สวัสดี บุคคลทั่วไป

ซื้อแอร์อย่างไร ให้เซฟเงินทองในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 198 อ่าน
เมื่อสภาพอากาศมันร้อน มันก็คงจะต้องค้นหาวิธีเพื่อหายอบอ้าวกันสักหน่อย ใครถนัดรับประทาน ก็มองหาของกินกินดับร้อนกันไป แต่อย่างไรก็ตามหากว่าผู้ใดต้องการบรรยากาศข้างในที่พักไม่ร้อนเหมือนกับนรก ก็ต้องอาศัย "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง หากใช้เครื่องปรับอากาศ บางท่านก็คงจะลำบากใจด้านเรื่องของรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาหลังจากนั้น แต่ว่าทุกคนจะมีหลักเกณฑ์การตัดสินใจซื้อยังไง เพื่อจะได้ทั้งสินค้าคุณภาพ แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกทุกคนจะน่าจะต้องนึกถึงประเภทของแอร์ควรจะให้เหมาะสมต่อที่ตั้งในการใช้งาน โดยปัจจุบันนั้นมีหลากหลายแบบให้เลือกหา โดยที่แต่ละแบบก็มีคุณสมบัติต่างกันออกไป โดยสมมติว่าซื้อผิดนั้น ทำให้อาจมีผลต่อก่อให้เกิดผลเสียกับเครื่องปรับอากาศ รวมถึงยังส่งผลให้เสียพลังงานไปอีก โดยหลักๆ แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแบ่งเป็นหลากหลายลักษณะ ตัวอย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดผนัง, แอร์ตั้งพื้น, เครื่องปรับอากาศฝังเพดาน และ แอร์เคลื่อนที่ โดยที่แต่ละชนิด มีลักษณะแบบใดบ้าง ไปพิจารณากันก่อนดีกว่า
อันแรกก็คือเครื่องปรับอากาศติดผนัง โดยที่แอร์ประเภทนี้ เป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว หรือไม่ก็คงจะคุ้นตากันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ เพราะว่าใช้งานที่หลายแบบ ประกอบด้วยรูปแบบการดีไซน์ที่ร่วมสมัย และก็มีสัดส่วนกะทัดรัด อีกทั้งยังทำให้ประหยัดไฟฟ้า แล้วยังสามารถดูแลรักษาง่าย โดยแอร์ลักษณะนี้ เหมาะกับห้องสัดส่วนไม่ใหญ่มาก และที่พัก หรือคอนโดทั่วไป ทำให้ตรงตามกับความมุ่งหมายในการทำงานได้แบบหลากหลายแบบ
ถัดมาเป็นเครื่องปรับอากาศวางพื้น ซึ่งเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ถือเป็นชนิดที่มีการแผ่กระจายความเย็นได้มาก สามารถสร้างความเย็นฉ่ำได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงทนในการใช้งาน รวมถึงทนต่อฝุ่นควันอีกด้วย โดยลักษณะของแอร์จะเป็นรูปแบบตั้งกับพื้น เหมาะกับห้องที่มีขนาดใหญ่ โรงงาน รวมทั้งมีประชากรหนาแน่น  โดยที่เครื่องปรับอากาศลักษณะนี้จะทำงานใช้อึกทึก ก็เลยส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าแอร์แบบอื่นๆ
แบบถัดมาเป็นชนิดเครื่องปรับอากาศฝังฝ้าเพดาน โดยชนิดนี้จะเป็นแอร์ 4 ทิศทาง เครื่องแอร์ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำทิ้ง สามารถติดตั้งด้านในฝ้าเพดาน ส่งผลให้สามารถเก็บทรงความเรียบร้อยของห้องได้ตามเดิม ลดขีดจำกัดในการติดตั้ง ซึ่งเหมาะสมกับห้องที่ต้องการในเรื่องความสวยหรู ช่วยให้ในบ้านสวยเหมือนเดิม  แต่ว่าเครื่องปรับอากาศอย่างนี้มักจะสนนราคาค่อนข้างแพงมากกว่าแอร์ลักษณะอื่นๆ
ส่วนแบบสุดท้ายคือแอร์เคลื่อนที่ โดยเครื่องปรับอากาศชนิดนี้จะไม่ค่อยซับซ้อนเหมือนกับแบบก่อน ก็เพราะว่าแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะแอร์ประเภทนี้ใช้งานได้อย่างเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยทั่วๆ ไป แต่ไม่เหมือนอันอื่นก็ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ แล้วก็ไม่ต้องติดตั้งเข้ากับตัวบ้านด้วย เหมาะสมกับคนที่อาศัยหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลก็ง่ายดาย เหมือนแอร์ทั่วๆ ไปเลย
ย้อนกลับมาที่หลักเกณฑ์การตัดสินใจซื้อกันต่อ ต่อมาก็ต้องซื้อสัดส่วนเครื่องปรับอากาศให้เข้ากับขนาดห้อง เพราะถ้ารู้พื้นที่ห้องเรียบร้อยแล้วนั้น ทำให้ง่ายกับการซื้อขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคาดคะเนค่า BTU นั่นเอง เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและช่วย
เซฟพลังงาน เพราะว่าหลายคนคงยังไม่รู้ว่า BTU หมายถึงอะไร ซึ่งมันก็คือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการซื้อ BTU จึงมีความสำคัญ เพราะว่าจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังกับอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง ถ้าหากเลือกแอร์ที่มี BTU มากเกินไป ก็จะทำให้ทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ศักยภาพข้างในถดถอย รวมทั้งยังส่งผลให้เกิดความชื้นข้างในห้องสูง อาจทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยป่วย หรือป่วยได้ แล้วยังส่งผลให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือว่าหากตัดสินใจแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะทำให้คอมแอร์ทำงานทุกเมื่อและหนักจนเกินพอดี  เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ปรับหรือกำหนดไว้  โดยจะมีผลให้เป็นเหตุให้แอร์ทรุดโทรมได้ง่ายๆ แล้วยังเปลืองไฟฟ้าอีกเช่นกัน
                ต่อมาก็คือหลักไม่ยุ่งยาก เกินที่ไม่ว่าใคร ก็ต้องทำให้ตัดสินใจเลือกแน่นอน คือ การเลือกสรรเครื่องปรับอากาศที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะว่านั่นหมายถึง ประสิทธิภาพในการใช้งานพลังงานที่คุ้มค่าที่สุด เลยจะช่วยประหยัดไฟฟ้าและประหยัดเงินได้นั้นเอง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : แอร์ ราคา

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา