สวัสดี บุคคลทั่วไป

ซื้อแอร์เช่นใด เพื่อให้เซฟเงินทองในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 236 อ่าน
พอสภาพอากาศมันอบอ้าว เลยก็คงจะต้องหาวิธีเพื่อมาหายร้อนกันสักหน่อย คนชอบกิน ก็มองหาของกินรับประทานคลายร้อนกันไป แต่ถ้าหากใครอยากให้บรรยากาศในบ้านไม่อบอ้าวเหมือนกับนรก ก็คงจำเป็นต้องพึ่ง "แอร์" หรือเรียกว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง แต่หากใช้งานเครื่องปรับอากาศ บางท่านก็คงจะหวั่นใจในเรื่องของรายจ่ายค่าไฟที่มันจะไล่ตามมาภายหลัง แล้วเราจะมีหลักเกณฑ์การเลือกซื้อยังไง ให้ได้ทั้งสินค้าดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
ข้อแรกทุกคนจะควรจะนึกถึงชนิดของแอร์น่าจะต้องให้พอดีต่อที่ตั้งและการทำงาน โดยสมัยนี้นั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกหา โดยแต่ละแบบก็มีคุณลักษณะต่างกันไป ถ้าสมมติซื้อผิดนั้น ทำให้สามารถส่งผลให้อาจจะโทษแก่เครื่องปรับอากาศ รวมถึงยังทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไปโดยใช่เหตุ หลักๆ แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแบ่งออกเป็นหลากหลายลักษณะ อย่างเช่น แอร์ติดกำแพง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, เครื่องปรับอากาศฝังเพดาน และ แอร์เคลื่อนที่ โดยแต่ละชนิด ประกอบด้วยลักษณะแบบใดบ้าง ไปพิจารณากันเลย
อย่างแรกเป็นแอร์ติดกำแพง โดยแอร์แบบนี้ เป็นที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว หรือต้องคุ้นชินกันอยู่ประจำ นั่นแหละ ซึ่งการทำงานที่หลากหลาย และด้วยรูปลักษณ์การออกแบบที่ตามสมัยนิยม รวมทั้งก็มีสัดส่วนกะทัดรัด แล้วยังยังช่วยลดการใช้พลังงาน แล้วยังสามารถรักษาง่ายๆ โดยแอร์ลักษณะนี้ เหมาะสำหรับห้องขนาดย่อม รวมถึงที่พัก หรือคอนโดทั่วๆ ไป สามารถตรงตามกับความอยากของการทำงานได้อย่างหลากหลายรูปแบบ
ต่อมาเป็นแอร์ตั้งขึ้นพื้น โดยแอร์รุปแบบนี้ถือเป็นประเภทที่มีการแผ่กระจายความเย็นได้ดี สามารถทำความเย็นฉ่ำได้อย่างรวดเร็ว และทนในการใช้งาน รวมไปถึงทนทานกับฝุ่นควันอีกด้วย โดยที่รูปร่างของเครื่องปรับอากาศจะเป็นแบบตั้งที่พื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีสัดส่วนใหญ่ โรงงาน และมีประชากรเยอะ  โดยเครื่องปรับอากาศประเภทนี้จะทำงานใช้เสียงดัง ก็เลยส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าเครื่องปรับอากาศอย่างอื่นๆ
อย่างถัดมาเป็นลักษณะแอร์ฝังฝ้าเพดาน โดยชนิดนี้จะเป็นแอร์ 4 ทาง ตัวเครื่องแอร์ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำเสีย สามารถติดตั้งข้างในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถเก็บทรงความเรียบร้อยของห้องได้ดังเดิม ตัดทอนข้อจำกัดในการติดตั้ง โดยที่เหมาะกับห้องที่จำเป็นในเรื่องความสวยหรู ช่วยให้ในบ้านประณีตเหมือนเดิม  อย่างไรก็ตามเครื่องปรับอากาศแบบนี้มักจะราคามักแพงมากกว่าเครื่องปรับอากาศชนิดอื่นๆ
ส่วนชนิดสุดท้ายคือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ ซึ่งแอร์อย่างนี้จะไม่ค่อยยุ่งยากเหมือนกับกับประเภทที่แล้ว ก็เพราะว่าเพียงแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะว่าแอร์กลุ่มนี้ใช้งานได้เหมือนกันกับแอร์บ้านธรรมดา แต่ว่าไม่เหมือนประเภทอื่นก็ตรงที่สามารถย้ายที่ได้ และก็ไม่ต้องติดตั้งเข้ากับตัวบ้านด้วย เหมาะสมกับผู้ที่อาศัยหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ทำนุบำรุงก็ง่ายมาก เหมือนกับแอร์แบบปกติเลย
กลับมาที่หลักเกณฑ์การเลือกซื้อกันต่อ ถัดมาก็จำเป็นต้องตัดสินใจขนาดเครื่องปรับอากาศให้เข้ากับสัดส่วนห้อง เพื่อที่ถ้าทราบพื้นที่ห้องเรียบร้อยแล้วนั้น มันก็จะไม่ยากกับการเลือกขนาดของแอร์และการคิดค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะเหมาะกับการใช้งานและช่วย
ประหยัดไฟฟ้า เพราะว่าหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า BTU คืออะไร โดยมันคือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดย 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อ BTU ย่อมมีความจำเป็น เพราะว่าจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังงานและอายุการทำงานของแอร์นั่นเอง หากเลือกแอร์ที่มี BTU สูงเกินพอดี ก็จะทำให้ใช้งานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ความสามารถข้างในถดถอย รวมถึงยังมีผลกระทบให้เกิดความชื้นข้างในห้องมาก อาจทำให้ผู้อาศัยไม่สบาย หรือไม่ก็ป่วยได้ อีกทั้งยังทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือสมมติว่าเลือกซื้อแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อคอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลารวมทั้งมากจนเกินพอดี  เพราะอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ปรับหรือกำหนดไว้  โดยจะมีผลให้ทำให้แอร์ทรุดโทรมได้ง่าย รวมถึงสิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย
                ถัดมาก็คือหลักการไม่ยาก เกินที่ไม่ว่าใคร ก็ต้องช่วยให้ตัดสินใจตัดสินใจแน่นอน คือ การเลือกสรรเครื่องปรับอากาศที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็เพราะว่านั่นหมายถึง คุณภาพในการใช้งานพลังงานที่คุ้มที่สุด ก็จะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดเงินได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา