สวัสดี บุคคลทั่วไป

iPhone 8 และ iPhone 8Plus อีกหนทางของความคุ้มราคา

  • 0 ตอบ
  • 268 อ่าน
แม้ว่าสมาร์ทโฟนเรือธงของค่าย Apple ในปี 2017 ที่ผ่านมาก็คือ iPhone X ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์และคุณลักษณะแบบพรีเมี่ยมและแน่ๆว่าราคาก็แพงเหมือนกัน อย่างไรก็ดีหลายคนอาจลืมไปว่าในปีเดียวกัน ก่อนหน้า iPhone X เริ่มแค่ 15 นาที iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus ก็ออกมาแนะนำให้สาวกค่าย Apple ได้รู้จักมักคุ้นกัน โดยจากนั้นคงจะเหมือนเป็นรุ่นที่ถูกหลงลืมเนื่องด้วยกระแสของ iPhone X แต่ทราบไหมว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ถึงแม้จะมีโครงสร้างหน้าตาไม่แตกต่างไปจาก iPhone 7 และ iPhone 7Plus แต่ก็มีดีพอที่จะทำให้คนที่ไม่สามารถเป็นเจ้าของ iPhone X ในหลาย ๆ เหตุผล หันมาเป็นเจ้าของได้ ข้าจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นนี้ให้ดีเพิ่มขึ้น
 
ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus เปิดซื้อขายครั้งแรกวันที่ 22 กันยายน 2017 ที่สหรัฐอเมริกาและจัดจำหน่ายที่ไทยวันที่ 3 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน มีให้เลือกสองขนาด คือ iPhone 8 ขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 8 Plus ขนาด 5.5 นิ้ว โดยทั้งสองรุ่น มีสัดส่วนตัวเครื่องเท่ากัน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เลย สามารถใช้เคสเดิมมาสวมกันได้สีที่ไม่ให้เลือกก็คือ เทา สเปซเกรย์, สีเงิน และสีทอง โดยเป็นการทำสีเฉดใหม่เอี่ยมมีความสามารถในการกันน้ำ กันละออง เช่นเดียวกัน แต่ทว่ามีข้อแตกต่างตรงที่ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีด้านหลังเป็นกระจก ทำให้สามารถชาร์จแบบปราศจากสายได้
 
 ในส่วนของความจุนั้น Apple ก็มีมาให้เลือกสรรแค่เพียง 2 ขนาด ได้แก่ 64 GB และ 256 GB ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าเป็นการที่ Apple จะกระจายผลิตภัณฑ์ไปให้ลูกค้าได้อย่างทั่วถึงพร้อมด้วยรวดเร็วเพิ่มขึ้น จึงกระทำการลดรุ่นให้น้อยลง

 
 แม้ว่าความละเอียดจอยังคงเท่ากับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ รุ่นนี้ เพิ่มเติมการรองรับการแสดงผลแบบ True Tone ที่สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิสีหน้าจอให้ตรงกับสภาพแสงในเวลานั้น ทำให้หน้าจอดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
 
 ตัว CP ใช้ชิป A11 Bionic แบบ 6-Core แยกย่อยเป็น 4-Core ที่ความสามารถสูง และอีก 2-Core ใช้ระยะเวลาที่เครื่องมิได้ทำงานหนักอะไร โดยใช้การได้อย่างลื่นไหล ที่เป็นที่ดึงดูดคือ รองรับ AR อย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการทำงานในแอพพลิเคชั่นทั่วๆ ไปพร้อมกับเกม โดยชิป A11Bionic นี้เป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone X ด้วย

 ในการเล่นเกมก็สามารถเล่นเกมทุกเกมที่ออกมาตอนนี้ได้อย่างลื่นไหลในภาพกราฟิกขั้นชั้นเลิศ ยกตัวอย่างเกมรถแข่งเช่น Need for Speed ที่ต้องใช้การ์ดจอ (GPU) ค่อนข้างจะเยอะ หรือ ROV ก็เล่นได้มิติดขัด

 กล้องถ่ายภาพได้ขยายมาจาก iPhone 7 ทั้งคู่โมเดล ถึงแม้จะยังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลคงเดิม แต่กระนั้นมีการปรับปรุงเซ็นเซอร์ให้ใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้เยอะขึ้น ฉายรูปในภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น ฉายรูป มีโหมดพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา ที่เรียกว่า "Portrait Lighting" เฉพาะกล้องคู่ของ iPhone 8 Plus เท่านั้น สามารถเลือกได้จากในโหมด ภาพบุคคล เดิม ที่ให้คุณเลือกสรรปรับแสงใบหน้าบุคคลได้มากถึง 5 แบบ กล้องด้านหน้า ความละเอียด 7MP/ f2.2 พร้อมกับแฟลชจากหน้าจอ Retina HD

                 ในด้านการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K 60fps (Frame Per Second) ภาพการเคลื่อนที่ในวิดีโอที่ออกมาก็จะแลดูละมุนละไม ตรงนี้ใครที่ใช้ iPhone รุ่นที่ผ่านมาจะมีตัวเลือก fps วิดีโอ 1080p จะมีตัวเลือก 30 กับ 60fps ส่วน 4K ก่อนหน้ามีเพียง 30fps) แต่ตอนนี้คุณเลือกสรรได้อิสระมากขึ้นว่าจะให้เป็น 24, 30 หรือ 60fps ในการถ่ายวิดีโอโหมดทั่วๆ ไป ด้านการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นมีตัวเลือก 720p 240fps, 1080p 120fps และ 1080p 240fps
 
 เทคโนโลยีชาร์จไม่มีสายที่เพิ่มเติมเข้ามาให้กับ iPhone 8, 8 Plus (พร้อมกับ iPhone X) เป็นครั้งแรกนั้นรองรับกับอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐาน Qi ซึ่งหมายความว่า ไม่ต้องชาร์จจากแท่นชาร์จของ Apple อย่างเดียว แต่ก็จะมี AirPowerแท่นชาร์จไร้สายจาก Apple ออกมาวางขายในเร็ว ๆ นี้ซึ่งทุกวันนี้สามารถใช้แบรนด์อื่นๆ ได้ อย่างไรก็ดีแนะนำว่าจงเลือกรุ่นใหม่ที่รองรับ Fast Charge

 เอาเป็นว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สำหรับสาวก Apple แม้ว่าจะคงออกแบบตัวเครื่องแต่เดิมตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2014 เอาไว้ แต่ก็มีดีเรื่องกล้องถ่ายรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโหมด Portrait Lighting ใน iPhone 8 Plus ที่คนชื่นชอบถ่ายรูปน่าจะถูกใจการรวมกันของคุณภาพของกล้องถ่ายรูปที่ดี กับซอฟต์แวร์ที่ช่วยแต่งแต้มแสงเงาในภาพได้หลายหลากรูปแบบตามความต้องการ เป็นเหตุให้ขณะที่ออก วางตลาดใหม่ ๆ ก็เป็นหนึ่งในกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ดีที่สุดในตลาดมือถือ
 
ส่วนหน้าจอที่งามผนวกกับความไหลลื่นและฟีเจอร์สำคัญ ๆ ที่ไม่เป็นรองโทรศัพท์เคลื่อนที่ตัวตัวท็อปใด ๆ ในตอนนี้ก็ถือว่า ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงไปนักเมื่อเทียบกับ iPhone x แต่หากใครใช้ iPhone 7 ทั้ง 2 โมเดลอยู่แล้ว และจะย้ายขึ้นมาเป็น iPhone 8 ทั้ง 2 โมเดลที่แนะนำไปนั้น ก็แนะนำว่ารอคอยไปอีกนิดหน่อย เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่น่าจะทวีคูณยิ่งกว่านี้อีกในรุ่นถัดไป

Tags : iPhone 8,iPhone 8 ราคา,ไอโฟน 8