ในเครือของบริษัท Apple ที่มีหลากหลายประเภทการทำรวมถึงหลายผลิตภัณฑ์ไม่เว้นแต่สายสำหรับ Mac ที่มี iMac , iMac Pro , Macbook , Macbook Pro รวมถึง Macbook Air นอกจากนั้นแล้วก็มีสายผลิตภัณฑ์ของ iPhone , iPad หรืออุปกรณ์เสริมอีกจำนวนมาก ซึ่ง Apple ก็มักใส่โปรแกรมหรือไม่ก็รูปแบบสินค้าล่าสุด เข้าไปกับเกือบทุกรุ่นที่ออกขายเพื่อตอบสนองความต้องการกับประเภทการใช้งานสำหรับผู้ใช้ให้ได้มาก
ส่วนตระกูลสินค้าของ Mac ที่เป็นที่สนใจคือ Macbook ที่ทำออกขายมากถึง 3 รุ่นให้ได้ตัดสินใจใช้กันได้แล้วแต่ความต้องการโดยที่ทุกรุ่นก็มีลักษณะการใช้งานไม่เหมือนกันไปตามคุณสมบัติ มาที่เครื่องแรกเป็น Macbook Air โดยที่แม็คบุ๊คอันนี้โด่งดังมากในขณะที่ออกจำหน่ายทีแรกเพราะว่าลักษณะข้างนอกที่บาง น้ำหนักเบา อีกทั้งมีขนาดพอเหมาะช่วยให้พอดีที่เหมาะสำหรับการพกพา แต่ว่ายิ่งไปกว่านั้นสเปคข้างในก็น่าจับตามองไม่ต่างกัน อันแรกเลยก็คือประเด็นเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่อึดมาก ที่ไซต์หน้าจอ 11 นิ้ว สามารถใช้งานมากถึง 9 ชั่วโมง กับสัดส่วนหน้าจอ 13 นิ้ว สามารถใช้ได้ถึง 12 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นก็มี Power Nap ที่เมื่อพับจอเพื่อให้ไปสู่โหมด Sleep ยังคงอัพเดทข้อมูลกับเครื่องอยู่ตลอดเพราะว่าใช้งานไฟฟ้าน้อยมากจึงทำให้ไม่เปลืองไฟส่วนของการออกแบบแม็คบุ๊คเครื่องนี้ประกอบขึ้นจากอลูมิเนียมหนึ่งชิ้นจึงไม่มีรอยเชื่อมระหว่างแม็คบุ๊ค รวมไปถึงฮาร์ดดิสใช้เป็นแบบ Flash Storage จึงส่งผลให้แม็คบุ๊คที่ได้บางอย่างที่เห็น Trackpad เองก็ทำงานได้ดีรวมทั้งควบคุมได้ง่ายๆจนแทบจะไม่จำเป็นต้องใช้งานเมาส์ในการทำงานเลย ในส่วนหมวดหมู่การเชื่อมต่อก็มีช่อง USB ให้ 2 รู Thunderbolt , Headphone อย่างละรู มีพอร์ตสำหรับชาร์จไฟรวมถึงระบบเชื่อมต่อไร้สายไฟมาให้ ซึ่ง Macbook Air ไม่เหมาะกับการทำงานด้วยโปรแกรมหนักๆ ก็เพราะว่าโดนดีไซน์มาเพื่อที่จะใช้งานได้แบบคล่อง ใช้งานเบาๆ อีกทั้งพกพาง่าย
            แบบที่ 2 ก็คือ Macbook แบบนี้ที่เปิดฉากออกขายเรียกว่ามีสเปคใหม่อยู่หลายอย่างเลยทีเดียว อันแรกก็คือเรื่องความบางที่บางกว่าแม็คบุ๊คทุกๆแบบที่ได้มีมา ต่อมาก็คือคีย์บอร์ดถือเป็นคีย์บอร์ดรูปแบบใหม่ที่พัฒนามาสำหรับที่จะรับน้ำหนักในการจิ้มแป้นพิมพ์รวมทั้งช่วยให้แม่นยำกับการจิ้มเพิ่มมากขึ้น จอภาพในรุ่นนี้จะมีลักษณะป็น Retina ความละเอียด 2304 x 1440 พิกเซล รวมทั้งกินไฟฟ้าลดลงมากกว่า จอประเภทเดิมมากถึง 30%  ในส่วน Trackpad ที่ MacBook รุ่นนี้ ได้ถูกการดีไซน์ล่าสุด ที่มีชื่อว่า Force Touch trackpad โดยที่สามารถใช้ระบบการสัมผัส ทดแทนการจิ้มแบบทั่วๆ ไป เพราะจะมีเซ็นเซอร์ที่ตรวจน้ำหนักในการแตะเกี่ยวกับสัมผัสแรง หรือว่าสัมผัสค่อยๆ  รุ่นนี้นับว่าเป็นเครื่องแรกใน MacBook ที่ไม่มีพัดลมระบายความร้อน เพราะว่ามีการดีไซน์ให้ Logic Board มีสัดส่วนเล็กลง โดยที่เล็กกว่า Logic Board ณ MacBook Air ถึง 67% ในพื้นที่ที่เหลือเป็นที่ของพลังงานทั้งหมด ช่วยให้สามารถทำงานได้นานมากถึง 10 ชั่วโมงเลย ท้ายที่สุดคือมากับพอร์ตแบบล่าสุด คือ พอร์ต USB Type C (USB-C) เพียงแค่อย่างเดียว แต่ใช้ได้อย่างหลายอย่าง อย่างเช่น ชาร์จแบตเตอรี่ , USB, DisplayPort , HDMI หรือ VGA
            อย่างหลังสุดที่จะกล่าวถึงก็คือ Macbook Pro รุ่นใหม่ที่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ต่างๆ เช่น โลโก้ Apple บนฝาด้านหลังที่กลายเป็นอลูมิเนียมสะท้อนแสงรูปแบบกระจกทดแทน ต่อแม็คบุ๊คประกอบรูปแบบยูนิบอดี้ในสไตล์ของ Apple เพราะว่ามีอีกจุดที่ปรับเปลี่ยนเทียบกับตอนแรกก็คือ แถบสันแม็คบุ๊คที่ของแม็คบุ๊ครุ่นก่อนจะเป็นพลาสติกสีดำ เพื่อจะให้เป็นจุดรับสัญญาณ ได้โดนเปลี่ยนมาเป็นอลูมิเนียมสีเหมือนกับตัวเครื่องก็ยังมีคีย์บอร์ดที่ใช้งานระบบรูปแบบผีเสื้อ (Butterfly) แบบสอง โดยได้ถูกการปรับปรุงให้แต่ละปุ่มมีช่องว่างการจิ้มมากกว่าใน MacBook 12 นิ้ว ส่งผลให้การจิ้มลงไปรู้สึกเหมือนปุ่มมากกว่าเดิมช่วยให้เวลาพิมพ์งานต่อเนื่องยาวนาน จะไม่รู้สึกปวดข้อนิ้ว ในส่วนพลังงานก็ยังใช้ได้ต่อเนื่องนานตามมาตรฐาน MacBook Pro สามารถชาร์จไฟเข้าได้เร็วมาก อีกทั้งชาร์จที่ USB-C ช่องใดก็ได้สำหรับแม็คบุ๊ค ประเภทของพอร์ต USB-C ที่สามารถใช้ Thunderbolt 3 สามารถมีความเร็วในการรับส่งข่าวสารมากถึง 40 Gbps ช่วยให้มันสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลายชิ้น ด้วยการใช้งาน USB-C ที่มาจากเครื่องเพียงพอร์ตอันเดียว ท้ายสุดคือส่วนของ Touch Bar ที่เป็นแถบบังคับประเภทสัมผัสที่มาแทนที่ที่โซนสั่งงาน รวมทั้งปุ่ม F1-F12 เดิม พร้อมระบบ Touch ID หรือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ช่วยให้ใช้งานในเครื่องได้สะดวก รวมถึงปลอดภัยเพิ่มขึ้น
ดังนั้นแล้ว แม็กบุ๊คมีอยู่ให้เลือกใช้กันหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น Macbook , Macbook Air รวมทั้ง Macbook pro ดังนั้นควรจะดูว่าสเปคของประเภทนั้นเหมาะกับการทำงานตนเองหรือไม่ก่อนที่จะเลือกซื้อ

Tags : Mac,แมคบุ๊ค,Macbook