สวัสดี บุคคลทั่วไป

เลือกแอร์เช่นใด เพื่อที่จะเซฟเงินในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 219 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
พอสภาพอากาศมันอบอ้าว เลยก็ต้องหาอะไรเพื่อที่จะดับร้อนกันซะหน่อย คนถนัดบริโภค ก็ค้นหาของกินรับประทานคลายร้อนกันไป อย่างไรก็ตามหากใครต้องการให้อากาศในที่พักไม่อบอ้าวดั่งนรก ก็ต้องพึ่ง "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง ถ้าหากใช้เครื่องปรับอากาศ บางท่านก็คงจะกังวลด้านเรื่องของรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาต่อจากนั้น แล้วทุกคนจะมีเกณฑ์การเลือกซื้ออย่างใด เพื่อจะได้ทั้งของน่าพอใจ แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
ข้อแรกทุกคนจะน่าจะต้องคิดถึงลักษณะของแอร์ต้องให้พอดีต่อพื้นที่และการใช้งาน โดยตอนนี้นั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก เพราะแต่ละอย่างก็มีสเปคแตกต่างกันออกไป ซึ่งสมมติว่าเลือกผิดนั้น ก็คงอาจเป็นเหตุให้อาจจะโทษแก่เครื่องปรับอากาศ รวมถึงยังทำให้เสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ หลักๆ แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแยกเป็นหลายหมวดหมู่ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศติดกำแพง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, แอร์ฝังเพดาน รวมถึง เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่แต่ละอย่าง มีลักษณะอย่างไรบ้าง ไปดูกันก่อนดีกว่า
ประเภทแรกเป็นแอร์ติดกำแพง โดยที่แอร์ลักษณะนี้ เป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว หรือว่าคงจะเคยเห็นกันอยู่เสมอๆ นั่นแหละ เพราะการทำงานที่หลายแบบ มีรูปแบบการดีไซน์ที่ทันสมัย พร้อมด้วยก็มีขนาดพอดี แล้วยังยังช่วยลดการใช้ไฟฟ้า แล้วยังสามารถดูแลสะดวก โดยเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ เหมาะสำหรับห้องขนาดน้อย รวมถึงบ้านเรือน หรือคอนโดทั่วๆ ไป อาจจะตอบโจทย์ต่อความปรารถนาในการใช้งานได้อย่างหลายรูปแบบ
ถัดมาเป็นเครื่องปรับอากาศวางพื้น โดยเครื่องปรับอากาศแบบนี้เป็นชนิดที่มีการกระจายความเย็นได้มาก สามารถสร้างความเย็นฉ่ำได้แบบรวดเร็ว รวมถึงทนทานต่อการใช้งาน รวมไปถึงทนทานกับมลพิษอีกด้วย โดยที่รูปร่างของเครื่องปรับอากาศจะเป็นชนิดติดตั้งที่พื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่กว้าง โรงงาน หรือมีประชากรหนาแน่น  โดยที่แอร์แบบนี้จะทำงานใช้อึกทึก ก็เลยทำให้เปลืองไฟฟ้ามากกว่าเครื่องปรับอากาศชนิดอื่นๆ
ประเภทต่อมาคือลักษณะแอร์ติดฝ้าเพดาน ซึ่งประเภทนี้จะคือเครื่องปรับอากาศ 4 ทิศทาง ตัวเครื่องแอร์ ท่อน้ำยา และท่อน้ำทิ้ง สามารถติดตั้งข้างในฝ้าเพดาน ส่งผลให้สามารถคงรูปทรงความดูดีของห้องได้อย่างเดิม ลดขีดจำกัดในการติด ซึ่งเหมาะสมสำหรับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความประณีต ช่วยให้ในบ้านประณีตตามเดิม  แต่แอร์อย่างนี้มักจะสนนราคาค่อนข้างจะแพงมากกว่าแอร์ชนิดอื่นๆ
และอย่างท้ายที่สุดคือแอร์เคลื่อนที่ ซึ่งเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้จะไม่ค่อยซับซ้อนเหมือนกับแบบที่แล้ว เพราะว่าแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะว่าเครื่องปรับอากาศแบบนี้ใช้ได้เหมือนกันกับเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่ไม่เหมือนแบบอื่นก็ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ รวมถึงก็ไม่ต้องติดเข้ากับผนังด้วย เหมาะกับคนที่อาศัยหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลก็ง่ายดาย เหมือนกับเครื่องปรับอากาศธรรมดาเลย
กลับมาที่เกณฑ์การตัดสินใจซื้อกันต่อ ถัดจากนั้นก็ต้องเลือกขนาดเครื่องปรับอากาศให้เข้ากันกับพื้นที่ห้อง ก็เพราะว่าถ้ารู้พื้นที่ห้องเรียบร้อยแล้วนั้น ทำให้ง่ายกับการเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคำนวณค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะเหมาะสมกับการทำงานและช่วย
ประหยัดพลังงาน โดยที่หลายคนคงยังไม่ทราบว่า BTU คืออะไร ซึ่งมันคือ ขนาดสร้างความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการตัดสินใจ BTU จึงมีความจำเป็น เนื่องจากจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังกับอายุการทำงานของแอร์นั่นเอง หากซื้อแอร์ที่มี BTU สูงเกินพอดี ก็ทำให้ใช้งานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ศักยภาพข้างในถดถอย และยังมีผลกระทบให้เกิดความชื้นข้างในห้องสูง อาจทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยไม่สบาย หรือไม่ก็ไม่สบายได้ แล้วยังทำให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือไม่ก็ถ้าหากเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลารวมถึงมากจนเกินไป  เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงกับที่ปรับหรือกำหนดไว้  โดยจะส่งผลทำให้เครื่องปรับอากาศพังได้ง่ายๆ รวมถึงสิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย
                ถัดมาก็เป็นหลักการไม่ยาก เกินที่ไม่ว่าใคร ก็ต้องช่วยให้เลือกตัดสินใจแน่นอน คือ การเลือกสรรเครื่องปรับอากาศที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็เพราะว่านั่นคือ คุณภาพในการใช้งานพลังงานที่คุ้มที่สุด ซึ่งจะทำให้ประหยัดไฟฟ้าและประหยัดรายจ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา