สวัสดี บุคคลทั่วไป

ประวัติศาสตร์วงการ Rock and Roll ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 268 อ่าน
ประวัติศาสตร์วงการ Rock and Roll ต้อง "Jim Marshall"
« เมื่อ: ธันวาคม 26, 2018, 03:35:15 PM »
                ถ้าหากท่านเป็นผู้ที่เคลิบเคลิ้มในเสียงดนตรี หรือเสียงเพลง มั่นใจว่าท่านจักต้องรู้จักมักคุ้นยี่ห้อเครื่องเสียงยี่ห้อนี้เป็นอย่างดีแน่นอน เหตุเพราะเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมชมชอบอย่างยิ่ง เช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องขยายเสียง และต่างๆ อีกเยอะแยะ ซึ่งประวัติเรื่องราวของยี่ห้อนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สังคมดนตรีRock and Rollเลยก็ว่าได้ และยี่ห้อที่กำลังเอ่ยถึงอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง โดยเรื่องราวของ Marshall นั้น จักมีภูมิหลังอะไรบ้าง พร้อมด้วยทำไมถึงได้มาเป็นแบรนด์สุดยอดปานนี้ ดิฉันจะมาค้นหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้ริเริ่มตั้งขึ้นโดย Jim Marshall ซึ่งจุดเริ่มอยู่ที่การเป็นนักดนตรีมือโปรมาก่อน ซึ่งเล่นในตำแหน่งมือกลอง สืบมาก็ได้เปลี่ยนแปลงตนเองมาดำเนินงานธุรกิจการค้าร้านค้าขายเครื่องดนตรี และวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ โดยเริ่มต้นจากการจำหน่ายกลองชุดพร้อมกับกีตาร์ในลอนดอนบริเวณ Hanwell ซึ่งลูกค้าจำนวนมากจะเป็นนักดนตรีดนตรีRock 'n' Roll ที่มีชื่อเสียงในเวลานั้น ดังเช่น ริตชี แบล็กมอร์ ไม่ก็เป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มีผู้ซื้อมากขึ้น
                ภายหลังก็เริ่มมีนักดนตรีดังๆ หลายคนต้องการแอมป์ หรือเครื่องขยายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งดังกว่าแต่ก่อน เพราะตัวปัญหาที่ประสบส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องความดังของเครื่องกระจายเสียงที่ไม่พอดีในการสำแดงโชว์สดนั่นเอง Marshall จึงได้ตกลงใจทดลองออกมาวางขาย และดันประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง กลายเป็นการบอกปากต่อปาก กระทั่งคณะดนตรีหลายๆ วง ให้ความสนใจ Marshall จึงจัดหามาผลิตออกมาจัดจำหน่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย และได้จัดตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นณปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นต้นตอของยี่ห้อ Marshall อย่างถ่องแท้
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่ทำให้นักดนตรีทั้งหลายโปรดปราน ยิ่งกว่านั้นยังเอื้อนคือความเห็นเดียวกันว่าเป็นแอมป์กีตาร์ที่น้ำเสียงดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา (ในระยะเวลานั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และหลังจากนั้นมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาสร้างแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมด้วยตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความวางใจจากมือกีตาร์สายบลูส์ แนวร็อก จากวงโด่งดัง ระดับประวัติศาสตร์ตัวอย่างเช่น The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมถึง AC/DC เป็นต้น
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในยุค 60 ของ Marshall แบบรวบรัด อย่างไรก็ตามครั้นเวลาได้ผ่านพ้นก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล แบรนด์ Marshall ที่ชำนาญในวงการเครื่องเสียงก็ได้ปรับปรุงและหยิบยกเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาร่วมมือในการผลิตสินค้าเพื่อให้ทันยุค ทันสมัย พร้อมทั้งแม่นยำตามพระราชประสงค์ หรือตอบโจทย์ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone โดยเป็นสินค้าพวกหูฟัง เพื่อให้ผู้ใช้ หรือว่าสามัญชนทั่วๆ ไปให้ได้รับประสบการณ์การฟังเสียงเพลงในสไตล์ของ Marshall รวมไปถึงสินค้าจำพวกลำโพงที่สามารถเชื่อมบลูทูธได้ ที่นั่นทำให้ Marshall เป็นที่นิยมอย่างเพียบเช่นกัน ด้วยแบบเสียงที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งดีไซน์ที่ดูเป็นวินเทจ คลาสสิค สวยงาม ซึ่งรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่าดึงดูด อีกทั้งจะแนะนำนั่นก็คือ หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth และลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore ซึ่งจะมีรายละเอียดดังนี้
 
หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                คือหูฟังไร้สายที่มีความคลาสสิคอยู่ในตัว การออกแบบสวยงาม เรียบร้อยมีสไตล์ ขนาดย่อมสามารถพับได้ ทำให้พกพาไปไหนต่อไหนได้สะดวก มีการต่อโดยด่วนด้วย Bluetooth 4.0 อย่างไรก็ดีสามารถใช้ร่วมกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเช่นกัน  สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ Li-ion Polymer (680mAh) และใช้เวลาชาร์จน้อยกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งผ่าน Micro USB ด้านของน้ำเสียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall ด้วยเบสแน่นๆ เสียงร้องกระจ่าง มีเสียงแหลมที่ไม่บาดหู และเวทีเสียงที่สามารถแยกแยะรายละเอียดของชิ้นส่วนเครื่องดนตรีต่างๆ ได้อย่างดีมาก สมกับการเป็นสุดยอดประวัติศาสตร์ยี่ห้อเครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกโดยแท้ ซึ่งหูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่นนี้ สนนราคาจักอยู่ที่ไม่เลย 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                คือลำโพงบลูทูธที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ได้ออกจำหน่ายนานแล้วเช่นกัน แต่ทว่าเรื่องของคุณภาพนั้นไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าแต่ก่อนเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้สุรเสียงที่กระจ่างครบบริบูรณ์ ด้วยระบบชิป aptX ออกแบบด้วยไดร์ฟเวอร์ข้างในทั้งสิ้น 3 ตัว รวมไปถึงยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือว่าแจ็คขนาด 3.5 มม. พร้อมด้วย INPUT2 หรือว่า RCA ยิ่งไปกว่านี้ยังมีความสามารถในการปรับเสียงทุ้มแหลมได้เช่นกัน ให้เสียงเปรียบเสมือนท่านกำลังฟังเสียงเพลงจากการเล่นดนตรีสดเลยก็ว่าได้ ซึ่งลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จะมีราคาถูกที่ไม่เลย 15,900 บาท ถ้าเทียบกับเสียงที่ได้ ถือว่าคุ้มมากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางอีฉันได้ยกมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งจักเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีตกระทั่งปัจจุบันนี้นั้น พวกเรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์แบรนด์ Marshall สัญชาติอังกฤษนี้แทบทุกเวทีเลย รวมไปถึงหูฟัง และลำโพงที่นานัปการมากหลายรุ่นที่ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านพ้นยาวนานเพียงใด แต่ Marshall ก็ยังคงไว้ความคลาสสิคตามแนวแบบ Marshall มิเคยเปลี่ยนแปลง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : marshall ราคา

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall