สวัสดี บุคคลทั่วไป

ความหมายของแหวนแต่ละประเภท

  • 0 ตอบ
  • 262 อ่าน
ความหมายของแหวนแต่ละประเภท
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2019, 03:44:05 AM »
แหวน คือ เครื่องเพชรพลอยที่ใส่บนนิ้วมือของพวกเรา แสดงถึงความหมายแล้วก็ความภูมิฐานของผู้สวม มีทั้งที่สร้างมาจากทองคำ เงิน นากหรือหินจากธรรมชาติ ขึ้นกับความชอบพอของบุคคล ต้นแบบสำหรับในการดีไซน์มีความหมายและสามารถสื่อความหมายออกมาได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของตัวเรือน หัวเรือนรวมทั้งรูปแบบของวงที่นำมารวมกัน ซึ่งแต่ละแบบจะมีความหมายที่เฉพาะตัว ด้วยเหตุดังกล่าวถ้าหากอยากนำเครื่องประดับนิ้วมือให้กับใครบางคน การรู้ความหมายเพื่อสื่อความรู้สึกของพวกเราไปสู่ผู้รับ ย่อมทำให้คุณค่าของสิ่งที่พวกเรามอบให้มีเยอะขึ้นเรื่อยๆ
 
แหวน เครื่องประดับเสริมความสวยงามที่ต้องมีติดนิ้วไว้



ดังนั้นพวกเรามาทำความรู้จักกับความหมายของตัวเรือนรวมทั้งหัวเรือนในแต่ละแบบกัน 
1. แบบเม็ดยอดหรือเม็ดลำพัง ( Solitaire ) เป็น แบบที่มีหัวเรือนเป็นเม็ดเดียว เด่นสะดุดตาอยู่บนตัวเรือนเรียบ ไม่ว่าจะหัวเรือนจะเป็น เพชร พลอย หรือหินที่เป็นมงคล การออกแบบจะเน้นย้ำที่ส่วนยอดของหัวเรือนให้มีขนาดใหญ่ ซึ่งหัวเรือนจะเป็นแบบกลม แบบสี่เหลี่ยมหรือหลายเหลี่ยมก็ได้ แต่ว่าที่นิยมจะเป็นสี่เหลี่ยมและก็วงกลม อีกทั้งแบบที่มีเพียงเม็ดเดียวหรือมีเม็ดเล็กเล็กเรียงอยู่ด้านข้างก็ได้ นิยมใช้ในการงานสมรส งานหมั้นหมาย เพราะว่าอย่างนี้เป็นการวางแบบที่สื่อถึงความรักเดียวใจเดียวอย่างกับหัวเรือนที่สะดุดตาเพียงแค่อย่างเดียวในใจนั่นเอง
2. แบบรอบวง (Infinity Rings ) เป็น แหวนแบบที่มีการติดเม็ดอยู่รอบวงจนกระทั่งเต็มไม่มีพื้นว่าง ซึ่งจะเป็นเม็ดพลอย เพชร หรือหินมงคลก็ได้ตามความชอบ ทุกเม็ดที่นำมาจัดเรียงบนตัวบ้านจะมีลักษณะเหมือนกันหมด ทั้งขนาดและก็รูปร่าง แต่อาจจะสีสันที่ต่างๆนาๆบ้าง แต่ว่าไม่มีเม็ดใดเด่นหรือด้อยกว่ากัน ก็เลยไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าเม็ดใดเป็นเม็ดแรกหรือเม็ดในที่สุดบนตัวบ้าน นิยมใช้ในงานหมั่น ของขวัญครบรอบสมรส หรือในโอกาสสำคัญให้กับคู่รัก เพื่อสื่อความหมายถึงความรักที่มีอยู่วันเป็นรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด เสมือนแหวนที่ไม่มีจุดสิ้นสุดบนตัวบ้านนั่นเอง
3.แบบสะอาด ( Classic Rings) เป็น แบบที่ราบเรียบไม่มีการแต่งลวดลายบนตัวเรือน ซึ่งเป็นเครื่องหมายของคำสัญญาว่ารักมั่นคงตลอดกาล ปต่ในปัจจุบันอาจมีการแต่งลวดลายเป็นเส้นหรือการเล่นสีของอุปกรณ์ที่ประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการผลิต เพื่อสร้างความเด่นและความงามให้กับตัวบ้าน ได้แก่ การใช้ทองคำขาวสลับกับทองคำ หรือเซาะร่องเพื่อให้กำเนิดลายเส้น เป็นต้น แม้กระนั้นก็ยังถือได้ว่าแบบเกลี้ยงดังเช่นเดิม นิยมใช้สวมในพิธีแต่งงานตามศาสนาคริสต์ ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะสวมให้แก่กันและกัน เพื่อแทนความหมายของคำมั่นสัญญาว่าพวกเราจะอยู่ร่วมกันชั่วกัลปวสานนั่นเอง
4. แบบเพชรสามเม็ดเรียง (3 Stones Rings) เป็น แหวนรูปแบบที่ตัวบ้านมีหัวเรือนสามหัวเรียงกัน ซึ่งขนาดของหัวเรือนจะมีขนาดที่เท่ากันหรือไม่ก็ได้ แต่แบบที่นิยมคือ หัวเรือนตรงกลางจะมีขนาดใหญ่สุด หัวเรือนทางขวาและซ้ายมีขนาดเล็กลงวางอยู่ข้างๆหัวเรือนกึ่งกลาง ซึ่งการเรียงกันของหัวเรือนทั้งยังสามนี้ จะสื่อถึงอดีตกาล ปัจจุบันแล้วก็อนาคตที่คนสองคนมีด้วยกันกัน หรือแทนคำสาบานว่า ไม่ว่าจะสมัยก่อน ปัจจุบันหรืออนาคต เราก็จะอยู่ร่วมกันนั่นเอง
5. แบบสามวง (Trinity Rings) เป็น รูปแบบที่มีตัวเรือนสามห่วงรวมอยู่ในวงเดียวกัน ซึ่งตลอดตัวเรือนอีกทั้งสามห่วงจะเป็นผู้แทนของพระพ่อ พระลูก และก็ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ตามความยำเกรงของคริสเตียน ซึ่งตัวเรือนทั้งสามห่วงจะไม่อาจจะแยกออกจากกันได้ จึงสื่อความหมายถึงความรัก ความปรองดอง ความสามัคคีของผู้บริจาคและผู้ส่วมใส่นั่นเอง
6. แบบค็อกเทล (Cocktail Rings) เป็น แบบที่มีการใส่จินตนาการรวมทั้งสีสันลงไป มีแบบที่ไม่ยึดติดแบบใดเป็นหลัก ทั้งยังหัวรวมทั้งตัวบ้านสามารถเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนได้ตามความชอบของผู้ใส่ ก็เลยแสดงถึงอิสระรวมทั้งความอิสระนั่นเอง ซึ่งนิยมใส่เป็นเครื่องประดับทั่วไป หรือจัดทำเป็นชุดคู่กับสร้อย ข้อมือ ตุ้มหูก็ได้
ตรงนี้เมื่อรู้ความหมายของแหวนแต่ละแบบแล้ว การเลือกแหวนเพื่อสื่อความในใจหรือแทนความรู้สึกที่เรามีให้กับผู้รับอาจเป็นเรื่องที่ไม่ยาก แหวนคือตัวแทนความหมาย ความรู้สึกที่ดีสำหรับมอบให้ผู้ที่คุณรักในทุกโอกาส

Tags : แหวน,แหวน,แหวน