สวัสดี บุคคลทั่วไป

ตำนานแวดวง ร็อกแอนด์โรล ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 204 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
ตำนานแวดวง ร็อกแอนด์โรล ต้อง "Jim Marshall"
« เมื่อ: มกราคม 29, 2019, 02:15:35 AM »
                หากคุณคือคนที่เคลิ้มในเสียงเพลง หรือว่าเสียงดนตรี เชื่อว่าท่านจะต้องรู้จักแบรนด์เครื่องเสียงยี่ห้อนี้เป็นอย่างดีแน่นอน เนื่องจากเป็นยี่ห้อที่ได้รับความชื่นชอบอย่างยิ่ง ดังเช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องขยายเสียง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งประวัติประวัติของยี่ห้อนี้ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แวดวงเพลงRock 'n' Rollเลยก็ว่าได้ และแบรนด์ที่กำลังกล่าวขวัญอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง ซึ่งเรื่องราวของ Marshall นั้น จะมีความเป็นมาอย่างใดบ้าง อีกทั้งเพราะเหตุใดถึงได้มาเป็นยี่ห้อระดับโลกขนาดนี้ ฉันจะมาหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้ริเริ่มตั้งขึ้นโดย Jim Marshall ซึ่งจุดกำเนิดอยู่ที่การเป็นนักดนตรีมืออาชีพมาก่อน ซึ่งเล่นในตำแหน่งมือกลอง ภายหลังก็ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองมาจัดการธุรกิจร้านขายเครื่องดนตรี พร้อมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือหลายอย่าง โดยเริ่มจากการค้าขายกลองชุดพร้อมทั้งกีตาร์ในลอนดอนบริเวณ Hanwell โดยลูกค้าส่วนมากจะเป็นนักดนตรีดนตรีร็อกแอนด์โรล ที่มีความเด่นในคราวนั้น อย่างเช่น ริตชี แบล็กมอร์ หรือเป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มีลูกค้ามากขึ้น
                ถัดจากนั้นก็เริ่มมีนักดนตรีชื่อดัง หลายคนต้องการแอมป์ หรือว่าเครื่องกระจายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งเสียงดังกว่าเดิม ด้วยเหตุว่าปมปัญหาที่เจอเป็นส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นเรื่องความเสียงดังของเครื่องกระจายเสียงที่ไม่พอในการเล่นแสดงสดนั่นเอง Marshall จึงได้ตกลงใจทดลองออกมาจัดจำหน่าย และดันประสบผลอย่างมากมาย กลายเป็นการบอกเล่าปากต่อปาก จนวงดนตรีหลายๆ วง ให้ความสนใจ Marshall จึงจัดหามาทำออกมาค้าขายอย่างตั้งใจ อีกทั้งได้จัดตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นณปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นจุดตั้งต้นของแบรนด์ Marshall อย่างแท้จริง
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่ทำให้นักดนตรีทั้งหลายนิยมชมชอบ ยิ่งกว่านั้นยังบอกเป็นความเห็นเดียวกันว่าคือแอมป์กีตาร์ที่เสียงเยี่ยมเท่าที่เคยมีมา (ในระยะเวลานั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และถัดจากนั้นมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาสร้างแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความเชื่อมั่นจากมือกีตาร์แนวบลูส์ สายร็อก จากวงชื่อดัง ระดับตำนานเช่น The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมทั้ง AC/DC เป็นอาทิ
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในช่วงเวลา 60 ของ Marshall ฉบับรวบรัดตัดความ แต่ครั้นเมื่อยุคสมัยได้ล่วงพ้นก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล ยี่ห้อ Marshall ที่ชำนาญในกลุ่มเครื่องเสียงก็ได้ปรับปรุงและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าร่วมมือในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อให้ทันยุค ทันสมัย อีกทั้งถูกต้องตามความหวัง หรือตอบโจทย์ผู้ซื้อเพิ่มขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone ซึ่งเป็นสินค้าเหล่าหูฟัง เพื่อให้ลูกค้า หรือว่าบุคคลสามัญให้ได้รับประสบการณ์การสดับตรับฟังเสียงดนตรีในแบบของ Marshall รวมถึงสินค้ากลุ่มลำโพงที่สามารถเชื่อมบลูทูธได้ ซึ่งนั่นทำให้ Marshall เป็นที่นิยมอย่างท่วมท้นเช่นเดียวกัน ด้วยแนวเสียงที่ไม่ซ้ำใคร และดีไซน์ที่ดูเป็นวินเทจ คลาสสิก สละสลวย โดยรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่าสนใจ และจะแนะนำนั่นก็คือ หูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth และลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
 
หูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                คือหูฟังไม่มีสายที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัว ดีไซน์สวยงาม งามตามีสไตล์ ขนาดย่อมสามารถพับได้ ทำให้พกติดตัวไปไหนต่อไหนได้สบาย มีการเชื่อมฉับพลันด้วย Bluetooth 4.0 แต่ทว่าสามารถใช้ร่วมกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเหมือนกัน  สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ Li-ion Polymer (680mAh) อีกทั้งใช้เวลาชาร์จต่ำกว่า 4 ชั่วโมง โดยผ่าน Micro USB ส่วนของสำเนียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall เพราะเบสแน่นๆ เสียงร้องคมชัด มีเสียงแหลมที่ไม่ขัดหู และเวทีเสียงที่สามารถแยกแยะรายละเอียดปลีกย่อยของชิ้นดนตรีต่างๆ ได้อย่างดีเลิศ สมกับการเป็นสุดยอดตำนานยี่ห้อเครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกแน่นอน โดยหูฟังไร้สาย Marshall รุ่นนี้ สนนราคาจักอยู่ที่ไม่มากเกิน 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                คือลำโพงบลูทูธที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ได้ออกจัดจำหน่ายนานแล้วเหมือนกัน แต่ทว่าเรื่องของคุณภาพนั้นมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าแต่ก่อนเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้น้ำเสียงที่กระจ่างครบถ้วนบริบูรณ์ ด้วยระบบชิป aptX ออกแบบด้วยไดร์ฟเวอร์ภายในทั้งสิ้น 3 ตัว ยิ่งกว่านั้นยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือว่าแจ็คขนาด 3.5 มม. พร้อมทั้ง INPUT2 หรือ RCA นอกจากนี้ยังมีฝีมือในการปรับน้ำเสียงทุ้มแหลมได้อีกด้วย ให้เสียงเหมือนคุณกำลังฟังเสียงดนตรีจากการเล่นดนตรีสดเลยก็ว่าได้ โดยลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จักมีความถูกที่ไม่เกิน 15,900 บาท หากเปรียบเทียบเสียงที่ได้มา ถือได้ว่าคุ้มค่ามากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางดิฉันได้ยกมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีตจวบจนถึงล่าสุดนั้น พวกเรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์ยี่ห้อ Marshall สัญชาติอังกฤษนี้เกือบจะทุกเวทีเลย รวมไปถึงหูฟัง และลำโพงที่เยอะแยะมากหลายรุ่นที่ไม่ว่ายุคจะผ่านพ้นยาวนานแค่ไหน แต่ว่า Marshall ก็ยังดำรงความคลาสสิคตามสไตล์แบบ Marshall มิเคยเปลี่ยน

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall