สวัสดี บุคคลทั่วไป

ประวัติศาสตร์สังคม ร็อกแอนด์โรล ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 246 อ่าน
                ถ้าคุณคือคนที่หลงใหลในเสียงเพลง หรือเสียงดนตรี เชื่อว่าคุณจะต้องรู้จักมักจี่แบรนด์เครื่องเสียงแบรนด์นี้เป็นอย่างดีแน่นอน เนื่องมาจากเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องขยายเสียง และอื่นๆ อีกเยอะแยะ โดยเรื่องราวเรื่องราวของแบรนด์นี้ จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สังคมดนตรีร็อกแอนด์โรลเลยก็ว่าได้ และยี่ห้อที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง โดยประวัติของ Marshall นั้น จักมีประวัติประการใดบ้าง พร้อมกับทำไมถึงได้มาเป็นแบรนด์สุดยอดปานนี้ เราจักมาค้นหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้จัดตั้งโดย Jim Marshall ซึ่งต้นกำเนิดอยู่ที่การเป็นนักดนตรีผู้ช่ำชองมาก่อน ซึ่งเล่นในตำแหน่งมือกลอง ต่อจากนั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองมาดำเนินงานกิจการร้านขายของขายเครื่องดนตรี อีกทั้งวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ โดยเริ่มต้นจากการขายกลองชุดพร้อมกับกีตาร์ในลอนดอนย่าน Hanwell ซึ่งผู้บริโภคส่วนมากจะเป็นนักดนตรีดนตรีRock and Roll ที่มีความโด่งดังในช่วงเวลานั้น ตัวอย่างเช่น ริตชี แบล็กมอร์ ไม่ก็เป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจเป็นเหตุที่เป็นเหตุให้มีผู้ซื้อเพิ่มมากขึ้น
                ถัดจากนั้นก็เริ่มมีนักดนตรีดัง หลายท่านเรียกร้องแอมป์ หรือว่าเครื่องขยายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ พร้อมทั้งดังกว่าแต่ก่อน เนื่องจากตัวปัญหาที่เจอส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องความดังของเครื่องกระจายเสียงที่ไม่พอดีในการเล่นแสดงสดนั่นเอง Marshall จึงได้ตกลงใจลองทำออกมาขาย และดันได้ผลอย่างยิ่ง กลายเป็นการบอกเล่าปากต่อปาก จนกระทั่งคณะดนตรีหลายๆ วง ให้ความสนใจ Marshall จึงจัดหามาลงมือออกมาขายอย่างจริงจัง พร้อมด้วยได้จัดตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นในปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นแหล่งกำเนิดของยี่ห้อ Marshall อย่างแท้จริง
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่ทำให้นักดนตรีทั้งหลายชื่นชอบ อีกทั้งยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นแอมป์กีตาร์ที่น้ำเสียงดีเลิศเท่าที่เคยมีมา (ในสมัยนั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และหลังจากนั้นมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาสร้างแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความไว้ใจจากมือกีตาร์สายบลูส์ แนวร็อก จากวงดัง ระดับประวัติศาสตร์เช่นว่า The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมถึง AC/DC เป็นอาทิ
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในช่วงเวลา 60 ของ Marshall แบบสังเขป อย่างไรก็ดีครั้นยุคได้ล่วงพ้นก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล แบรนด์ Marshall ที่เชี่ยวชาญในสังคมเครื่องเสียงก็ได้ปรับปรุงและหยิบยกเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาร่วมมือในการสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อให้ทันยุค ทันสมัย พร้อมทั้งตรงตามความปรารถนา หรือตอบโจทย์ผู้ใช้เพิ่มขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone ที่เป็นสินค้ากลุ่มหูฟัง เพื่อให้ผู้ใช้ หรือว่าสามัญชนทั่วๆ ไปให้ได้รับประสบการณ์การสดับตรับฟังเพลงในสไตล์ของ Marshall รวมไปถึงสินค้าจำพวกลำโพงที่สามารถเชื่อมต่อบลูทูธได้ ที่นั่นทำให้ Marshall ได้รับความนิยมอย่างมากมายก่ายกองเช่นกัน ด้วยแบบเสียงที่ไม่ซ้ำใคร และการออกแบบที่ดูเป็นวินเทจ คลาสสิค สละสลวย ซึ่งรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่ารู้ และจะแนะนำนั่นก็คือ หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth พร้อมกับลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore โดยจักมีรายละเอียดปลีกย่อยดังต่อไปนี้
 
หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                คือหูฟังไร้สายที่มีความคลาสสิคอยู่ภายในตัว ดีไซน์สวยงาม ดูดีมีสไตล์ ขนาดย่อมสามารถพับได้ ทำให้พกติดตัวไปไหนต่อไหนได้สบาย มีการต่อฉับพลันด้วย Bluetooth 4.0 อย่างไรก็ดีสามารถใช้ร่วมกับวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเช่นเดียวกัน  สามารถใช้งานได้นานมากถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ Li-ion Polymer (680mAh) และกินเวลาชาร์จต่ำกว่า 4 ชั่วโมง โดยผ่าน Micro USB ด้านของเสียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall เพราะว่าเบสแน่นๆ เสียงร้องคมชัด มีเสียงแหลมที่ไม่บาดหู และเวทีเสียงที่สามารถแยกย่อยรายละเอียดของชิ้นดนตรีต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม สมกับการเป็นสุดยอดตำนานแบรนด์เครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกจริงๆ ซึ่งหูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่นนี้ ราคาจักอยู่ที่ไม่มากเกิน 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                คือลำโพงบลูทูธที่มีขนาดออกจะใหญ่ที่ได้ออกขายเป็นเวลายาวนานแล้วเช่นเดียวกัน ทว่าเรื่องของคุณภาพนั้นมิได้แย่ไปกว่าแต่เดิมเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้เสียงที่กระจ่างครบบริบูรณ์ ด้วยระบบชิป aptX ออกแบบด้วยไดร์ฟเวอร์ภายในทั้งหมด 3 ตัว อีกทั้งยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือว่าแจ็คขนาด 3.5 มม. พร้อมด้วย INPUT2 หรือว่า RCA ยิ่งไปกว่านี้ยังมีฝีไม้ลายมือในการปรับเสียงทุ้มแหลมได้เช่นกัน ให้น้ำเสียงเสมอเหมือนท่านกำลังฟังเสียงเพลงจากการแสดงดนตรีสดเลยก็ว่าได้ โดยลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จะมีความถูกที่ไม่มากเกิน 15,900 บาท หากว่าเทียบกับสุรเสียงที่ได้ ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางข้าพเจ้าได้ยกมาฝากกันในวันนี้ โดยจะเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยเก่ายันปัจจุบันนั้น หมู่เรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์ยี่ห้อ Marshall เชื้อชาติอังกฤษนี้แทบทุกเวทีเลย รวมทั้งหูฟัง และลำโพงที่นานาประการหลายรุ่นที่ไม่ว่ายุคจะพ้นไปนานเท่าใด แต่ว่า Marshall ก็ยังคงไว้ความคลาสสิกตามสไตล์แบบ Marshall มิเคยเปลี่ยนแปลง

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall