจะต้องใช้การ์ดจอ (GPU) ค่อนข้างจะเยอะ หรือไม่ก็ ROV ก็เล่นได้มิชะงัก

 กล้องถ่ายรูปได้ขยายมาจาก iPhone 7 ทั้งคู่โมเดล แม้จะยังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณให้ใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดปลีกย่อยได้เพิ่มมากขึ้น ถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น ฉายรูป มีโหมดพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา ที่เรียกว่า "Portrait Lighting" เฉพาะกล้องคู่ของ iPhone 8 Plus เท่านั้น สามารถเลือกได้จากในโหมด ภาพบุคคล เดิม ที่ให้คุณเลือกสรรปรับแสงหน้ามนุษย์ได้มากถึง 5 แบบ กล้องถ่ายภาพด้านหน้า ความละเอียด 7MP/ f2.2 กับแฟลชจากจอ Retina HD

                 ในด้านการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K 60fps (Frame Per Second) ภาพการเคลื่อนไหวในวิดีโอที่ออกมาก็จะแลดูละมุนละไม ตรงนี้ใครที่ใช้ iPhone รุ่นที่ผ่านมาจะมีตัวเลือก fps วิดีโอ 1080p จะมีตัวเลือก 30 กับ 60fps ส่วน 4K ก่อนหน้ามีเพียง 30fps) แต่ประเดี๋ยวนี้เราเลือกได้เสรีมากขึ้นว่าจะให้เป็น 24, 30 หรือ 60fps ในการถ่ายวิดีโอโหมดปรกติ ด้านการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นมีตัวเลือก 720p 240fps, 1080p 120fps และ 1080p 240fps
 
 เทคโนโลยีชาร์จไร้สายที่เพิ่มเติมเข้ามาให้กับ iPhone 8, 8 Plus (พร้อมกับ iPhone X) เป็นครั้งแรกนั้นรองรับกับอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐาน Qi ซึ่งหมายความว่า มิจำเป็นจะต้องชาร์จจากแท่นชาร์จของ Apple แค่นั้น แต่ก็จะมี AirPowerแท่นชาร์จไร้สายจาก Apple ออกมาวางขายในเร็ว ๆ นี้โดยปัจจุบันนี้สามารถใช้แบรนด์อื่นๆ ได้ อย่างไรก็ดีแนะนำว่าพึงจะเลือกรุ่นใหม่ที่รองรับ Fast Charge

 ตกลงว่า ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus สำหรับสาวก Apple แม้นจะคงออกแบบตัวเครื่องแรกเริ่มตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2014 เอาไว้ แต่ก็มีดีเรื่องกล้องถ่ายภาพ เป็นพิเศษในโหมด Portrait Lighting ใน iPhone 8 Plus ที่คนชอบฉายรูปน่าจะชื่นชอบการรวมกันของคุณลักษณะของกล้องถ่ายรูปที่ดี กับซอฟต์แวร์ที่ช่วยเติมแต่งแสงเงาในภาพได้ต่างๆ นาๆรูปแบบตามความอยาก ทำให้ตอนที่ออก วางตลาดใหม่ ๆ ก็เป็นหนึ่งในกล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในท้องตลาดมือถือ
 
ส่วนจอที่สวยงามผนวกกับความไหลลื่นและคุณลักษณะสำคัญ ๆ ที่มิเป็นรองโทรศัพท์มือถือตัวเรือธงใด ๆ ในขณะนี้ก็ถือได้ว่า ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงไปนักเมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone x แต่ถ้าหากว่าใครใช้ iPhone 7 ทั้ง 2 โมเดลอยู่แล้ว และจะย้ายขึ้นมาเป็น iPhone 8 ทั้ง 2 โมเดลที่ชี้แนะไปนั้น ก็แนะนำว่ารอคอยไปอีกสักหน่อย เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะมากขึ้นมากกว่านี้อีกในรุ่นต่อไป

Tags : iPhone 8,iPhone 8 ราคา,ไอโฟน 8