สวัสดี บุคคลทั่วไป

ไอโฟน 8 และ iPhone 8Plus อีกวิธีเลือกของความคุ้มค่า

  • 0 ตอบ
  • 277 อ่าน
แม้นโทรศัพท์เรือธงของค่าย Apple ในศักราช 2017 ที่ผ่านมาก็คือ iPhone X โดยมาพร้อมออกแบบและฟีเจอร์แบบพรีเมี่ยมและแน่นอนว่ามูลค่าก็แพงเช่นเดียวกัน แต่กระนั้นหลายคนอาจจะลืมไปว่าในปีเดียวกัน ก่อนหน้านี้ iPhone X เปิดฉากเพียง 15 นาที iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็ออกมาแนะนำให้สาวกค่าย Apple ได้รู้จักมักจี่กัน โดยต่อมาคงเหมือนคือรุ่นที่ถูกลืมเลือนเพราะว่ากระแสของ iPhone X แต่รู้หรือเปล่าว่า iPhone 8 พร้อมด้วย iPhone 8 Plus ถึงแม้ว่าจะมีเค้าโครงหน้าตาไม่แตกต่างไปจาก iPhone 7 และ iPhone 7Plus แต่ก็มีดีพอที่จะทำให้คนที่ไม่สามารถเป็นผู้ครอบครอง iPhone X ในหลาย ๆ เหตุผล หันมาเป็นเจ้าของได้ เราจะนำทุกคนไปทำความรู้จักกับมือถือรุ่นนี้ให้ดียิ่งขึ้น
 
ไอโฟน 8 พร้อมทั้ง iPhone 8 Plus เปิดขายครั้งแรกวันที่ 22 กันยายน 2017 ณประเทศสหรัฐอเมริกาและจัดจำหน่ายที่เมืองไทยวันที่ 3 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน มีให้เลือกสรรสองขนาด คือ iPhone 8 ขนาดจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 8 Plus สัดส่วน 5.5 นิ้ว ซึ่งทั้งคู่รุ่น มีสัดส่วนตัวเครื่องทัดเทียมกับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เลย สามารถใช้เคสเดิมมาสวมกันได้สีที่ไม่ให้เลือกก็คือ เทา สเปซเกรย์, สีเงิน และสีทอง โดยเป็นการทำสีเฉดใหม่เอี่ยมมีความสามารถในการกันน้ำ กันฝุ่นละออง เหมือนกัน ถึงกระนั้นมีข้อแตกต่างตรงที่ ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus มีด้านหลังเป็นกระจก เป็นเหตุให้สามารถชาร์จแบบไร้สายได้
 
 ในด้านของความจุนั้น Apple ก็มีมาให้เลือกแค่เพียง 2 ความจุ เช่น 64 GB และ 256 GB ซึ่งคงเป็นเพราะว่าเป็นการที่ Apple จะกระจายสินค้าไปให้ลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและเร็วมากขึ้น จึงกระทำการลดรุ่นให้น้อยลง

 
 ถึงแม้ความละเอียดจอยังคงเท่ากับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ รุ่นนี้ เพิ่มการรองรับการแสดงผลแบบ True Tone ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิสีจอให้ตรงกับสภาวะแสงในเวลานั้น ทำให้จอดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
 
 ตัว CP ใช้ชิป A11 Bionic แบบ 6-Core จำแนกเป็น 4-Core ที่ความสามารถสูง และอีก 2-Core ใช้เวลาที่เครื่องไม่ได้ทำงานหนักอึ้งอะไร ซึ่งใช้การได้อย่างลื่นไหล ที่น่าศึกษาคือ รองรับ AR อย่างเต็มรูปแบบตลอดการทำงานในแอพพลิเคชั่นทั่วไปหรือเกม โดยชิป A11Bionic นี้เป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone X ด้วย

 ในการเล่นเกมก็สามารถเล่นเกมทุกเกมที่ออกมาตอนนี้ได้อย่างลื่นไหลในภาพกราฟิกระดับเลิศ ยกตัวอย่างเกมรถแข่งอย่าง Need for Speed ที่จำต้องใช้การ์ดจอ (GPU) ค่อนข้างเยอะ หรือไม่ก็ ROV ก็เล่นได้ไม่สะดุด

 กล้องถ่ายรูปได้ขยายมาจาก iPhone 7 ทั้งสองโมเดล แม้จะยังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม แม้กระนั้นมีการปรับปรุงเซ็นเซอร์ให้ใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้เพิ่มขึ้น ฉายรูปในภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น ถ่ายภาพ มีโหมดพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา ที่เรียกว่า "Portrait Lighting" เฉพาะกล้องคู่ของ iPhone 8 Plus เท่านั้น สามารถเลือกได้จากในโหมด ภาพบุคคล เดิม ที่ให้มนุษย์เราเลือกปรับแสงหน้าคนได้มากถึง 5 แบบ กล้องข้างหน้า ความละเอียด 7MP/ f2.2 กับแฟลชจากจอ Retina HD

                 ในส่วนการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K 60fps (Frame Per Second) ภาพการเคลื่อนที่ในวิดีโอที่ออกมาก็จะแลดูนุ่มนวล ตรงนี้ใครที่ใช้ iPhone รุ่นที่ผ่านมาจะมีตัวเลือก fps วิดีโอ 1080p จะมีตัวเลือก 30 กับ 60fps ส่วน 4K ก่อนหน้านี้มีแค่ 30fps) แต่ประเดี๋ยวนี้เราเลือกได้อิสระมากขึ้นว่าจะให้เป็น 24, 30 หรือ 60fps ในการถ่ายวิดีโอโหมดโดยทั่วไป ท่อนการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นมีตัวเลือก 720p 240fps, 1080p 120fps และ 1080p 240fps
 
 เทคโนโลยีชาร์จปราศจากสายที่เพิ่มเติมเข้ามาให้กับ ไอโฟน 8, 8 Plus (พร้อมกับ iPhone X) เป็นครั้งแรกนั้นรองรับกับวัสดุอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐาน Qi ซึ่งหมายถึง ไม่จำเป็นจะต้องชาร์จจากแท่นชาร์จของ Apple อย่างเดียว แต่ก็จะมี AirPowerแท่นชาร์จไม่มีสายจาก Apple ออกมาวางขายในเร็ว ๆ นี้โดยตอนนี้สามารถใช้ยี่ห้ออื่นๆ ได้ แม้กระนั้นแนะนำว่าจำต้องเลือกรุ่นใหม่ที่รองรับ Fast Charge

 เอาเป็นว่า ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus สำหรับสาวก Apple แม้ว่าจะคงไว้ออกแบบตัวเครื่องแต่เดิมตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2014 เอาไว้ แต่ก็มีดีเรื่องกล้อง โดยเฉพาะในโหมด Portrait Lighting ใน iPhone 8 Plus ที่คนโปรดปรานชักรูปน่าจะติดใจการรวมกันของคุณลักษณะของกล้องถ่ายภาพที่ดี กับซอฟต์แวร์ที่ช่วยแต่งแต้มแสงเงาในภาพได้มากหน้าหลายตารูปแบบตามความประสงค์ เป็นเหตุให้ในระหว่างที่ออก ออกขายใหม่ ๆ ก็เป็นหนึ่งในกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ดีที่สุดในตลาดมือถือ
 
ส่วนจอที่ต้องตาต้องใจผนวกกับความไหลลื่นและคุณลักษณะสำคัญ ๆ ที่มิเป็นรองโทรศัพท์มือถือตัวเรือธงใด ๆ ในช่วงนี้ก็ถือได้ว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงไปนักเมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone x แต่ถ้าหากว่าใครใช้ iPhone 7 ทั้ง 2 โมเดลอยู่แล้ว และจะเลื่อนขึ้นมาเป็น iPhone 8 ทั้ง 2 โมเดลที่เสนอแนะไปนั้น ก็แนะนำว่ารอคอยไปอีกนิดหน่อย เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่น่าจะทวีคูณยิ่งกว่านี้อีกในรุ่นต่อไป

Tags : iPhone 8,iPhone 8 ราคา,ไอโฟน 8