สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายรูป VS กล้องมือถือ ถ้าหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วท่านจะเลือกอะไร?

  • 0 ตอบ
  • 223 อ่าน
ครั้นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันน่าระลึกจนต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นรูป และมันจะยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก ครั้นเมื่อข้างในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายภาพ" นั่นเอง โดยในสมัยนี้ ใครต่อใคร ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องพร้อมกันมาด้วย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบโต อีกทั้งยังมีความชัดมิได้แตกต่างไปจากกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แต่ที่แท้นั้นมันยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่ต่างกันอยู่เยอะแยะเลยเชียว
 
อย่างเช่นเรื่องเซนเซอร์ ด้วยเหตุว่ากล้องถ่ายรูปจักมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายรูปจากมือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะรักษาแสงได้ดีกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติดีกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างมากมายมากกว่า สำหรับสมาร์ทโฟนอาจจะทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายรูปเท่าใดนัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยครั้นเมื่อย้อนกลับมาดูภาพจากกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็จะเจอ Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องถ่ายรูปทั่วๆ ไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องโทรศัพท์มือถือเล็กกว่ากล้องทั่วๆ ไป
 
ถัดจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายรูปดีกว่ากล้องจากโทรศัพท์มือถือ หากเป็นการซูมของกล้องถ่ายรูป ท่านสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย โดยน้อยรายในหมู่ยี่ห้อสมาร์ทโฟนที่จะมีคุณลักษณะนี้ เพราะภาพบางภาพ ก็จำเป็นจะต้องใช้การซูมแบบ Optical เพื่อได้ความเกี่ยวพันของวัตถุบนภาพที่ดีที่สุด รวมทั้งหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เนื่องจากว่าในสมาร์ทโฟนของเธออาจจะมีทั้งรูปภาพ เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาจริงๆ หากเธอคิดว่าจะใช้กล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ชักรูปเธอตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่ก็พาคู่ควงท่องเที่ยว Universal Studios ก็เพราะว่าเจ้าคงมิต้องการมานั่งลบภาพถ่าย ลบบทเพลงโปรด หรือไม่ก็ลิสภาพยนตร์ดังของเธอหรอก แต่หากยอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมทั้งเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน มั่นใจว่าเธอได้ทั้งภาพถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของคุณแน่นอน
 
นั่นคือข้อมูลเบื้องต้นว่าไฉนพวกเราถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายรูปตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องโทรศัพท์มือถือไว้ก่อน และอาจพักยาวๆ เลย ถ้าได้รู้จักกับกล้องถ่ายภาพตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D โดยก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูข้อเด่น ๆ ของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนไหม
 
กล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่มากที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่พอดีของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ข้อดีของกล้อง Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เนื่องจากกล้อง Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop ซึ่งถ้าถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปถ่ายที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ที่แสงน้อย โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วยซ้ำ แถมกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังเป็นเหตุให้การบันทึกภาพยนตร์ของเจ้าไม่เป็นอุปสรรคอีกด้วย โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่ถึงแม้จะถือด้วยมือ และไม่ได้มีวัสดุอุปกรณ์เพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาราบรื่น ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถแยกแยะเฟรมสำหรับบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่จุดเด่นเรื่องเดียวของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ก็พิชิตกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์เคลื่อนที่ขาดลอยแล้ว นอกจากนี้ยังมีคุณลักษณะต่างๆ อีกมากมายก่ายกองเลยที่ยังมิได้เอ่ยถึง อย่าง โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้คุณปรับตั้งค่าตามที่เธอต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะแยะอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น และจุดดีอีกอย่างของกล้อง Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาฉลุยมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำดูถูกที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา