สวัสดี บุคคลทั่วไป

ประวัติศาสตร์แวดวง Rock 'n' Roll ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 233 อ่าน
ประวัติศาสตร์แวดวง Rock 'n' Roll ต้อง "Jim Marshall"
« เมื่อ: ธันวาคม 07, 2018, 07:12:21 AM »
                ถ้าท่านเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ในเสียงเพลง หรือว่าเสียงดนตรี เชื่อว่าท่านจะต้องรู้จักยี่ห้อเครื่องเสียงแบรนด์นี้เป็นอย่างดีแน่นอน ทั้งนี้เพราะเป็นแบรนด์ที่ได้รับความชื่นชมขนานใหญ่ ดังเช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องขยายเสียง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งประวัติภูมิหลังของแบรนด์นี้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของตำนานวงการเพลงRock 'n' Rollเลยก็ว่าได้ อีกทั้งแบรนด์ที่กำลังกล่าวขวัญอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง โดยภูมิหลังของ Marshall นั้น จักมีเรื่องราวอย่างไรบ้าง และเพราะเหตุใดถึงได้มาเป็นแบรนด์ระดับโลกเช่นนี้ ดีฉันจะมาหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้ริเริ่มตั้งขึ้นโดย Jim Marshall ซึ่งจุดแรกเริ่มอยู่ที่การเป็นนักดนตรีผู้เชี่ยวชาญมาก่อน ซึ่งเล่นในตำแหน่งมือกลอง ตอนหลังก็ได้เปลี่ยนตนเองมาทำธุรกิจร้านรวงขายเครื่องดนตรี พร้อมกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ โดยริเริ่มจากการวางขายกลองชุดและกีตาร์ในลอนดอนอาณาบริเวณ Hanwell โดยผู้ซื้อจำนวนมากจะเป็นนักดนตรีเพลงRock 'n' Roll ที่มีความโด่งดังในระยะเวลานั้น ดังเช่น ริตชี แบล็กมอร์ ไม่ก็เป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้มีลูกค้ามากขึ้น
                ตอนหลังก็เริ่มมีนักดนตรีดัง หลายคนต้องการแอมป์ หรือว่าเครื่องขยายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ พร้อมกับเสียงดังกว่าเดิม เหตุเพราะตัวปัญหาที่ประสบโดยมากมักเป็นเรื่องความเสียงดังของเครื่องขยายเสียงที่ไม่พอดีในการบรรเลงแสดงสดนั่นเอง Marshall จึงได้ตัดสินใจทดลองออกมาขาย และดันประสบผลอย่างมาก กลายเป็นการบอกเล่าปากต่อปาก กระทั่งคณะดนตรีหลายๆ วง สนใจ Marshall จึงได้สร้างออกมาค้าขายอย่างตั้งใจ พร้อมกับได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นในปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Marshall อย่างแท้จริง
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่เป็นเหตุให้นักดนตรีทั้งหลายชอบ รวมถึงยังเอื้อนคือเสียงเดียวกันว่าเป็นแอมป์กีตาร์ที่เสียงยอดเยี่ยมตามที่เคยมีมา (ในระยะเวลานั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และต่อจากนั้นมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาผลิตแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมกับตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลากหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความน่าเชื่อถือจากมือกีตาร์แนวบลูส์ แนวร็อก จากวงชื่อดัง ระดับประวัติศาสตร์ตัวอย่างเช่น The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมถึง AC/DC เป็นอาทิ
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในสมัย 60 ของ Marshall แบบรวบรัดตัดความ อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาได้ล่วงพ้นเข้าสู่ยุคดิจิตอล แบรนด์ Marshall ที่คร่ำหวอดในวงการเครื่องเสียงก็ได้ปรับปรุงและเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาร่วมมือในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อทันยุค ทันสมัย พร้อมทั้งตรงตามความต้องการ หรือตอบโจทย์ผู้ใช้เยอะขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดหูฟัง เพื่อให้ลูกค้า หรือสามัญชนสามัญให้ได้รับประสบการณ์การฟังเพลงในสไตล์ของ Marshall รวมถึงผลิตภัณฑ์ประเภทลำโพงที่สามารถเชื่อมต่อบลูทูธได้ โดยนั่นทำให้ Marshall เป็นที่นิยมอย่างมากมายก่ายกองเช่นกัน ด้วยแนวเสียงที่ไม่ซ้ำใคร อีกทั้งการออกแบบที่ดูเป็นย้อนยุค คลาสสิก ดูดี ซึ่งรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่าดึงดูด และจะแนะนำนั่นก็คือ หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth พร้อมกับลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore ซึ่งจักมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 
หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                คือหูฟังไร้สายที่มีความคลาสสิคอยู่ข้างในตัว ดีไซน์สวยงาม ดูดีมีสไตล์ ขนาดย่อมสามารถพับได้ ทำให้พกติดตัวไปไหนต่อไหนได้ง่ายดาย มีการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วด้วย Bluetooth 4.0 แต่กระนั้นสามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเหมือนกัน  สามารถใช้งานได้เป็นเวลายาวนานถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบต Li-ion Polymer (680mAh) อีกทั้งกินเวลาชาร์จน้อยกว่า 4 ชั่วโมง โดยผ่าน Micro USB ส่วนของเสียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall เพราะเบสแน่นๆ เสียงร้องกระจ่าง มีเสียงแหลมที่ไม่บาดหู และเวทีเสียงที่สามารถแยกรายละเอียดของชิ้นส่วนดนตรีต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสมกับการเป็นสุดยอดประวัติศาสตร์ยี่ห้อเครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกแน่แท้ ซึ่งหูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่นนี้ สนนราคาจะอยู่ที่ไม่เลย 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                เป็นลำโพงบลูทูธที่มีขนาดออกจะใหญ่ที่ได้ออกจัดจำหน่ายนานแล้วเช่นกัน ทว่าเรื่องของคุณภาพนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าแต่แรกเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้น้ำเสียงที่คมชัดครบถ้วนบริบูรณ์ ด้วยระบบชิป aptX ออกแบบด้วยไดร์ฟเวอร์ภายในทั้งหมด 3 ตัว ยิ่งกว่านั้นยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือแจ็คขนาด 3.5 มม. พร้อมทั้ง INPUT2 หรือว่า RCA นอกจากนี้ยังมีสมรรถภาพในการปรับน้ำเสียงทุ้มแหลมได้พร้อมด้วย ให้น้ำเสียงเปรียบเสมือนท่านกำลังฟังดนตรีจากการเล่นดนตรีสดเลยก็ว่าได้ ซึ่งลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จักมีราคาถูกที่ไม่เกิน 15,900 บาท ถ้าหากเปรียบเทียบสุรเสียงที่ได้มา ถือได้ว่าคุ้มค่ามากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางดีฉันได้ยกมาฝากกันในวันนี้ โดยจักเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยก่อนกระทั่งถึงวันนี้นั้น หมู่เรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์ยี่ห้อ Marshall สัญชาติอังกฤษนี้เกือบจะทุกเวทีเลย รวมไปถึงหูฟัง และลำโพงที่เยอะแยะหลายรุ่นที่ไม่ว่ากาลเวลาจักผ่านพ้นนานเพียงใด ทว่า Marshall ก็ยังดำรงความคลาสสิกตามแนวแบบ Marshall มิเคยเปลี่ยนแปลง

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall