สวัสดี บุคคลทั่วไป

ซื้อเครื่องปรับอากาศเช่นใด เพื่อให้เซฟเงินทองในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 205 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
ตอนสภาพอากาศมันร้อน เลยก็คงจะต้องหาวิธีมาดับอบอ้าวกันซะหน่อย คนชอบรับประทาน ก็ค้นหาอะไรทานดับร้อนกันไป แต่ถ้าหากใครอยากให้บรรยากาศในที่พักไม่ร้อนอย่างนรก ก็คงน่าจะต้องพึ่งพา "แอร์" หรือเรียกว่า "เครื่องปรับอากาศ" แล้วละ แต่หากใช้เครื่องปรับอากาศ บางคนก็ต้องวิตกกังวลด้านเรื่องของรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาต่อจากนั้น แต่ทุกคนจะมีเกณฑ์การซื้ออย่างไร ให้ได้ทั้งของดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อันดับแรกทุกคนจะน่าจะต้องคำนึงถึงลักษณะของเครื่องปรับอากาศควรให้พอเหมาะต่อพื้นที่และการใช้งาน เพราะตอนนี้นั้นมีหลากหลายแบบให้เลือก เพราะแต่ละแบบก็มีสเปคต่างกันออกไป ถ้าสมมติว่าตัดสินใจผิดนั้น ก็คงอาจจะเป็นเหตุให้อาจจะโทษต่อแอร์ รวมถึงยังส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานไปอีก หลักๆ แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่ เครื่องปรับอากาศติดผนัง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, แอร์ฝังเพดาน รวมทั้ง แอร์เคลื่อนที่ ซึ่งแต่ละแบบ ประกอบด้วยรูปลักษณ์แบบใดบ้าง ไปพิจารณากันเลย
อย่างแรกก็คือแอร์ติดกำแพง ซึ่งแอร์ลักษณะนี้ เป็นที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว หรือว่าคงจะคุ้นตากันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ ซึ่งการทำงานที่หลายแบบ มีรูปแบบการดีไซน์ที่ร่วมสมัย และก็มีสัดส่วนกะทัดรัด อีกทั้งยังช่วยประหยัดไฟฟ้า รวมถึงสามารถดูแลง่ายๆ โดยเครื่องปรับอากาศแบบนี้ เหมาะสำหรับห้องสัดส่วนน้อย รวมทั้งบ้าน หรือว่าคอนโดธรรมดา อาจจะตรงตามต่อความมุ่งหมายในการทำงานได้แบบหลากหลายแบบ
ต่อมาคือเครื่องปรับอากาศวางพื้น โดยแอร์แบบนี้ถือเป็นแบบที่มีการกระจายความเย็นได้สูง สามารถสร้างความเย็นฉ่ำได้อย่างรวดเร็ว และทนในการใช้งาน รวมถึงทนต่อฝุ่นควันอีกด้วย เพราะว่ารูปร่างของแอร์จะเป็นรูปแบบติดตั้งกับพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดกว้าง โรงงาน รวมทั้งมีผู้คนคับคั่ง  โดยที่แอร์อย่างนี้จะทำงานใช้อึกทึก จึงส่งผลให้เปลืองพลังงานมากกว่าแอร์ชนิดอื่นๆ
กลุ่มต่อมาเป็นชนิดแอร์ฝังฝ้าเพดาน โดยที่ชนิดนี้จะคือแอร์ 4 ทาง เครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา และท่อน้ำเสีย สามารถติดตั้งภายในฝ้าเพดาน ทำให้สามารถเก็บทรงความประณีตของห้องได้อย่างดี ลดข้อจำกัดในการติดตั้ง ซึ่งเหมาะสมสำหรับห้องที่ต้องการในเรื่องความสวยหรู ช่วยให้ภายในบ้านสวยอย่างเดิม  อย่างไรก็ตามเครื่องปรับอากาศประเภทนี้มักจะมูลค่ามักแพงกว่าแอร์ชนิดอื่นๆ
ส่วนอย่างสุดท้ายก็คือแอร์เคลื่อนที่ โดยแอร์ประเภทนี้จะไม่ค่อยยุ่งยากคล้ายกับประเภทที่แล้ว ก็เพราะว่าเพียงแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะแอร์แบบนี้ใช้ได้แบบเดียวกันกับแอร์บ้านแบบปกติ แต่ว่าไม่เหมือนอันอื่นก็ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ รวมทั้งก็ไม่ต้องติดตั้งกับตัวบ้านด้วย เหมาะสมกับคนที่อยู่หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลรักษาก็ง่ายมาก เหมือนกับแอร์แบบปกติเลย
กลับมาที่หลักเกณฑ์การเลือกซื้อกันต่อ ถัดมาก็จำเป็นต้องเลือกซื้อขนาดแอร์ให้เข้ากับขนาดห้อง เพราะว่าถ้ารู้พื้นที่ห้องแล้วนั้น มันก็จะง่ายกับการเลือกซื้อขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคำนวณค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะเหมาะสมกับการใช้งานและช่วย
เซฟไฟฟ้า เพราะหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า BTU หมายถึงอะไร ซึ่งมันคือ ขนาดสร้างความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดยที่ 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ฉะนั้นการซื้อ BTU จึงมีความจำเป็น เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังงานและอายุการทำงานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง ซึ่งหากเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินพอดี ก็จะทำให้ทำงานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ความสามารถข้างในลดลง รวมถึงยังมีผลให้ให้เกิดความชื้นภายในห้องสูง ส่งผลให้ผู้ที่อยู่อาศัยไม่สบาย หรือป่วยได้ แล้วยังส่งผลให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือไม่ก็ถ้าหากตัดสินใจแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลารวมทั้งหนักจนเกินพอดี  ก็เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ปรับหรือกำหนดไว้  ซึ่งจะมีผลให้เป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศทรุดโทรมได้ง่ายๆ รวมทั้งเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย
                ถัดมาจะเป็นหลักการไม่ยุ่งยาก เลยที่ไม่ว่าใคร ก็คงจะช่วยให้เลือกเลือกซื้อแน่นอน ก็คือ การเลือกสรรแอร์ที่ได้รับสลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นหมายถึง คุณภาพในการใช้พลังงานที่คุ้มค่าที่สุด เลยจะทำให้ประหยัดไฟฟ้าและประหยัดรายจ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา