สวัสดี บุคคลทั่วไป

ตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศเช่นใด ให้เซฟเงินทองในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 276 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
พออากาศมันอบอ้าว เลยก็คงจะต้องหาวิธีเพื่อมาหยุดร้อนกันสักหน่อย คนถนัดกิน ก็ค้นหาอะไรรับประทานคลายร้อนกันไป อย่างไรก็ตามถ้าผู้ใดอยากให้อากาศที่ที่พักไม่ร้อนดั่งนรก ก็จำเป็นต้องพึ่งพา "แอร์" หรือเรียกว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง ถ้าหากใช้เครื่องปรับอากาศ บางคนก็ต้องหวั่นใจในประเด็นของรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะไล่ตามมาหลังจากนั้น แล้วทุกคนจะมีเกณฑ์การเลือกซื้ออย่างใด เพื่อจะได้ทั้งสินค้าคุณภาพ แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อันดับแรกเราจะน่าจะต้องนึกถึงแบบของเครื่องปรับอากาศควรให้เหมาะต่อที่ตั้งในการใช้งาน โดยปัจจุบันนี้นั้นมีหลายหลากแบบให้เลือกหา เพราะแต่ละอย่างก็มีคุณลักษณะต่างกันไป ถ้าหากหากตัดสินใจผิดนั้น ทำให้สามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโทษแก่เครื่องปรับอากาศ และยังทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไปโดยใช่เหตุ โดยหลักๆ แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแบ่งเป็นหลากหลายประเภท เช่น เครื่องปรับอากาศติดกำแพง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, แอร์ฝังเพดาน รวมทั้ง แอร์เคลื่อนที่ โดยที่แต่ละอย่าง มีลักษณะอย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันก่อนดีกว่า
ประเภทแรกก็คือแอร์ติดกำแพง โดยแอร์แบบนี้ เป็นที่ใช้มากกันอยู่แล้ว หรือว่าน่าจะต้องคุ้นเคยกันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ ซึ่งการทำงานที่หลายแบบ ประกอบด้วยลักษณะการดีไซน์ที่ตามสมัยนิยม และก็มีขนาดพอดี อีกทั้งยังทำให้ประหยัดพลังงาน และสามารถดูแลรักษาสะดวก โดยแอร์ประเภทนี้ เหมาะสำหรับห้องสัดส่วนย่อม หรือบ้านเรือน หรือว่าคอนโดทั่วไป สามารถตรงใจกับความปรารถนากับการทำงานได้แบบหลากหลายแบบ
ถัดมาเป็นแอร์ตั้งพื้น โดยเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้คือชนิดที่มีการกระจายความเย็นได้ดี สามารถสร้างความเย็นฉ่ำได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังทนในการใช้งาน รวมถึงทนต่อมลพิษอีกด้วย เพราะว่าประเภทของแอร์จะเป็นแบบตั้งบนพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดกว้าง โรงงาน และมีประชากรเยอะ  โดยที่เครื่องปรับอากาศชนิดนี้จะทำงานใช้เสียงดัง ก็เลยทำให้เปลืองพลังงานกว่าเครื่องปรับอากาศชนิดอื่นๆ
อย่างต่อมาคือชนิดเครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน โดยที่ลักษณะนี้จะเป็นเครื่องปรับอากาศ 4 ทิศทาง เครื่องแอร์ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำทิ้ง สามารถติดข้างในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถเก็บทรงความเรียบร้อยของห้องได้อย่างเดิม ตัดทอนข้อจำกัดในการติดตั้ง โดยที่เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการในเรื่องความเรียบร้อย ทำให้ภายในบ้านสวยงามอย่างเดิม  แต่ว่าแอร์อย่างนี้จะมีมูลค่าค่อนข้างสูงมากกว่าแอร์แบบอื่นๆ
ส่วนแบบท้ายที่สุดคือแอร์เคลื่อนที่ โดยแอร์ประเภทนี้จะไม่ซับซ้อนเหมือนกับอย่างที่แล้ว ก็เพราะว่าเพียงแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยที่แอร์กลุ่มนี้ใช้งานได้อย่างเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศบ้านทั่วไป แต่ว่าไม่เหมือนแบบอื่นก็ตรงที่สามารถย้ายที่ได้ แล้วก็ไม่ต้องติดเข้ากับผนังด้วย เหมาะกับคนที่อาศัยหอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลก็สะดวกมาก เหมือนกับเครื่องปรับอากาศทั่วไปเลย
กลับมาที่เกณฑ์การซื้อกันต่อ ต่อมาก็จำเป็นต้องเลือกซื้อสัดส่วนเครื่องปรับอากาศให้เข้ากันกับสัดส่วนห้อง ก็เพราะว่าเมื่อรู้ขนาดห้องเรียบร้อยแล้วนั้น ก็จะไม่ยากกับการซื้อขนาดของแอร์และการคาดคะเนค่า BTU นั่นเอง เพื่อเหมาะกับการทำงานและทำให้
ประหยัดพลังงาน โดยหลายคนคงยังไม่เข้าใจว่า BTU หมายถึงอะไร โดยมันคือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดย 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการซื้อ BTU จึงมีความจำเป็น เพราะว่าจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังกับอายุการทำงานของแอร์นั่นเอง ซึ่งหากตัดสินใจแอร์ที่มี BTU สูงเกินไป ก็ทำให้ทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ศักยภาพข้างในลดลง รวมถึงยังมีผลกระทบให้มีความชื้นในห้องมาก อาจทำให้ผู้อาศัยป่วย หรือไม่ก็ไม่สบายได้ อีกทั้งยังทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือสมมติว่าตัดสินใจแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะส่งผลให้คอมแอร์ทำงานตลอดเวลารวมถึงมากจนเกินไป  เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ปรับหรือกำหนดไว้  ซึ่งจะทำให้เป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศพังได้ง่ายๆ รวมถึงเปลืองไฟฟ้าอีกเช่นกัน
                ต่อมาจะเป็นแนวทางไม่ยาก เกินที่ไม่ว่าใคร ก็น่าจะต้องช่วยให้ตัดสินใจซื้อแน่นอน นั่นก็คือ การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นหมายความว่า ประสิทธิภาพในการใช้งานพลังงานที่คุ้มที่สุด ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดเงินได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา