สวัสดี บุคคลทั่วไป

ประวัติศาสตร์กลุ่ม Rock 'n' Roll ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 254 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
ประวัติศาสตร์กลุ่ม Rock 'n' Roll ต้อง "Jim Marshall"
« เมื่อ: มกราคม 09, 2019, 03:44:07 PM »
                หากท่านคือคนที่เคลิบเคลิ้มในเสียงดนตรี หรือเสียงเพลง เชื่อว่าท่านจักต้องรู้จักมักจี่ยี่ห้อเครื่องเสียงยี่ห้อนี้เป็นอย่างดีแน่นอน เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมขนานใหญ่ อย่างเช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องกระจายเสียง และอื่นๆ อีกเยอะแยะ ซึ่งประวัติประวัติของแบรนด์นี้ นับเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์วงการดนตรีRock 'n' Rollเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยี่ห้อที่กำลังกล่าวขวัญอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง โดยเรื่องราวของ Marshall นั้น จะมีเรื่องราวอะไรบ้าง และด้วยเหตุใดถึงได้มาเป็นยี่ห้อยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดิฉันจักมาหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้ก่อตั้งโดย Jim Marshall ซึ่งจุดเริ่มแรกอยู่ที่การเป็นนักดนตรีมือเก่ามาก่อน ซึ่งเล่นในตำแหน่งมือกลอง ต่อมาก็ได้ผันตัวเองมาดำเนินงานธุรกิจร้านค้าขายเครื่องดนตรี และเครื่องมือมากมาย โดยริเริ่มจากการจำหน่ายกลองชุดพร้อมกับกีตาร์ในลอนดอนอาณาบริเวณ Hanwell ซึ่งผู้ซื้อจำนวนมากจักเป็นนักดนตรีเพลงร็อกแอนด์โรล ที่มีความเด่นในระยะเวลานั้น อย่างเช่น ริตชี แบล็กมอร์ ไม่ก็เป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น
                ภายหลังก็เริ่มมีนักดนตรีมีชื่อเสียง หลายคนต้องการแอมป์ หรือว่าเครื่องกระจายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งดังกว่าเดิม ด้วยเหตุว่าปมปัญหาที่พบเป็นส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องความเสียงดังของเครื่องขยายเสียงที่ไม่พอในการบรรเลงแสดงสดนั่นเอง Marshall จึงได้ตัดสินใจลองทำออกมาขาย และดันประสบผลสำเร็จอย่างหนัก กลายเป็นการบอกปากต่อปาก จนกระทั่งวงดนตรีหลายๆ วง ให้ความสนใจ Marshall จึงจัดหามาทำออกมาจัดจำหน่ายอย่างจริงจัง พร้อมกับได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นในปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นจุดแรกเริ่มของยี่ห้อ Marshall อย่างแท้จริง
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่ทำให้นักดนตรีทั้งหลายชมชอบ อีกทั้งยังเอื้อนคือเสียงเดียวกันว่าคือแอมป์กีตาร์ที่เสียงยอดเยี่ยมตามที่เคยมีมา (ในสมัยนั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และหลังจากนั้นมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาผลิตแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมด้วยตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความน่าเชื่อถือจากมือกีตาร์สายบลูส์ แนวร็อก จากวงดัง ระดับประวัติศาสตร์อย่างเช่น The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมทั้ง AC/DC ฯลฯ
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในยุค 60 ของ Marshall ฉบับรวบรัด แต่กระนั้นครั้นเมื่อระยะเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ยุคดิจิตอล แบรนด์ Marshall ที่เชี่ยวชาญในวงการเครื่องเสียงก็ได้พัฒนาและเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าร่วมในการผลิตสินค้าเพื่อทันยุค ทันสมัย และถูกต้องตามความต้องการ หรือตอบโจทย์ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone ที่เป็นสินค้ากลุ่มหูฟัง เพื่อให้ลูกค้า หรือบุคคลสามัญให้ได้รับประสบการณ์การฟังเสียงเพลงในสไตล์ของ Marshall รวมถึงสินค้าพวกลำโพงที่สามารถต่อบลูทูธได้ โดยนั่นทำให้ Marshall ฮิตอย่างเยอะแยะเช่นเดียวกัน ด้วยสไตล์เสียงที่ไม่ซ้ำใคร และดีไซน์ที่ดูเป็นวินเทจ คลาสสิค สวยงาม โดยรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่าดึงดูด อีกทั้งจะแนะนำนั่นก็คือ หูฟังปราศจากสาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth พร้อมกับลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
 
หูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                เป็นหูฟังไร้สายที่มีความคลาสสิกอยู่ข้างในตัว ดีไซน์สวยงาม เรียบร้อยมีสไตล์ ขนาดกระชับสามารถพับได้ ทำให้พกพาไปไหนต่อไหนได้สบาย มีการเชื่อมโดยเร็วด้วย Bluetooth 4.0 ถึงกระนั้นสามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเช่นกัน  สามารถใช้งานได้เป็นเวลายาวนานถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบต Li-ion Polymer (680mAh) และกินเวลาชาร์จน้อยกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งผ่าน Micro USB ด้านของสำเนียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall เหตุด้วยเบสแน่นๆ เสียงร้องกระจ่าง มีเสียงแหลมที่ไม่บาดหู และเวทีเสียงที่สามารถแยกส่วนรายละเอียดของชิ้นส่วนดนตรีต่างๆ ได้อย่างดีเลิศ เหมาะสมกับการเป็นสุดยอดตำนานแบรนด์เครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกโดยแท้ ซึ่งหูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่นนี้ มูลค่าจักอยู่ที่ไม่เกิน 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                เป็นลำโพงบลูทูธที่มีขนาดค่อนข้างจะใหญ่ที่ได้ออกขายเป็นเวลายาวนานแล้วเช่นกัน แต่ว่าเรื่องของคุณภาพนั้นไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าแต่ก่อนเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้สุรเสียงที่ชัดครบถ้วน ด้วยระบบชิป aptX ออกแบบด้วยไดร์ฟเวอร์ข้างในทั้งสิ้น 3 ตัว รวมถึงยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือแจ็คขนาด 3.5 มม. พร้อมทั้ง INPUT2 หรือว่า RCA นอกจากนี้ยังมีฝีไม้ลายมือในการปรับน้ำเสียงทุ้มแหลมได้พร้อมด้วย ให้เสียงเสมอเหมือนคุณกำลังฟังเสียงดนตรีจากการบรรเลงดนตรีสดเลยก็ว่าได้ โดยลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จักมีความถูกที่ไม่เกิน 15,900 บาท ถ้าหากเทียบกับน้ำเสียงที่ได้มา ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางอิฉันได้ยกมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยเก่าจวบจนกระทั่งล่าสุดนั้น หมู่เรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์แบรนด์ Marshall เชื้อชาติอังกฤษนี้เกือบจะทุกเวทีเลย รวมทั้งหูฟัง และลำโพงที่เยอะแยะมากหลายรุ่นที่ไม่ว่าระยะเวลาจักล่วงเลยยาวนานแค่ไหน แต่ Marshall ก็ยังคงไว้ความคลาสสิคตามสไตล์แบบ Marshall มิเคยเปลี่ยนแปลง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : หูฟัง marshall

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall