สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายภาพถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปโทรศัพท์มือถือ ถ้าหากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วเจ้าจักเลือกอะไร?

  • 0 ตอบ
  • 228 อ่าน
ครั้นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันน่าจำใส่ใจจนต้องรวบรวมบันทึกออกมาเป็นรูป และมันจะพิเศษขึ้นอีก ครั้นในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้เราได้รวบรวมภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายภาพ" นั่นเอง ซึ่งในยุคนี้ ใครต่อใคร ต่างก็มีสมาร์ทโฟนที่มีกล้องถ่ายรูปพร้อมมาด้วย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบใหญ่ ยิ่งกว่านั้นยังมีความชัดมิได้ต่างไปจากกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แม้กระนั้นที่จริงนั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายก่ายกองที่แตกต่างกันอยู่ไม่เบาเลยเทียว
 
อย่างเช่นเรื่องเซนเซอร์ ด้วยว่ากล้องถ่ายภาพจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายภาพจากสมาร์ทโฟน ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าใด ก็จะเก็บแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดภาพที่มากกว่า มีมิติดีกว่า รวมถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างนานาประการมากกว่า สำหรับโทรศัพท์มือถืออาจทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าไหร่นัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยตัดทอน Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ ซึ่งครั้นเมื่อย้อนกลับมาดูภาพจากกล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนก็จะพบ Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องถ่ายรูปทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนเล็กกว่ากล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไป
 
ต่อมาก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายรูปเหนือกว่ากล้องจากสมาร์ทโฟน หากเป็นการซูมของกล้องถ่ายภาพ ท่านสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่แบรนด์โทรศัพท์มือถือที่จะมีคุณลักษณะนี้ เพราะภาพบางภาพ ก็จำเป็นต้องใช้การซูมแบบ Optical เพื่อให้ได้ความสัมพันธ์ของวัตถุบนภาพที่ดียิ่ง รวมถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เหตุเพราะในโทรศัพท์มือถือของเจ้าอาจจะมีทั้งรูปภาพ เพลง หนัง หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาแน่ๆ ถ้าท่านคิดว่าจะใช้กล้องสมาร์ทโฟนถ่ายรูปคุณตลอดทริปที่กินซ่าหรือพาแฟนเที่ยว Universal Studios เพราะเธอคงไม่อยากมานั่งลบรูปถ่าย ลบบทเพลงโปรด หรือลิสภาพยนตร์โด่งดังของเจ้าหรอก แต่หากยอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมกับเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าเจ้าได้ทั้งรูปที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของท่านแน่นอน
 
นั่นเป็นข้อมูลขั้นต้นว่าเพราะเหตุใดคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายภาพตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ก่อน และอาจพักยาวๆ เลย หากได้รู้จักกับกล้องตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D โดยก่อนหน้าจะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูประเด็นสำคัญ ๆ ของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายภาพโทรศัพท์มือถือหรือไม่
 
กล้อง Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายรูปเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่เหมาะของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะมิใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม สาระสำคัญของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เพราะกล้องถ่ายภาพ Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop ซึ่งถ้าหากถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปถ่ายที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ที่แสงน้อย โดยที่คุณไม่จำเป็นจะต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วยซ้ำ แถมป้องกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังเป็นเหตุให้การบันทึกภาพยนตร์ของท่านมิเป็นปัญหาเช่นกัน โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่ถึงแม้ว่าจะถือด้วยมือ และมิได้มีวัสดุอุปกรณ์เสริมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาฉลุย ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งแยกเฟรมเพื่อบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่สาระสำคัญเรื่องเดียวของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ก็เอาชนะกล้องถ่ายรูปโทรศัพท์เคลื่อนที่ขาดลอยแล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังมีฟีเจอร์หลายอย่าง อีกเพียบเลยที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง เช่น โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้เจ้าปรับตั้งค่าตามที่คุณต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ตัวอย่างเช่น Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น และจุดหลักอีกอย่างของกล้อง Olympus ตัวนี้ คือมีสัดส่วนที่เล็ก และพกพาสบายมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้เพียง 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำสบประมาทที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา