สวัสดี บุคคลทั่วไป

การเลือกซื้อไม้แบดมินตันจำเป็นต้องเช็คเรื่องใดบ้าง

  • 0 ตอบ
  • 240 อ่าน
กีฬาแบดมินตันเป็นอีกหนึ่งจำพวกกีฬาที่หลายท่านนิยมกันจ้ะอ ด้วยเหตุว่าเนื่องจากว่าเล่นง่ายไม่สลับซับซ้อนมีความสนุกสนาน ที่สำคัญออกแรงแล้วได้เหงื่อสุดๆเลยล่ะจ้ะ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นที่คอร์ดก็ดี การเล่นที่สวนสาธารณะก็ไม่เลวและที่สำคัญไปกว่านั้นก็เป็นกีฬาที่เราสามารถสร้างมิตรภาพใหม่ๆสำหรับในการเล่นกีฬาได้อีกด้วย ซึ่งสำหรับในการเล่นกีฬาแบดมินตันนี้มีอีกหนึ่งเครื่องมือที่เราจะใช้สำหรับในการเล่น เป็นเครื่องมือที่มีความจำเป็นนั่นก็คือไม้แบดนั้นเองค่ะ โดยเหตุนี้วิธีสำหรับการเลือกซื้อไม้แบดมินตันสำหรับในการตีแบดไม่ใช่ว่าสักแต่เลือกซื้อไปอันไหนก็ได้ราคาไม่แพงไว้ก่อน แต่ว่าเราควรต้องมีวิธีการการเลือกไม้แบดให้ได้ประสิทธิภาพเพื่ออรรถรสสำหรับการบริหารร่างกายของพวกเรานั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาดูกันจ้ะว่าเราจะเลือกซื้อไม้แบดให้ได้ ประสิทธิภาพจำต้องมองอะไรบ้าง

วิธีการง่ายๆเลือกไม้แบดมินตันด้วยตัวคุณเอง

อันดับแรกที่จะต้องดูเลยก็คือรูปเฟรมของไม้จ้ะ หรือที่คนจำนวนมากรู้จักกันในชื่อที่เรียกว่า Flame Shape ไม้แบดที่ดีควรจะมีรูปเฟรมไม้แบบ isometric แบบสมมาตร ตัวไม้รูปสี่เหลี่ยมบริเวณจุดกระทบลูกกว้างกว่าเฟรมไม้รูปไข่จึงจะสามารถสร้างสมดุล หอยกาบ เอ็นทั้งแนวตั้งและก็แนวนอนเพื่อความแม่นยำสำหรับเพื่อการผลักลูกเมื่อตกกระทบกับหน้าไม้นั่นเองค่ะ

ต่อมาเป็นระดับความแข็งแรงของก้านไม้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ระดับด้วยกันก็คือ

- การยืดหยุ่นระดับ Soft หรือ Super Flex ไม้ชนิดนี้จะยืดหยุ่นได้อย่างดี เหมาะกับที่จะเป็นไม้รับหรือวางรูป ก้านไม้มีแรงดีดลูกจากหน้าไม้}ได้เร็วและแรงยังช่วยเสริมให้ดีดส่งลูกไปด้านหลังคอร์ดได้อีกด้วย ที่สำคัญยังเหมาะกับการรับลูกตบเป็นการโต้ตอบแบบฉับไว โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกดาดนั่นเองจ้ะ
- การยืดหยุ่นระดับ medium หรือ regular การยืดหยุ่นแบบนี้จะมีความแข็งแรงในระดับปานกลางธรรมดา จึงจะเหมาะสมมากกับการที่จะใช้เป็นไม้รุกรวมทั้งรับในตัวจ้ะ ยิ่งกว่านั้นยังช่วยเสริมให้การตีลูกจากหน้าไม้ได้ดีมากอีกด้วย รวมไปถึงการเล่นแบบวาดหน้าไม้ก็ทำได้ชำนาญทั้งรุกและก็รับ ซึ่งเหมาะกับการตีแบด ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการเล่นผู้เดียวหรือเล่นคู่ค่ะ
- การยืดหยุ่นระดับ Stiff หรือ extra stiff ประเภทนี้จะเป็นก้านที่มีความแข็งกว่าทุกแบบค่ะ ก็เลยเหมาะสมที่จะเป็นไม้รุกช่วยทำให้การส่งพลังจากแรงข้อมือไปถึงลูกที่ตกกระทบมายังหน้าไม้ได้อย่างแรงคุณภาพ สำหรับในการเล่นแบบรุกจึงค่อนข้างจะดีมากกว่าไม้ทั้ง 2 แบบก่อนหน้า ที่สำคัญน้ำหนักและทิศทาง}สำหรับเพื่อการเล่นจะสามารถควบคุมได้อย่างดี เมื่อใช้ไม้ประเภทนี้ อาทิเช่น เล่นลูกตบลูกหยอดหน้าตาข่าย ลูกครึ่งตบเหมาะกับการเล่นในเกมรุกเป็นสำคัญด้วยเหตุนี้การตีแบดมินตันเพื่อการทำคะแนนกับคู่ต่อสู้และเพื่อการเอาชนะแล้วล่ะก็จำเป็นต้องเลือกไม้ประเภทนี้กันเลยล่ะจ้ะ แต่ก็ใช่ว่าในเกมรับจะทำได้ไม่ดีนะคะ แต่ตรงกันข้ามยังสามารถเล่นเกมรับได้ดีเลิศๆอีกด้วย

จุดศูนย์ถ่วงของไม้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจำเป็นที่จะต้องเลือกให้ดีจ้ะ ซึ่งช่วงนี้ก็จะวัดจากปลายด้ามจับ ไปจนกระทั่งหน้าไม้ คุณสมบัติของจุดศูนย์ถ่วงก็คือจะเป็นตัวบ่งบอกแล้วก็ชี้วัดคุณสมบัติของไม้นั้นๆว่าเหมาะสำหรับเทคนิคการเล่นแบบคู่หรือเล่นแบบคนเดียว เล่นเกมรุกหรือเล่นเกมรับ ซึ่งส่วนใหญ่ไม้แบดจะเขียนจุดศูนย์ถ่วงไว้ที่ก้านไม้ด้วยแล้วล่ะค่ะ แน่ๆว่าไม้แต่ละแบบที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่างกันก็มีสาเหตุมาจากน้ำหนักของไม้ที่แตกต่างด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวไม้แต่ละแบบจึงมีแรงส่งลูกมากน้อยแตกต่าง ไปดูกันจ้ะว่าไม้ที่มีศูนย์ถ่วงระยะต่างๆเหมาะกับการเล่นตีแบด แบบไหน
- ไม้หัวเบา เหมาะสำหรับเล่นเกมรับแล้วก็จะมีจุดศูนย์ถ่วงที่ระยะ 270 ถึง 280 mm
- ไม้หัวหนักก้านกลาง เป็นไม้ที่เหมาะกับการเล่นทั้งเกมรุกแล้วก็เกมรับ มีจุดศูนย์ถ่วงระยะ275 ถึง 285 mm
- ไม้หัวหนัก เป็นไม้แบบที่เหมาะกับการเล่นเกมรุกจะมีจุดศูนย์ถ่วงที่ระยะ 285 ถึง 295 mm
- ไม้เบา เป็นไม้ที่ใช้ตีสวิงลูกได้อย่างรวดเร็วแล้วก็สามารถควบคุมหน้าไม้ได้กระฉับกระเฉงแล้วก็ง่ายดายกว่าไม้แบบอื่นๆเหมาะสมกับการเล่นหน้าตาข่าย เล่นทางวางลูกเล็งลูกได้อย่างคล่องแคล่ว เน้นเกมรับมากกว่าเกมรุกค่ะ
- ไม้หนัก เป็นไม้ที่ใช้เพื่อสำหรับในการตีสวิงลูกได้แรงกว่าไม้ชนิดอื่นๆ เนื่องจากมีน้ำหนักที่หัวไม้มากกว่าเหมาะสำหรับการตีแบดมินตันที่ต้องเล่นลูกตบที่หนักหน่วง และจะต้องใช้น้ำหนักและทิศทางที่แน่นอน ด้วยเหตุนี้หากปรารถนาคุณลักษณะของไม้ที่สามารถตีวงสวิงลูกได้อย่างดีเยี่ยม และเป็นไม้รุกไปในตัวควรจะใคร่ครวญที่ก้านไม้ควรเป็นก้านไม้แบบแข็ง แล้วก็มีจุดศูนย์ถ่วงเป็นไม้หัวหนักนั่นเองจ้ะ




Tags : แบดมินตัน,ตีแบด,ไม้แบด