"พันธ์ยศ" ร่วมเดินหน้าคลองกระ
ชูเป็น"เมกกะมรดก"สู่ลูกหลาน
=========================
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgnQ2uT65j0t9V4AiwUlDdrY9bSw9eQb5FAHFa9E03PQ5_8MrC7-BUBAKcFcacPt_9pDEFBbs-8LCOnkDeWTQcT6JfaXZkkyD5jkt50SVUm-_IYlBGhym4kf8pfABKB-xSKw0Pv4OGBlTDGJDiNtI96eSqS3jdJqcWKl1mixr0DUt8Kx7qpmDyjrwTT=s600)
นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคภราดรภาพ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย) เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและสังคม (สคส.) กล่าวว่า เมื่อช่วงที่ผ่านมาตนได้ร่วมประชุมกับพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ถวิลหวัง ประธานคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการแห่งชาติ ศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระฯ ที่ก่อตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี 16 ตุลาคม 2544 (อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการ แห่งชาติศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจและสังคม) โดยที่ผ่านมาการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย) มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากและมีผลการดำเนินงานโดยสังเขปเป็นที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งผลงานของคณะกรรมการแห่งชาติฯชุดดังกล่าว แม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะตอบคำถามกระทู้ที่002ร.ของสมาชิกวุฒิสภาที่สอบถามผ่านราชกิจจานุเบกษาวันที่11ก.พ.2564ว่า คณะกรรมการแห่งชาติฯ ชุดดังกล่าวได้บรรจุอยู่ในบัญชีรายชื่อคณะกรรมการที่ยกเลิกของกระทรวงคมนาคมไปแล้ว
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEirlYun-csrjh1eLcfjJJWeCufu2CcGQ23sW9Ph7cJcZ9sten7shv13rEAwpypddpYbK8Toxj2MDZGbu7NuTxUZgQKet-orOfB4VIyoGX9HfKguQf6SNbD_rL74sO78XzJqd6NSRghTbn9Ib09LgMGQ1431ymJb8TFE4pCVToDEPbn8qMjx9SricKbt=s600)
" แม้ว่าคณะกรรมการแห่งชาติฯชุดดังกล่าว ได้สิ้นสุดสถานภาพลงแล้วเมื่อช่วงเดือนพ.ค.2548 ก็ตาม แต่คณะกรรมการดังกล่าวเป็นคณะกรรมการที่ถูกแต่งตั้งจากมติคณะรัฐมนตรีในยุคนั้น มิใช่กำเนิดขึ้นมาจากกระทรวงคมนาคมเพียงกระทรวงเดียว แสดงว่าผลการศึกษาจึงเป็นเรื่องที่มีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ต่อมาปี 2557 พล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ได้ตั้งคณะทำงานความร่วมมือยุทธศาสตร์การค้าไทยจีนของรัฐบาลไทยกับนายหวี่ ปิน ประธานกรรมการบริษัท จงจิ้นริชเวย์โฮลดิ้งประเทศไทย จำกัด และจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลของประเทศไทยบริเวณคลองกระ รองรับการเปิดการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นเส้นทางการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตามแนวทางการพัฒนาของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนที่แสดงต่อที่ประชุมเอเปค
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEi6PVwZo9-lnoiD6aqN2NE7D9HKgUORkw0e-dK1rGJBh18AgG1DTANcp3oGjNoOlOGJFahoMjBYZf3keb9pGvLyvfidpzyU0KHn344Qrsbf8huQsAervocknostvO9HGUrOjzqFxZp-ZywybJ_Iu6LpVA0OBSwurctchmPHegyf5amTNiJmH6X8k8hC=s600)
ในตอนนั้นประธานาธิบดีจีนได้ประชุมทวิภาคีกับพล.อ.ประยุทธ์ ยกวาระการพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่21โดยตอนนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบรับในความคิดริเริ่มและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลดังกล่าว และเป็นที่มาของการจัดตั้งศูนย์วิจิยและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลของประเทศไทยบริเวณคลองกระห(คลองคอดกระหรือคลองไทย) ที่รัฐบาลไทยในอดีตมีมติอนุมัติให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย)ปี 2544 เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติและจึงเสนอให้ฟื้นการแต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติขึ้นมาศึกษาวิจับความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ(คลองไทย) เป็นโครงการพัฒนาที่เป็นเมกกะโปรเจคของประเทศอีกชิ้นหนึ่งที่จะสร้างเจริญรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจและอื่นๆของประเทศไทยในอนาคต "
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjUxgAsBwFpBOIxsp8G5HHg7AOi8kXKCnuEMmFxnf0iNK81LXht-NWOa8BZh1oKFqLfJUo9Hub3YJWXlsUpAhc9rE0x-8pGluu2Gwz-1dS5So4fIu6IIlhAUPmhzPtJZ6dmdwRsQLYl0btFfOU3ocfnN4vuFezKyLEWN0heSp0IaWp5ntkeLQLJi-t3=s600)
นายพันธ์ยศกล่าวว่า นอกจากนี้สคส.ได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมกับสมาคมมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งมีพล.อ.ต.ณัฏฐอรรจน์เป็นนายกสมาคม โดยสคส.และสมาคมมิตรภาพฯได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อใช้ในการป้องกันโควิด -19 ให้กับสปป.ลาว โดยมี ฯพณฯ แสง สุขะทิวง เอกอัครรัฐทูตสปป.ลาว ประจำประเทศไทยให้การต้อนรับและรับมอบอุปกรณ์ข้างต้น และในครั้งนั้นได้หารือกับเอกอัครรัฐทูตสปป.ลาว ประจำประเทศไทยเกี่ยวกับการค้า การลงทุน การคมนาคมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสองประเทศในวันข้างหน้า โดยมีเรื่องการขุดคลองกระร่วมด้วย ซึ่งในตอนนั้นเอกอัครรัฐทูตสปป.ลาว ประจำประเทศไทยแสดงความสนใจในเรื่องนี้ด้วย
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhazS5YFwtRhl8pUae3R2yQIzUG62JbaRupWYvTQvgVm02H81maqSa1vV2Cc-U4bCgzuXdqezWlRIx5zPlKOZVkPAi-9NdySHxEtP_11aGhHoyVaT-SFdKh4A7J0a0vDPTrqLXYTKDUJivfd5CEYqPHYNqY49uwNrB9o3ZktduKhCom2Gry16g5ie_v=s600)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEj8afvNee82B2rXS3ERx4CkE5fr5tk_geMkAWMi5ds9yPZq0LazJWQw5y3U-E9I16w7fxeiPXteS1CNmMubYnCLmo4tZgNPhUNKb3w8eud2rGquz5T-Z9ak-3UrbXGom3CGF7MGFyNV-3N1xaJgw4XdRLF3Im6F2ME6QbLDW0502QeL4LqZQGgoVMGS=s600)
"เส้นทางสายไหมทางทะเลคลองกระ(คลองไทย) จะเกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยและจีน รวมถึงประเทศอื่นๆที่อยู่ในภูมิภาค หากการดำเนินการเสร็จสิ้น จะมีเรือสินค้าขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ใช้เป็นเส้นทางผ่านจากไทยไปยังประเทศฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 2,000 ลำ สามารถร่นระยะเวลาการเดินทางเส้นทางทะเล 3 เส้นทางเดิมได้ 7 วัน จากเส้นทางสายไหมที่ใช้ในปัจจุบัน (1.เส้นทางสายตะวันออกจากเซียะเหมินไปทางมหาสมุทรแฟซิฟิกถึงทวีปอเมริกา 2.เส้นทางสายใต้จากเซียะเหมินผ่านเกาะไหหลำ แหลมยวนเข้าอ่าวไทยและแหลมมลายู 3.เส้นทางสายตะวันตกจากเซียะเหมินลงมาทะเลจีนใต้ ผ่านช่องแคบมะละกาถึงแหลมกู๊ดโฮปของทวีปแอฟริกา )
จากการสำรวจข้อมูลโลจิสติกการค้าจีนไทย พบว่า มีผู้ประกอบการธุรกิจสนใจตอบรับเข้าร่วมใช้เส้นทางสายไหมทางทะเลเส้นใหม่ของประเทศไทยแล้วสูงถึงร้อยละ60 ถือได้ว่าเส้นทางคลองกระ(คลองไทย) จะเป็นเส้นทางที่เปลี่ยนโลกและเปลี่ยนประเทศไทยในอนาคตไปอย่างสิ้นเชิง"
นายพันธ์ยศกล่าวว่า ตนหารือกับพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์และฝ่ายที่เกี่ยวพบว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกตอนนี้เปลี่ยนไปมากจากภาวะโควิด-19 ดังนั้นไทยต้องปรับตัวให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ แม้ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จะบอกว่าต้องใช้เวลาศึกษารอบด้านในเรื่องนี้ แต่ความจริงแล้วสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2563 และดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว รอเพียงบรรจุวาระให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา ตรงนี้ก็ชัดเจนระดับหนึ่งว่าสภาผู้แทนราษฎรสนใจเรื่องนี้เพราะไทยได้ประโยชน์
"แนวคิดข้างต้นของกมธ.วิสามัญฯตรงกับตนและพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ตนหวังว่าโครงการคลองกระนั้นน่าจะนำมาหารือกันใหม่โดยขอเชิญทุกภาคส่วนร่วมกันเป็นเจ้าภาพศึกษาเรื่องนี้คู่ขนานกับรายงานของกมธ.วิสามัญฯชุดข้างต้น จากนั้นจัดทำประชามติให้ทุกอย่างโปร่งใสว่าควรหรือไม่ควรขุดคลองกระหรือไม่ เพราะประเทศ-ประชาชนจะได้ประโยชน์หลายด้านเกี่ยวกับโครงการนี้ในวันข้างหน้าอย่างสูงสุด"
นายพันธ์ยศกล่าวว่า ดังนั้นสคส. ได้จัดทำโครงการ "คลองกระ..เส้นทางเปลี่ยนโลก" เพื่อให้นักธุรกิจรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษา และถ่ายทอดแนวความคิดโครงการนี้ไปสู่รุ่นต่อๆไปในอนาคต ในปัจจุบันโครงการนี้ได้ดำเนินกิจกรรมมาแล้วหลายกิจกรรม และในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ตนและสคส.นำอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19แจกจ่ายให้หน่วยงานราชการและหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ห่างไกลด้วย เช่น มูลนิธิกู้ภัยหลวงพ่อวัดในกุฏิ-ที่ว่าการอำเภอกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ /มูลนิธิร่วมกตัญญู /โรงพยาบาลดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ และพื้นที่อื่นๆเพื่อให้คนไทยผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
สนใจ สั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์โทร. 0954454794