สวัสดี บุคคลทั่วไป

เรามาตรวจความพร้อมเพรียงก่อนไปตลาดจีน | โปรโมทสิ้นค้าที่จีน

  • 0 ตอบ
  • 277 อ่าน
     ในปีที่ผ่านมาเราคงจะมองเห็นและได้ยินข่าวเกี่ยวกับการเติบโตของตลาดจีนกันบ่อยครั้ง การตลาดจีน

ไม่ว่าจะเป็นจำนวนนักเดินทางจีนที่มาเที่ยวในไทยเพิ่มมากขึ้นโดยตลอด รวมถึงเรื่องราวของนักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้วก็ประเทศเ
พื่อนบ้านเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังยังได้ยินว่าจีนได้ปัดกวาดซื้อผลไม้ไทยอย่างเช่น ทุเรียน ไปจนกระทั่งหมดตลาด
และเนื่องจากข่าวนี้เองก็เลยทำให้พวกเราตื่นเต้นแล้วก็ต้องการจะคว้าช่องทางบุกตลาดแดนมังกร.
 
คนไม่ใช่น้อยมีความรู้สึกว่าขอแค่ 1% ของตลาดจีนก็พอเพียงแล้วซึ่งฟังดูไม่ยากเย็นสักเท่าไหร่ แต่ว่าตามความจริงนั้นมันง่ายอย่างนั้นจริงหรอ?
 
     หลังจากที่ได้เรียนธุรกิจไทยจำนวนไม่น้อยที่เพียรพยายามบุกตลาดจีนทั้งๆที่เสร็จรวมทั้งล้มเหลว
ทำให้พวกเราบากบั่นค้นหาเหตุผลเพื่อที่จะตอบคำถามที่ว่า "อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจบรรลุความสำเร็จในตลาดจีนได้?" สิ่งที่เราค้นพบ เป็น
มีเหตุผลหลายสิ่งหลายอย่างประกอบเข้าด้วยกัน ซึ่งออกจะที่จะต่างกันออกไปตามแต่ละธุรกิจแม้กระนั้นก็ยังมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกัน
และก็เป็นเหตุผลที่มักจะได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจไหนก็ตาม
จึงมองดูได้ว่ามันเป็นเหตุผลสำคัญที่ธุรกิจจำเป็นจะต้องจัดแจงและก็จัดแจงให้ดีก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดจีนครับผม ขอสรุปให้ฟังดังต่อไปนี้นะครับ บริการการตลาดออนไลน์จีน
 
Product Market Fit
ผลิตภัณฑ์ควรเป็นที่สิ่งอยากได้ของชาวจีน
 

         
 
     จริงอยู่ที่ชาวจีนนั้นมีจำนวนไม่ใช่น้อย แต่ว่าไม่ใช่ว่าเค้าจะซื้อทุกๆอย่างที่วางจำหน่ายอยู่หน้าร้าน
หลายท่านติดกับเพราะเหตุว่าคิดเพียงแค่ว่าการนำสินค้าไปขายตามร้านรวงที่ชาวจีนนิยมเช่น อย่างเช่น

     ร้านขายของฝากหรือร้านขายของปลอดภาษีจะมีผลให้มียอดขายมากขึ้นมาทันคราว แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วยังมีผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีใครซื้อ และอีกทั้งเงินที่ยังจมกับค่า
สต๊อกผลิตภัณฑ์ที่ต้องจัดแจงไว้ให้ร้านค้าต่างๆเพียงแต่ด้วยเหตุว่าผลิตภัณฑ์ไม่ตรงตามความอยากได้ของชาวจีน
 

     ฟังดูราวกับว่าเป็นความทราบทั่วๆไปสำหรับนักธุรกิจอย่างเรา ที่จะจำต้องทำผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความปรารถนาของลูกค้า
แต่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยคงจะตกอกตกใจหากผมพูดว่ามีหลายบริษัทที่ล้มเหลวเนื่องจากว่าไม่รู้จักว่าผู้บริโภคปรารถนาอะไร
 
ความปรารถนาของลูกค้าจีนมีมากมายแตกต่างกันออกไป
ขึ้นอยู่กับกรุ๊ปลูกค้าแผนการที่พวกเราต้องการจะจับ และมันไม่สามารถชี้แจงให้ครบข้างในบทความเดียวได้
แต่ว่าผมมีทางลัดมาบอกที่ใครๆก็สามารถทำได้ ซึ่งจะช่วยย่นเวลาในการวิเคราะห์และการลองถูกลองผิดไปได้เยอะแยะทีเดียว
วิธีนั้นก็คือกระบวนการทำจุดโฟกัสกรุ๊ปกับลูกค้าคนจีน
 
กระบวนการทำจุดโฟกัสกลุ่มจะก่อให้ได้เรียนรู้แล้วก็รู้เรื่องลูกค้าจีนมากเพิ่มขึ้น รวมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของชาวจีนได้อย่างแม่นยำ
ตั้งแต่เรื่องของรูปแบบของผลิตภัณฑ์ รสชาติ ความรู้สึกสำหรับการใช้ รวมทั้งรวมถึงลักษณะเด่นของสินค้าในสายตาของลูกค้าก่อนจะลงทุนทำการตลาด
 
USP - Unique Selling Point
ผลิตภัณฑ์ต้องมีลักษณะเด่นกระจ่างแจ้ง
 
เมื่อคิดที่จะทำผลิตภัณฑ์ขายให้กับคนจีนหลายท่านมักจะดูสินค้าที่ขายดีรวมทั้งก๊อปปี้ตามนั้น ไม่ว่าจะคือผลไม้อบแห้ง หมอนยางพารา กระเป๋า
ของฝากหรือเครื่องแต่งหน้า ล้วนแล้วแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีในท้องตลาดอยู่ไม่น้อย แม้กระนั้นหากพวกเรามาดูจริงๆแล้วส่วนมากบริษัทพวกนั้น เป็น
บริษัทที่มีวิถีทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็นของตนเองเช่น ดังเช่นว่า เจ้าของร้านค้าที่มีทัวร์มาลงอยู่แล้วหรือเป็นเจ้าของเองเลยก็ตาม

เนื่องจากเขาสามารถบังคับให้ทัวร์จีนซื้อได้ แต่ในทางกลับกันสำหรับบริษัทที่มิได้เป็นเจ้าของหนทางการจำหน่ายแบบปิด
จำเป็นจะต้องแข่งกับสินค้าที่อยู่ในท้องตลาดทั่วไป
ด้วยเหตุผลดังกล่าวการทำผลิตภัณฑ์ที่ซ้ำจะไม่สามารถที่จะดึงดูดความพึงพอใจและก็เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต่างๆของบริโภคให้มาซื้อสินค้าเราได้เลย
ผู้ซื้อจีนส่วนมากจะกระทำเช็คราคาและสินค้าคู่ต่อสู้ในตลาดทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าอะไรก็ตาม
หรือไม่ก็ตัดสินใจจากการบอกปากต่อปาก ซึ่งแสดงว่าบริษัทที่จะต้องการจะแย่งรูปร่างของตลาดจากสินค้าเดิมที่มีขายอยู่ในตลาดอยู่แล้ว
ต้องทำการพัฒนาให้ลูกค้ามองเห็นคุณลักษณะเด่นด้วยสิ่งใหม่ที่น่าสนใจถึงจะบรรลุเป้าหมายได้
 
Clever Pricing Strategy
กำหนดราคาอย่างฉลาด

     อีกต้นเหตุที่สำคัญสำหรับเพื่อการตัดสินใจของลูกค้าจีน เป็น ราคา แน่ๆนะครับว่าลูกค้าจีนก็ได้ไม่ต่างกับลูกค้าอื่นๆ
ที่จะต้องกระทำการเช็คราคาก่อนที่จะคิดที่จะตัดสินใจซื้อ ไม่ใช่ว่าเค้าอยากได้ซื้อของที่ถูกที่สุด แม้กระนั้นการเช็คราคาคือกระบวนการทำเค้าให้มั่นใจว่าตัวเองจะไม่โดนหลอก

     จำต้องรู้เรื่องนะครับว่าในประเทศจีนนั้นมีนักต้มตุ๋นแล้วก็มีผลิตภัณฑ์ปลอมเยอะมากมากไม่น้อยเลยทีเดียว
ทำให้คนซื้อจีนนั้นจำเป็นจะต้องระแวดระวังสำหรับการจับจ่ายซื้อของเป็นอย่างยิ่งเพื่อไม่ให้โดนหลอก
ลูกค้าจีนก็เลยนิยมที่จะจับจ่ายซื้อของจากต่างแดนจากร้านรวงที่น่าเชื่อถือเพราะมีความรู้สึกว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์จะดียิ่งกว่าของจีนอย่างแน่นอน
ลูกค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ที่สั่งซื้อของจากไทยจะบังคับให้ผู้ส่งของนั้นถ่ายภาพวิธีการส่งโดยให้ติดสติ๊กเกอร์หรือเขียนข้อความลงบนกล่องเพื่อให้
มั่นใจว่ากล่องนั้นมาจากประเทศไทยจริงๆไม่ใช่ส่งมาจากตรงไหนสักที่หนึ่งในจีน
 

แม้ราคาของสินค้าเมืองนอกจะสูงกว่าของในประเทศจีนก็ตาม แต่ถ้าเกิดสามารถสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจถึงคุณภาพที่ดีมากยิ่งกว่าได้
ผู้ใช้จีนก็ยอมจ่ายครับ
 
ส่วนราคาจะตั้งอยู่ที่เท่าใดนั้นขึ้นกับผลิตภัณฑ์คู่ต่อสู้แล้วก็กลุ่มเป้าหมายที่ปรารถนาครับผม เมื่อเราหาคู่แข่งของสินค้าเราพบแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมเราควรจะจะต้องทำเปรียบเทียบราคาเพื่อให้สามารถแข่งกับคู่ปรปักษ์ในตลาดได้
 
     กรรมวิธีเปรียบราคาที่ยอดเยี่ยม เป็น การค้นหาในออนไลน์ครับ
แนวทางกล้วยๆเป็นการไปที่เว็บไซต์ Taobao.com ซึ่งเป็นเว็บอีคอมเมิร์ซของจีนที่ใหญ่ที่สุด ที่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของอาลีบาบากรุ๊ปนะครับ
การค้นหาในเว็บนี้จะทำให้เราเห็นราคาตลาดที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ทั้งๆที่มีเอเจนหรือบุคคลปกติขายอยู่ จนถึงร้านขายของที่เป็นทางการของ TMall จึงทำให้เราสามารถตั้งราคาได้เหมาะอย่างยิ่งขึ้นนะครับ
 
     อีกวิธีหนึ่งของการเปรียบเทียบราคา เป็น การค้นหาใน Baidu นะครับ ซึ่งเป็น Search Engine อันดับต้นๆของจีน
ซึ่งละม้ายกับแนวทางที่คนประเทศไทยใช้คือใช้ Google ค้นหาเพื่อมองรีวิวหรือเปรียบราคาสินค้า
ผู้บริโภคจีนจะใช้เว็บแห่งนี้สำหรับเพื่อการหาข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสินค้า
ซึ่งผลการค้นหาอันดับที่หนึ่งโดยมากจะเป็นเว็บไซต์หรือกระทู้ที่มีลูกค้ารายอื่นเขียนรีวิวสินค้าไว้
จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่นักธุรกิจไทยควรให้ความเอาใจใส่สำหรับในการค้นหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคู่ต่อสู้ แล้วก็จะก่อให้การตั้งแผนการนั้นใส่
เกี่ยวแล้วก็เหมาะสมกับตลาดจีนครับ
 
สินค้าที่ประสบความสำเร็จไม่มีความจำเป็นที่จะต้องราคาแพงที่ถูกกว่าคู่ปรปักษ์ในตลาด
แต่จะต้องมีราคาที่เหมาะสมและสามารถโชว์จุดแข็งของสินค้าออกมาได้อย่างแจ่มแจ้ง บริการการตลาดออนไลน์จีน
 
 
 
Competitive Cost Structure
ทุนจำต้องต่ำจริง
 
         
 
     หลังจากที่เราได้ดูราคาค้าปลีกซึ่งถือว่าเป็นราคาสูงสุดที่จะขายในตลาดแล้ว สิ่งถัดมาที่พวกเราจำต้องดูก็คือทุนทั้งสิ้น
ตั้งแต่ต้นทุนการสร้างจนกระทั่งเงินลงทุนการโฆษณาและก็แนวทางการขาย
 
ฟังดูเหมือนเป็นความรู้ทั่วไปในการทำธุรกิจอยู่แล้วว่าถ้าเกิดเงินลงทุนยิ่งสูงผลกำไรก็ยิ่งน้อย แล้วจะก่อให้แข่งขันกับคู่ปรปักษ์ในตลาดยาก
แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วน้อยผู้ที่จะยอมรับว่าสินค้าบางอย่างเมื่อคิดถึงต้นทุนแล้วไม่เหมาะสำหรับการขายในตลาดจีน
 
เพราะว่าวิธีขายผลิตภัณฑ์ไปสู่ตลาดจีนจะต้องมีค่าใช้สอยเพิ่มอีกหมายถึง ค่าขนส่ง ภาษี
ค่าคอมมิชชั่นให้ตัวแทน และก็รวมทั้งวิถีทางการขายอื่นๆ ผู้ประกอบธุรกิจจำเป็นต้องพิจารณาถึงความคุ้มราคาและความน่าจะเป็นของการขายผลิตภัณฑ์ไปสู่ตลาดจีน โปรโมทสิ้นค้าที่จีน
ค่าขนส่งและภาษีนั้นหาได้อย่างไม่ยากเย็น โดยขึ้นกับขนาด ชนิดของสินค้า แล้วก็ช่องทางการขนส่ง แม้กระนั้นสิ่งที่นักธุรกิจหลายคนลืมคิดถึง เป็น
ค่าคอมมิชชั่น โน่นคือราคาขายส่งที่เอเจนปรารถนานำไปขายในจีน โดยบริษัทสามารถหาหนทางการจำหน่ายโดยตรงได้เช่น อาทิเช่น
ไปเปิดร้านค้าในเมืองจีนหรือตามสถานที่เที่ยวต่างๆที่นักเดินทางจีนไป โดยแนวทางนี้จะไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น
ทั้งยังสามารถควบคุมราคาแนวทางการขายได้เอง แม้กระนั้นวิธีแบบนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบเท่าไรนักเพราะจำต้องใช้งบประมาณมากมายในการเปิดร้านค้าให้มากพอ
เพื่อยั่วยวนใจลูกค้าจีนทั้งยังยังควรจะมีค่าการตลาดเพื่อจะสร้างร้านขายของในแต่ละสาขาให้เป็นที่รู้จัก
แต่ว่าวิธีที่นิยมแล้วก็ง่ายดายยิ่งกว่านั้นคือการหาตัวแทนการจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นอีกทั้งในประเทศไทยหรือในจีนเอง KOL influence
เพราะว่าเอเจนเหล่านี้มีร้านค้าเป็นผู้สนับสนุนเยอะแยะอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีลูกค้าประจำที่พร้อมแล้วก็ยอมที่จะซื้อสินค้าใหม่ๆอยู่แล้ว
เอเจนส่วนมากต้องการสิทธิ์สำหรับการขายแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องต่อรองแล้วก็ตรึกตรองอย่างละเอียดลอออีกที
ค่าคอมมิชชั่นหรือส่วนต่างราคาเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เอเจนจะรับและก็ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน
ประชาสัมพันธ์สินค้าเราหรือเปล่า แม้จะไม่มีมาตรฐานกลางเกี่ยวกับค่าคอมมิชชั่น แม้กระนั้นโดยส่วนมากแล้วจะขึ้นกับชนิดของสินค้า ยกตัวอย่าง ดังเช่นว่า
เครื่องสำอาง ค่าคอมมิชชั่นในตลาดจะอยู่ที่ราว 30-50% ของราคาขายปลีก ส่วนบริการต่างๆรวมถึงการท่องเที่ยว
จะอยู่ที่โดยประมาณ 10%-40% ของราคาปลีก ฯลฯ
 
 
Strategic Sales Channel
ขายให้ถูกจุด
 
         

     วิถีทางวิธีขายมีอยู่หลายแนวทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ในเว็บไซต์ชั้นหนึ่งของจีน, ผ่านทางเครือข่ายสังคมของจีนเอง หรือจะเป็นแบบออฟไลน์
โดยขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านขายของฝากที่คนจีนนิยมเข้าก็สามารถทำได้
แน่นอนนะครับว่ามีวิถีทางวิธีขายยิ่งเยอะยิ่งดี จะก่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้จากหลายหลายทาง
แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่พวกเราจำเป็นต้องนึกถึงก็คือรายจ่ายรวมทั้งเงินทุนของหนทางต่างๆนี้เปรียบเทียบกับยอดจำหน่ายที่คาดว่าจะได้รับ
เพื่อจะมองว่าคุ้มในการลงขายในหนทางนั้นนั้นหรือไม่
ถึงแม้ว่าจะมีงบประมาณประมานสำหรับเพื่อการลงทุนสูงก็ตามทีเราก็ไม่ควรไม่มีความสนใจที่จะวิเคราะห์วิถีทางต่างๆว่าคุ้มค่าหรือไม่ด้วย
เพื่อจะได้ตัดทางที่ไม่จำเป็นออกไป และจะได้ย้ายงบประมาณส่วนนี้ไปใช้กับส่วนอื่นที่เป็นประโยชน์ได้มากกว่า ดังเช่น
การลงทุนสำหรับการตลาดฯลฯ
 
     หนทางออนไลน์ในประเทศจีนมีอยู่เยอะมากหลายเว็บอาทิ ดังเช่นว่า Taobao,
TMall, JD.com, Kaola และก็ VIP.com ซึ่งมีความแตกต่างกันนิดหน่อยและก็มีจุดแข็งที่แตกต่าง
ด้วยเหตุว่าเว็บส่วนใหญ่ไร้ค่ารายปีหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆจำนวนมาก
ก็เลยทำให้เราสามารถนำผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายตามช่องทางกลุ่มนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องความคุ้มราคาของแต่ละหนทาง
เมื่อก่อนที่พวกเราจะเสียเวล่ำเวลาเรียนหาวิธีสมัครและหาคนมาบริหารร้านขายของออนไลน์ต่างๆกลุ่มนี้
เราจำเป็นต้องไม่ลืมเลือนว่าเมื่อวางขายสินค้าเสร็จสมบูรณ์แล้วพวกเราต้องมีบุคลากรคอยดูแลแล้วก็บริหารออเดอร์ผลิตภัณฑ์
ซึ่งแปลว่าอาจจะมีค่าใช้สอยในการจ้างหรือค่าเสียเวลาของพนักงานที่มีหน้าที่ขายด้วย
หากมีหลายหนทางจะทำให้การบริหารจัดการนั้นยากขึ้นรวมทั้งใช้เวลาที่มากกว่า ดังนั้นสำหรับเพื่อการเริ่มต้นเราไม่ควรมีวิถีทางแนวทางการขายมากเกินไป
จำนวนมากแล้วจะอยู่ที่1ถึง2ช่องทางก็พอเพียงแล้ว
 
     สำหรับหนทางออฟไลน์ก็มีอยู่หลายวิถีทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านของเราเอง ร้านค้าที่พวกเราฝากขายหรือเป็นร้านรวงที่ลูกค้าซื้อไปวางจำหน่ายอีกที
โดยเหตุนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสถานที่ตั้ง
ก่อนที่จะเราจะตกลงใจวางจำหน่ายสินค้าที่ไหนก็แล้วแต่ เราต้องคำนึงถึงสถานที่ตั้งแล้วก็จำพวกลูกค้าที่จะเข้ามาในร้านค้า
เราอาจจะเข้าใจกันดีกันอยู่แล้วว่าถ้าหากร้านอยู่ไกลจากสถานที่เที่ยว หรือที่พักอาศัยของชาวจีนก็จะมีผลให้ปริมาณลูกค้าน้อย
แม้กระนั้นที่แปลกไปกว่านั้นคือผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยคิดว่าถ้าเปิดร้านขายของในบริเวณที่ทัวร์จีนถูกใจลงก็น่าจะดี โดยเฉพาะถ้าเป็นสถานที่ที่ทัวร์ลงโดยตลอด เป็นต้นว่า
สวนนงนุช วัดพระแก้ว ร้านขายหมอนยางพาราRubber Land ซึ่งมีปริมาณคนจีนต่อวันไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 20,000 คน
ก็คงจะทำให้ร้านที่อยู่บริเวณใกล้ๆนั้นมีลูกค้าเข้าเป็นมากไม่น้อยเลยทีเดียวเช่นกันจริงหรือไม่

มีหลายร้านค้าที่ทำเช่นนั้นแต่ว่าท้ายที่สุดจะต้องปิดตัวลงเพราะว่าไม่มีลูกค้าเข้ามาเลยซักคน และก็นี่เองคือกับดักที่หลายต่อหลายๆคนรู้ผิดดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน
การวางตำแหน่งของร้านค้านั้นสำคัญมากแล้วก็พวกเราจำเป็นต้องดูว่าลูกค้าที่พวกเราเพียรพยายามเย้ายวนใจเข้ามานั้นเป็นผู้ใดกัน
ในกรณีนี้หากอยากได้ยั่วยวนใจนักเดินทางที่มากับทัวร์นับได้ว่าเป็นไปได้ยากมาก เพราะว่าแต่ละทัวร์ต้องมีการวางแผนมาอยู่แล้วว่าควรต้องไปไหน
ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและก็สถานที่ Shopping ซึ่งพวกสถานที่นั้นได้ถูกกำหนดวางแผนไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากแม้ร้านรวงของเราจะอยู่ตรงทางผ่าน
ของลูกทัวร์ แม้กระนั้นลูกทัวร์ก็จะไม่อาจจะเข้ามาจับจ่ายซื้อของในร้านค้าพวกเราได้เลยถ้าเกิดพวกเราไม่ได้ตกลงกับไกด์หรือบริษัททัวร์ไว้ก่อน
โดยปกติทุกแห่งที่ไกด์พาทัวร์ลงจะต้องมีผลตอบแทนให้กับทางไกด์หรือบริษัททัวร์เสมอ
ซึ่งส่วนใหญ่ค่าคอมมิชชั่นจะอยู่ที่ประมาณ 5% ถึง 40% ร่วมกัน สำหรับในการที่เราจะดึงดูดไกด์ให้นำทัวร์มาลงในร้านของเราได้นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจั
ยมาก โดยส่วนใหญ่แล้วเวลาของแต่ละทัวร์จะค่อนข้างจะน้อยอยู่แล้ว ซึ่งทำให้เขานั้นเพิ่มร้านค้าใหม่ๆได้ค่อนข้างยาก
เพราะเหตุว่าถ้าเกิดต้องมาลงในร้านค้าของเรา ไกด์ต้องกระทำแปลงแผนกำครั้งดการหรือยกเลิกการไปร้านค้าเก่า
ซึ่งแปลว่าร้านของเราจะต้องมีจุดที่เย้ายวนใจมากยิ่งกว่าร้านค้าเดิม ดังเช่นว่า
ให้ค่าคอมมิชชั่นที่มากกว่าหรือผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ อีกทั้งทัวร์บางกรุ๊ปจะโดนห้ามไม่ให้เปลี่ยนแผนการหรือเพิ่มร้านขายของใหม่ๆเข้าไป
ถ้าร้านรวงพวกนั้นมีผลิตภัณฑ์ขายดีของคนจีน
ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้ร้านค้าที่อยากได้ลูกค้าทัวร์จีนจำเป็นจะต้องทำการศึกษาแล้วก็ทำการบ้านละเอียดพอควร
ซึ่งในตอนนี้มีน้อยรายซึ่งสามารถทำเช่นนี้ได้
 
แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือในปัจจุบันนี้มีนักท่องเที่ยวอิสระเข้ามาในประเทศไทยหลายชิ้นในปีที่แล้ว
ตลาดนักเดินทางอิสระนี้ยังไม่มีใครสามารถครอบครองตลาดได้ทั้งผองเพราะนอกจากจะเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหม่
ทั้งนักเดินทางเหล่านี้จะกระจายตัวกันไปตามสถานที่ต่างๆตามความอยากของแต่ละกลุ่มลูกค้า
ความโชคดีของนักการตลาดที่ปรารถนาเย้ายวนใจลูกค้าพวกนี้ก็ เป็น มีช่องทางสำหรับการหาข้อมูลเพื่อประกอบการตกลงใจนั้นก็คือทางออนไลน์นั่นเอง
ซึ่งแสดงว่าถ้าหากร้านขายของของพวกเราอยู่ในตำแหน่งที่เดินทางไปง่าย เราสามารถใช้การตลาดช่วยโปรโมทให้มีคนรู้จักร้านขายของได้มากขึ้น
โดยมุ่งเน้นการใช้งานเครื่องมือออนไลน์
 
หน้าร้านอีกต้นแบบ คือ ร้านที่ขายส่งให้กับเอเจนคนจีนในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่อยู่ถนนหนทางประชาชนบำเพ็ญ
หรือกระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆที่มีคนจีนอยู่เยอะแยะ เช่น หน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งร้านค้าพวกนี้นอกเหนือจากการที่จะมีคนบริการที่สามารถพูดภาษาจีน
ยังมีการร่วมมือกับการขนส่งที่จะช่วยส่งของประสบความสำเร็จในจีนได้ง่ายๆและเร็วทันใจ
โดยหากผลิตภัณฑ์ของเราเป็นที่ชื่นชอบของชาวจีนเอเจนกลุ่มนี้จะเป็นคนช่วยกระจายขายของและขนส่งให้กับรายย่อยด้วย
โดยถือได้ว่าวิธีที่สบายสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์เลยทีเดียว
 
เว้นแต่ร้านรวงในประเทศไทยของพวกเราเองแล้ว พวกเรายังสามารถนำผลิตภัณฑ์ของพวกเราไปวางตามร้านค้าที่อยู่เมืองจีนได้ด้วยเช่นเดียวกัน บริการ การตลาดออนไลน์จีน
โดยเฉพาะร้านค้าซุปเปอร์มาร์เก็ตของไทยในมณฑลต่างๆในจีน ซุปเปอร์มาร์เก็ตบางพื้นที่มีตัวแทนที่รับผลิตภัณฑ์จากไทยส่งไปจีนเอง
ดังนั้นจึงทำให้ไม่ยุ่งยากต่อการติดต่อรวมทั้งการประสานงาน โดยมากเป็นบริษัทไทยรวมทั้งสามารถติดต่อเป็นภาษาไทยได้ แต่จะมีความยุ่งยากน้อย คือ
แนวทางลักษณะนี้จึงควรขอใบอนุมัติต่างๆที่เกี่ยวข้องอาทิ เป็นต้นว่า ฉลากภาษาจีน หรือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจีน ให้ถูกต้องก่อนถึงจะสามารถวางจำหน่ายได้
การขอเอกสารสิทธิ์ต่างๆนั้นไม่ได้ยากเกินความสามารถโดยยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากมีคนเข้าใจภาษาจีนก็สามารถติดต่อโดยตรงกับหน่วยงานที่เกี่ยวได้
หรือถ้าหากไม่ต้องการที่จะอยากยุ่งยากก็สามารถถามบริษัทที่นำเข้าของไทยให้ช่วยจดได้เหมือนกัน
แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีการเจรจาต่อรองที่ว่าจำเป็นต้องให้เขาเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว
 
ช่องทางการจำหน่ายนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องกระทำคิดแผนเลือกหนทางจำหน่ายที่ไม่ยุ่งยากต่อการเข้าถึงของลูกค้า
โดยเน้นย้ำกลุ่มลูกค้าจุดหมายเป็นหลักก่อน เนื่องจากความประพฤติปฏิบัติการซื้อของของแต่ละกลุ่มลูกค้าต่างกัน
 
Killer Promotional Campaign
การตลาดสุดเลิศเลอ

เมื่อเรามั่นอกมั่นใจแล้วว่าสินค้าของพวกเราเป็นที่เรียกร้องของตลาดแล้วก็สามารถแข่งกับคู่ปรับรายอื่นในตลาดได้
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราคาหรือจุดแข็งอื่นๆของผลิตภัณฑ์ สิ่งสำคัญต่อไปที่จะจะต้องดูก็คือแนวทางการทำการตลาด จะทำอย่างไรให้คนรู้จักกัน รวมทั้งจะใช้ช่องทางไหนดี
 
การตลาดแบ่งได้เป็นสองต้นแบบ เป็น ออนไลน์รวมทั้งออฟไลน์
แม้กระนั้นเนื่องด้วยการตลาดออฟไลน์โดยหลักๆแล้วไม่มีความต่างกับกรรมวิธีประชาสัมพันธ์ในไทยเพียงมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างจะสูง
ทำให้บริษัทส่วนมากที่พึ่งเริ่มเจาะตลาดจีนตกลงใจที่ยังไม่ลงงบประมาณกับวิธีแบบนี้
ด้วยเหตุนั้นพวกเรามาดูขั้นตอนการทำตลาดโดยใช้วัสดุออนไลน์ในจีนกันเลยดีกว่า เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับหลายๆบริษัทที่กำลังเริ่มที่จะก้าวเข้าไปในตลาดจีน
 
     ก่อนที่จะกำหนดแผนการตลาดได้นั้นเราจำต้องเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคจีนก่อนว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจซื้อสินค้าของเรา 
จุดแรกที่จะทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ของสินค้าเราโน่นก็ เป็น การโฆษณาในมุมกว้าง ซึ่งทำเป็นหลายวิธีอย่างเช่น กระบวนการทำคลิป viral ประชาสัมพันธ์ในรายการ
หรือการใช้ผู้มีอิทธิพลทางสังคม (KOL) แนะนำต่อก็สามารถทำเป็น
เมื่อวางแผนวิธีการโฆษณาควรจะที่จะคิดถึงกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่พวกเราต้องการจะเข้าถึงเพื่อเลือกหนทางที่เหมาะสม
ตัวเลขยอดทิวทัศน์รวมทั้งการเข้าถึงของสื่อไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไป แต่ควรต้องมองประสิทธิภาพของยอดทิวทัศน์นั้นๆว่าตรงกับลูกค้าเป้าหมายของเราไหม
การตลาดวิธีการแบบนี้ขาดไม่ได้ต่อการผลิตการรับทราบของแบรนด์โดยเฉพาะสินค้าใหม่
รวมทั้งจะเกิดผลดีต่อการตัดสินใจเมื่อลูกค้าอยากเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันนี้
 
จุดที่สองที่แบรนด์ควรโฟกัส คือ การสร้างฐานข้อมูลที่รองรับการค้นหาภาษาจีนเพื่อลูกค้าคนจีนที่ลูกค้าต้องการซื้อผลิตภัณฑ์
คล้ายกับการที่ลูกค้าไทยใช้ Google ในการค้นหาผลิตภัณฑ์แล้วก็ข้อมูลต่างๆของผลิตภัณฑ์ให้มากเพิ่มขึ้น
ก่อนที่จะคิดที่จะตัดสินใจเลือกสินค้าใดสินค้าหนึ่งผู้ใช้จีนจะค้นหาข้อมูลอย่างเดียวกันนี้ในแพลตฟอร์มรวมทั้งเว็บของจีน
โดยจะใช้ 3 หนทางหลักๆเป็น Baidu (ไป๋ตู้), Weibo (เว๋ยป๋อ), และ Wechat (วีแชท)โดยจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ครบ
แล้วก็น่าเชื่อถือบนแพลตฟอร์มพวกนี้ นอกเหนือจากเว็บภาษาจีนแล้วพวกเราจะต้องมีบทความบนเว็บบอร์ดมีชื่ออื่นๆด้วย บริการ การตลาดออนไลน์จีน
โดยบทความเหล่านี้จะเขียนขึ้นในมุมมองของลูกค้าที่ชี้แนะลูกค้ารายอื่นๆแทนที่จะเป็นการเขียนโดยแบรนด์เอง
การมีบทความเขียนในกระดานข่าวต่างๆนั้นยิ่งไปกว่านี้จะมีผลให้อันดับสำหรับการค้นหาอยู่สูงยิ่งกว่าเว็บไซต์ที่เราเพิ่งสร้างใหม่
ทั้งยังยังเป็นเหตุให้ลูกค้าสุขใจเยอะขึ้นเรื่อยๆสำหรับการตัดสินใจซื้อสินค้าเนื่องจากคำเสนอแนะที่มาจากลูกค้าร่วมกัน
 
 
Summary
 
ทั้งสิ้นนี้เป็นหกหัวข้อที่นักธุรกิจไทยจะต้องนึกถึงก่อนจะเริ่มลงมือฝ่าตลาดจีนครับ หากแม้เราจะมิได้ลงลึกถึงเนื้อหาของแต่ละหัวข้อมากนัก
แต่ว่าก็หวังว่าความทราบที่ตรงนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบกิจการที่คิดจะเริ่มลุยตลาดจีนตั้งต้นได้ถูกครับผม
ซึ่งในแต่ละหัวข้อจะมีรายละเอียดลึกซึ้งมากมายเลยทีเดียวขอรับในบทความต่อๆไปเราจะทำการเจาะลึกในแต่ละด้านครับผมส่วนหากคนไหนกันแน่มีคำถามสามารถส่
งเข้ามาได้ครับ เรายินดีชี้แจงแล้วก็ให้คำปรึกษาเต็มที่นะครับ
 
ตลาดจีนนับได้ว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มากและมีความต่างกับตลาดในหลายๆประเทศขอรับ ผู้ประกอบกิจการที่จะทราบตลาดจีนจึงควรศึกษาหาข้อมูลให้เต็มที่
เพื่อที่จะได้ก้าวเดินอย่างแน่วแน่และมีประสิทธิภาพมากที่สุดขอรับ
แม้กระทั้งจะอ่อนเพลียรวมทั้งควรจะมีความอดทนสูงแต่ผลเมื่อทำสำเร็จแล้วจะคุ้มแน่ๆขอรับ

ขอขอบคุณบทความ บทความบริการการตลาดออนไลน์จีน https://www.levelupthailand.com

Tags : การตลาดจีน,KOL influencer