สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายภาพถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปมือถือ ถ้าหากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วเธอจักเลือกอะไร?

  • 0 ตอบ
  • 273 อ่าน
ครั้นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันน่าจดจำจนจำต้องรวบรวมบันทึกออกมาเป็นรูป และมันจะวิเศษขึ้นไปอีก เมื่อภายในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายรูป" นั่นเอง โดยในเวลานี้ ทุกคน ต่างก็มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีกล้องพร้อมกันมาด้วย เพราะง่ายต่อการใช้งาน ไม่ต้องสะพายกระเป๋ากล้องใบโต ยิ่งกว่านั้นยังมีความคมชัดไม่ได้แตกต่างไปจากกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว ถึงกระนั้นที่แท้นั้นมันยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่ต่างกันอยู่มากเลยเทียว
 
อย่างเช่นเรื่องเซนเซอร์ เนื่องด้วยกล้องถ่ายรูปจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องจากโทรศัพท์มือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะเก็บแสงได้ดีกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติเหนือกว่า รวมถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างนานาประการมากกว่า เนื่องด้วยมือถืออาจจะทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าใดนัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลลัพธ์ต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยตัดทอน Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยเมื่อย้อนกลับไปมาดูภาพจากกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็จะเห็น Noise มากกว่าภาพจากกล้องถ่ายรูปทั่วๆ ไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องมือถือเล็กกว่ากล้องทั่วๆ ไป
 
ต่อจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายรูปเหนือกว่ากล้องถ่ายรูปจากสมาร์ทโฟน หากเป็นการซูมของกล้องถ่ายรูป เธอสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่แบรนด์สมาร์ทโฟนที่จะมีสรรพคุณนี้ ก็เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำเป็นต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อให้ได้ความเกี่ยวข้องของวัตถุบนภาพที่ดียิ่ง รวมทั้งหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เหตุเพราะในมือถือของเจ้าคงจะมีทั้งรูปภาพ เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาจริงๆ ถ้าหากท่านคิดว่าจะใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเธอตลอดทริปที่กินซ่าไม่ก็พาแฟนเที่ยว Universal Studios ก็เพราะว่าเจ้าคงไม่อยากมานั่งลบภาพถ่าย ลบบทเพลงโปรด ไม่ก็ลิสภาพยนตร์ดังของคุณหรอก แต่ถ้าว่ายอมสะพายกล้องสักตัว พร้อมกับเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน มั่นใจว่าเธอได้ทั้งภาพถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของคุณแน่นอน
 
นั่นเป็นข้อมูลขั้นต้นว่าเพราะอะไรคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายรูปมือถือไว้ก่อน และอาจหยุดพักยาวๆ เลย หากได้รู้จักกับกล้องตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูจุดสำคัญ ๆ ของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มต่อการพกพา มากกว่ากล้องถ่ายรูปโทรศัพท์มือถือไหม
 
กล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายรูปเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่ลงตัวของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจมิใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม จุดแข็งของกล้อง Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เพราะว่ากล้อง Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop โดยถ้าหากถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูงงดงามแม้ที่แสงสว่างน้อย โดยที่คุณไม่จำเป็นจะต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังเป็นเหตุให้การบันทึกภาพยนตร์ของคุณไม่เป็นตัวปัญหาอีกด้วย โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่ถึงแม้ว่าจะถือด้วยมือ และมิได้มีอุปกรณ์เสริมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาราบรื่น ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแยกย่อยเฟรมสำหรับบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่ข้อดีเรื่องเดียวของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ก็ชนะกล้องโทรศัพท์มือถือลอยลำแล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ อีกมากมายก่ายกองเลยที่ยังมิได้อ้างอิงถึง ดังเช่น โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้เจ้าปรับตั้งค่าตามที่เจ้าต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าสนใจมากเพิ่มขึ้น และจุดเด่นอีกอย่างของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ คือมีสัดส่วนที่เล็ก และพกพาฉลุยมาก ซึ่งมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้เพียง 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำสบประมาทที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา