สวัสดี บุคคลทั่วไป

เลือกซื้อแอร์อย่างไร เพื่อที่จะเซฟเงินทองในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 213 อ่าน
ตอนสภาพอากาศมันร้อน มันก็คงจะต้องหาอะไรเพื่อที่จะดับอบอ้าวกันซะหน่อย คนถนัดบริโภค ก็ค้นหาของกินทานดับร้อนกันไป อย่างไรก็ตามถ้าผู้ใดต้องการบรรยากาศภายในที่พักอาศัยไม่ร้อนดั่งนรก ก็จำเป็นต้องพึ่ง "แอร์" หรือเรียกว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง หากใช้งานแอร์ บางคนก็คงจะต้องกังวลใจส่วนเรื่องของรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาหลังจากนั้น แต่ว่าทุกคนจะมีหลักเกณฑ์การตัดสินใจซื้อยังไง ให้ได้ทั้งของคุณภาพดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อันดับแรกเราจะต้องนึกถึงชนิดของเครื่องปรับอากาศควรจะให้พอดีต่อสถานที่รวมถึงการใช้งาน เพราะปัจจุบันนี้นั้นมีหลายแบบให้เลือกหา เพราะแต่ละอย่างก็มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันไป ซึ่งสมมติซื้อผิดนั้น ก็สามารถเป็นเหตุให้ก่อให้เกิดผลเสียกับเครื่องปรับอากาศ และยังทำให้เสียพลังงานไปอีก หลักๆ แล้ว เครื่องปรับอากาศจะแยกเป็นหลายประเภท ได้แก่ แอร์ติดผนัง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, แอร์ติดฝ้าเพดาน รวมทั้ง แอร์เคลื่อนที่ โดยแต่ละลักษณะ มีลักษณะอย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันเลย
อันแรกเป็นเครื่องปรับอากาศติดกำแพง โดยเครื่องปรับอากาศชนิดนี้ เป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว หรือคงจะคุ้นเคยกันอยู่บ่อยๆ นั่นแหละ เพราะการทำงานที่หลากหลาย มีรูปแบบการออกแบบที่ร่วมสมัย รวมทั้งก็มีสัดส่วนพอดี แล้วยังยังทำให้ประหยัดพลังงาน รวมทั้งสามารถดูแลรักษาสะดวก เพราะแอร์รูปแบบนี้ เหมาะกับห้องพื้นที่ย่อม รวมทั้งที่พัก หรือว่าคอนโดธรรมดา สามารถตอบโจทย์ต่อความอยากของการทำงานได้อย่างหลายรูปแบบ
ต่อมาคือเครื่องปรับอากาศวางพื้น โดยแอร์ลักษณะนี้ถือเป็นแบบที่มีการแผ่กระจายความเย็นได้สูง สามารถสร้างความเย็นได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงทนทานต่อการใช้งาน รวมถึงทนทานต่อฝุ่นควันอีกด้วย โดยที่รูปร่างของแอร์จะเป็นประเภทตั้งบนพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดกว้าง โรงงาน หรือมีผู้คนมากมาย  โดยเครื่องปรับอากาศประเภทนี้จะทำงานใช้อึกทึก ก็เลยทำให้เปลืองพลังงานมากกว่าเครื่องปรับอากาศชนิดอื่นๆ
ชนิดถัดมาเป็นแบบแอร์ติดฝ้าเพดาน โดยชนิดนี้จะเป็นแอร์ 4 ทาง เครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำทิ้ง สามารถติดตั้งข้างในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถคงทรงความสวยงามของห้องได้เหมือนเดิม ลดขีดจำกัดในการติดตั้ง โดยที่เหมาะสมสำหรับห้องที่เน้นในเรื่องความสวยงาม ช่วยให้ภายในบ้านเรียบร้อยเหมือนเดิม  อย่างไรก็ตามเครื่องปรับอากาศประเภทนี้มักมีสนนราคาค่อนข้างจะแพงมากกว่าแอร์ชนิดอื่นๆ
ส่วนชนิดสุดท้ายก็คือแอร์เคลื่อนที่ โดยแอร์ชนิดนี้จะไม่ซับซ้อนคล้ายกับอย่างก่อนหน้า ก็เพราะว่าเพียงแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะแอร์อย่างนี้ใช้งานได้อย่างเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศบ้านแบบปกติ แต่ว่าไม่เหมือนประเภทอื่นก็ตรงที่สามารถขนย้ายได้ รวมทั้งก็ไม่ต้องติดกับตัวบ้านด้วย เหมาะกับผู้ที่อาศัยหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม รักษาก็ง่ายมาก เหมือนกับเครื่องปรับอากาศทั่วๆ ไปเลย
กลับมาที่หลักเกณฑ์การเลือกกันต่อ ถัดมาก็จำเป็นต้องตัดสินใจสัดส่วนแอร์ให้เหมาะกับสัดส่วนห้อง เพราะว่าถ้ารู้ขนาดห้องแล้วนั้น มันก็จะไม่ยากกับการตัดสินใจซื้อขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคาดคะเนค่า BTU นั่นเอง เพื่อเหมาะกับการใช้งานและทำให้
ประหยัดพลังงาน เพราะว่าหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า BTU หมายถึงอะไร ซึ่งมันก็คือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ดังนั้นการเลือก BTU จึงมีความสำคัญ เนื่องจากจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังงานรวมทั้งอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง ถ้าหากตัดสินใจแอร์ที่มี BTU สูงเกินพอดี ก็จะทำให้ใช้งานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ศักยภาพภายในถดถอย รวมถึงยังส่งผลให้มีความชื้นในห้องสูง ทำให้ผู้อาศัยไม่สบาย หรือว่าไม่สบายได้ แล้วยังส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย หรือถ้าหากเลือกซื้อแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อคอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลาและมากจนเกินพอดี  ก็เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงกับที่ตั้งหรือกำหนดไว้  โดยจะส่งผลเป็นเหตุให้แอร์เสียได้ง่าย และสิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย
                ถัดมาจะเป็นหลักการไม่ยุ่งยาก เกินที่ใครเห็น ก็ต้องช่วยให้เลือกซื้อแน่นอน คือ การเลือกเครื่องปรับอากาศที่ได้สลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็เพราะว่านั่นคือ ประสิทธิภาพในการใช้งานไฟฟ้าที่คุ้มค่าที่สุด เลยจะช่วยประหยัดไฟฟ้าและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั้นเอง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : แอร์ ราคา

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา