สวัสดี บุคคลทั่วไป

ตัดสินใจซื้อแอร์เช่นใด เพื่อที่จะประหยัดเงินในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 319 อ่าน
ตอนอากาศมันอบอ้าว มันก็เลยต้องค้นหาวิธีเพื่อมาหายอบอ้าวกันสักหน่อย คนชอบกิน ก็ค้นหาอะไรรับประทานดับร้อนกันไป แต่หากว่าใครต้องการบรรยากาศในบ้านไม่ร้อนดั่งนรก ก็น่าจะต้องอาศัย "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง แต่หากใช้เครื่องปรับอากาศ บางคนก็คงจะลำบากใจด้านประเด็นของรายจ่ายค่าไฟที่มันจะไล่ตามมาภายหลัง แต่ว่าเราจะมีหลักเกณฑ์การเลือกอย่างไร ให้ได้ทั้งของน่าพอใจ แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกเราจะควรจะคำนึงถึงแบบของเครื่องปรับอากาศควรให้พอเหมาะต่อที่ตั้งกับการทำงาน ซึ่งปัจจุบันนี้นั้นมีหลายแบบให้เลือก โดยแต่ละรูปแบบก็มีคุณลักษณะแตกต่างกันไป ถ้าหากสมมติเลือกซื้อผิดนั้น ทำให้อาจจะส่งผลให้เกิดโทษต่อแอร์ รวมถึงยังส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานไปอีก จริงๆ แล้ว แล้วนั้น แอร์จะแบ่งเป็นหลายกลุ่ม เช่น เครื่องปรับอากาศติดผนัง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, แอร์ติดฝ้าเพดาน รวมถึง แอร์เคลื่อนที่ โดยแต่ละลักษณะ ประกอบด้วยรูปลักษณ์อย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันก่อนดีกว่า
ประเภทแรกคือแอร์ติดกำแพง โดยแอร์ประเภทนี้ เป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว หรือว่าคงจะคุ้นชินกันอยู่ประจำ นั่นแหละ ซึ่งใช้งานที่หลายแบบ มีรูปแบบการดีไซน์ที่ทันสมัย รวมถึงก็มีขนาดกะทัดรัด อีกทั้งยังช่วยประหยัดไฟฟ้า รวมถึงสามารถดูแลรักษาง่ายๆ เพราะว่าแอร์ลักษณะนี้ เหมาะสำหรับห้องพื้นที่เล็ก และบ้าน หรือว่าคอนโดทั่วๆ ไป ช่วยให้ตอบโจทย์กับความอยากในการทำงานได้แบบหลายแบบ
ถัดมาเป็นแอร์ตั้งขึ้นพื้น โดยเครื่องปรับอากาศแบบนี้เป็นประเภทที่มีการแผ่กระจายความเย็นได้มาก สามารถสร้างความเย็นได้แบบรวดเร็ว รวมถึงทนทานต่อการใช้งาน รวมถึงทนทานต่อฝุ่นควันอีกด้วย เพราะว่ารูปร่างของเครื่องปรับอากาศจะเป็นรูปแบบติดตั้งบนพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีสัดส่วนใหญ่ โรงงาน และมีผู้คนเยอะ  โดยที่แอร์อย่างนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าเครื่องปรับอากาศอย่างอื่นๆ
แบบถัดไปเป็นลักษณะเครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน โดยลักษณะนี้จะคือแอร์ 4 ทาง เครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา และท่อน้ำเสีย สามารถติดตั้งข้างในฝ้าเพดาน ทำให้สามารถเก็บทรงความสวยงามของห้องได้อย่างดี ลดขีดจำกัดในการติด โดยเหมาะสมกับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความสวยหรู ช่วยให้ในบ้านเรียบร้อยตามเดิม  แต่แอร์แบบนี้มักมีมูลค่าโดยมากแพงมากกว่าแอร์ชนิดอื่นๆ
และประเภทสุดท้ายคือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยแอร์แบบนี้จะไม่ยุ่งยากคล้ายกับแบบก่อนหน้า เพราะแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยที่แอร์กลุ่มนี้ใช้ได้เหมือนกันกับเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่ไม่เหมือนประเภทอื่นก็ตรงที่สามารถขนย้ายได้ แล้วก็ไม่ต้องติดเข้ากับผนังด้วย เหมาะกับคนที่อยู่หอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม รักษาก็สะดวกมาก เหมือนแอร์ทั่วๆ ไปเลย
กลับมาที่เกณฑ์การซื้อกันต่อ ต่อมาก็ต้องตัดสินใจขนาดเครื่องปรับอากาศให้เข้ากับสัดส่วนห้อง ก็เพราะว่าถ้ารู้พื้นที่ห้องแล้วนั้น ทำให้ง่ายกับการเลือกซื้อขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคิดค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะเหมาะสมกับการทำงานและช่วย
เซฟพลังงาน ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า BTU หมายถึงอะไร โดยมันหมายถึง ขนาดสร้างความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดย 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการซื้อ BTU จึงมีความสำคัญ เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังกับอายุการทำงานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง ซึ่งหากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินพอดี ก็จะทำให้ใช้งานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ศักยภาพภายในลดลง และยังมีผลกระทบให้มีความชื้นภายในห้องสูง ส่งผลให้ผู้ที่อยู่อาศัยไม่สบาย หรือไม่ก็ป่วยได้ อีกทั้งยังทำให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือหากเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะทำให้คอมแอร์ถูกใช้งานตลอดเวลารวมถึงมากจนเกินไป  เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้  ก็จะทำให้ทำให้แอร์ชำรุดได้ง่ายๆ แล้วยังสิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย
                ต่อมาจะเป็นแนวทางไม่ยาก เกินที่ใครเห็น ก็ต้องทำให้เลือกซื้อแน่นอน คือ การเลือกแอร์ที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นคือ คุณภาพในการใช้งานพลังงานที่คุ้มที่สุด โดยจะทำให้ประหยัดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา