สวัสดี บุคคลทั่วไป

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - prodeo

หน้า: [1] 2 3 ... 6
1
     ผิวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสาวๆ หลายคน โดยเฉพาะผิวหน้าที่เป็นด่านแรกในการสร้างความประทับใจ ดังนั้นจะเลือกสกินแคร์เพื่อบำรุงทั้งที ก็ต้องดูกันให้ละเอียดรอบคอบ ถึงแม้จะเป็นสกินแคร์ตัวดังตัวท็อป บิวตี้บล็อกเกอร์ทุกคนแนะนำ หรือเป็นเค้าเตอร์แบรนด์ราคาเกือบครึ่งหมื่นก็ไว้วางใจไม่ได้ เพราะผิวหน้าและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน สกินแคร์ที่คนอื่นใช้ดี เราอาจจะใช้แล้วแพ้ก็ได้ ดังนั้นถ้าจะเลือกสกินแคร์บำรุงผิวหน้าให้ตอบโจทย์สักตัว นอกเหนือไปจากการรู้จักสภาพผิวที่แท้จริงของเรา ว่าเป็นผิวประเภทใด แพ้สารอะไรบ้างแล้ว ก็ควรมีทริคในการเลือกกันสักหน่อย 
     ก่อนอื่น ครีมหรือสกินแคร์ (skincare) ที่จะมาใช้กับผิวหน้าเรา อยากให้สาวๆ ดูเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ว่าผ่านการทดลอง หรือได้รับ อย.ปลอดภัยรึเปล่า รวมไปถึงดูส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ว่ามีอะไรที่อาจส่งผลให้ผิวเราเกิดการระคายเคืองหรือไม่ หลักๆ ที่ควรเลี่ยงคือ สารสเตียรอยด์ กลุ่มสารซัลเฟต SLS กับ SLES น้ำหอม หรือบางทีก็จะเขียนตรงป้ายบนผลิตภัณฑ์ไว้ว่า fragrance (มีน้ำหอม) ตระกูลสารที่ลงท้ายด้วย ol หรือแอลกอฮอล์ และ Paraben หรือสารกันเสีย รวมถึงพวกสีสังเคราะห์ด้วย แต่ถ้าใครที่ผิวไม่ได้แพ้ง่ายมากอาจจะใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือแอลกอฮอลล์ได้
     อันดับต่อมา เมื่อเราได้สกินแคร์ที่มองหาแล้ว ควรทดลองจริงก่อนใช้ เลือกทดลองกับผิวโดยการแต้มครีมลงบนท้องแขน หรือแต้มส่วนสันกรามของผิวหน้า ทิ้งไว้สัก 1 คืนเพื่อดูผลลัพธ์ ถ้าไม่แพ้หรือไม่แสบแดง ก็ถือว่าสกินแคร์ตัวนี้เข้ากันกับผิวของเราค่ะ หรือในกรณีที่ไม่มี tester แนะนำว่าให้ลองซื้อ skincare ขนาดทดลองที่มักทำเป็นหลอดเล็กๆ มาใช้ก่อนเพื่อความชัวร์
     มาต่อกันที่ตัวผลิตภัณฑ์ ที่หลายแบรนด์ชอบจัดชุดใหญ่ มาเป็นเซตพร้อมคอลเลคชั่นน่ารักดึงดูดใจ แต่จำไว้ว่าผิวเราอาจจะไม่จำเป็นสำหรับสกินแคร์ทุกตัว แค่เลือกตัวที่ช่วยแก้ปัญหาผิวตามทีเราต้องการก็ถือว่าเพียงพอแล้ว รวมถึงเลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับอายุเรา เช่น ผิวหน้าของสาวๆ อายุ 20 ก็ยังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ครีมลดเลือนริ้วรอยแบบเข้มข้น เพราะราคาย่อมสูงกว่าแน่นอน แต่ถ้าอยากได้การบำรุงล้ำลึกก็จัดไปได้เลย โดยเฉพาะสกินแคร์เคาท์เตอร์แบรนด์อย่าง Yves Saint Laurent Beauté (อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้) เป็นต้น
    สุดท้าย อย่าลืมเช็กอายุการใช้งานของสกินแคร์ ทั้งวันผลิตหรือวันหมดอายุ โดยส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์จะมีอายุ 1-2 ปี ไม่แนะนำให้ซื้อมาตุนครั้งละมากๆ เพราะรู้ตัวอีกทีครีมก็หมดอายุแถมไม่ได้เปิดใช้เลยอีกต่างหาก สกินแคร์ยังมีอีกหลากหลายประเภท ถ้าอยากบำรุงและฟื้นฟูผิวอย่างเต็มที่ ลองเลือกดูผลิตภัณฑ์ได้เลยที่ https://www.yslbeautyth.com/th/skincare.html หรือคลิกดูสินค้าอื่นเพิ่มเติม https://www.yslbeautyth.com

2
    ปัญหาหนักใจของสาวๆ หลายคนที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนอบอ้าวของเมืองไทยและฝุ่นควันต่างๆ ตลอดวัน ก็คือหน้ามันเยิ้มจนหมดความมั่นใจ การซับหน้าระหว่างวันก็พอช่วยได้ แต่การบำรุงผิวให้ดีหรือเลือกเมคอัพให้ตรงจุดก็จะช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าและแก้ปัญหาได้ดีกว่า
    สภาพผิวของแต่ละคนที่แตกต่าง ทำให้พบปัญหาผิวที่ไม่เหมือนกัน ประเภทของผิวมีด้วยกันหลักๆ 3 ประเภท นั่นก็คือผิวแห้ง ผิวผสม และผิวมัน ปัญหาแต่งหน้าแล้วหน้ามันระหว่างวันมักเกิดขึ้นกับ 2 กลุ่มหลัง แถมเวลาเลือกแป้งผสมรองพื้นหรือต้องลงเมคอัพทีไร ชอบเจอปัญหาผิวหมอง ดรอประหว่างวัน ที่บอกเลยว่าพังหนักมาก เนื่องด้วยสาวๆ ที่มีผิวมันนั้นเกิดจากการผลิตน้ำมันในปริมาณที่มากเกินไป ผิวหน้าจะมัน เงา และรูขุมขนกว้างเห็นชัดเจน ส่วนผิวผสมอาจจะมีปัญหาน้อยลงมานิดหน่อย แต่ก็เจอกับสภาวะเดียวกันคือผิวค่อนข้างมันบริเวณช่วงทีโซน รูขุมขนขยายเนื่องจากอาจมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน แต่ผิวบางส่วนกลับแห้ง ดังนั้นการเลือกแป้งคุมมันจึงเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
    สำหรับใครที่ผิวใส ไม่มีอะไรต้องปกปิดหรือไม่มีรอยจากสิว อาจะเลือกแป้งคุมมันที่เป็นแบบ powder ที่เน้นความเบาสบาย ไม่หนาจนเกินไป แต่ถ้าใครอยากให้ full cover ขึ้นมาอีกหน่อย ลองเลือกเป็นแป้งคุมมันแบบแป้งพัฟที่เป็นตลับพกพาง่ายใช้สะดวก ผสมรองพื้นเพื่อเพิ่มการปกปิดได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า ให้หน้ามันเยิ้มน้อยลง ไม่หมองระหว่างวัน สาวๆ ควรแป้งผสมรองพื้นแบบคุมมันที่มีเฉดสีหลากหลายเฉดให้เลือกเพื่อให้ใกล้เคียงกับผิวจริง และเลือกจาก under tone สีผิวของเรา ถ้าชอบลุคแมทท์อาจจจะเลือกแป้งคุมมันที่มีเขียนกำกับไว้ว่า oil free แต่งหน้าปังๆ รับรองว่าสวยไม่มันตลอดวัน หรือถ้าใครที่ผิวแพ้ง่าย อย่าลืมมองหาแป้งคุมมันที่ปราศจากน้ำหอม และแอลกอฮอลล์ แต่ถ้าใครชอบความฉ่ำวาวนิดๆ แต่ไม่มัน ลองเลือกแป้งผสมรองพื้นที่มีกลิตเตอร์เนื้อละเอียด แต่ช่วยอำพรางรูขุมขนบนใบหน้า และกระจายแสงได้ดี ปกปิดผิวให้เรียบเนียนยิ่งขึ้น
    เลือกแป้งคุมมันทั้งที แม้จะมีหลายกระแสจากรีวิวหรือเหล่าบิวตี้บล็อกเกอร์มากมาย แต่ทางที่ดีควรไปทดลองที่เค้าท์เตอร์แบรนด์ และลองกับผิวหน้าจริงของเราเอง ว่าแป้งคุมมันแบบไหนที่จะช่วยให้หน้าเราไบรท์ ออร่ากระจายตลอดวัน เพราะมีทั้งราคาย่อมเยาไปจนถึงราคาแบบไฮเอนท์ อย่าง Yves Saint Laurent Beauté (อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้) ที่มีแป้งผสมรองพื้นเพื่อผิวของสาวเอเชียโดยเฉพาะ ปกปิดได้เนียบกริบและช่วยดูดซับความมันส่วนเกินของใบหน้า แต่เนื้อสัมผัสบางเบา แถมช่วยปกป้องรังสี UV ได้อีกด้วย ถ้าอยากได้งานผิวเนียนๆ ที่ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสตลอดวันแบบนี้ ลองเลือกดูสินค้าได้เลยที่ https://www.yslbeautyth.com/th/make-up/face/compact-foundation.html และไม่ได้มีแค่แป้งผสมรองพื้นผสมรองพื้นอย่างเดียวเท่านั้น เมคอัพและสกินแคร์ดีๆ ยังมีให้เลือกอีกเพียบที่ https://www.yslbeautyth.com




3
    หนึ่งในเสน่ห์ดึงดูดใจเพิ่มความน่าสนใจ นอกจากจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่มีทั้งเรื่องการแต่งตัวและบุคลิกภาพแล้ว กลิ่นกายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมสดชื่นหรือกลิ่นแบบลึกลับน่าค้นหา ซึ่งการใส่น้ำหอมแท้ก็ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่เสริมความมั่นใจให้กับหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่บางครั้ง น้ำหอมที่วางจำหน่ายหลากหลายแบรนด์และมีกลิ่นที่แตกต่างกันไป ทำให้เราตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเลือกซื้อแบบไหนดี? จะเป็นน้ำหอมแท้หรือเปล่า กลิ่นเข้ากับเราหรือไม่ ดังนั้นเราควรรู้จักตัวเองก่อนว่ามีสไตล์แบบไหนเพื่อที่จะเลือกกลิ่นน้ำหอมออกมาได้ตรงกับคาแรคเตอร์และเพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่น ถ้าเป็นสาวมั่น สปิริตแรง ลองเลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นสดชื่น ไม่หวานจนเกินไป ทำให้ดูเป็นคนน่าเข้าหา อารมณ์ดี
    สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้จักกับประเภทของน้ำหอมที่มีความเข้มข้นต่างกัน เพราะจะช่วยให้เราเลือกซื้อได้ว่า อยากได้กลิ่นที่อยู่ติดทนนานแค่ไหน และมีงบประมาณที่เท่าใด เริ่มจากหัวน้ำหอมเจือจาง คือ
Eau de Cologne (EDC) มีความเข้มข้นน้อยที่สุด มีแอลกอฮอลล์เป็นส่วนประกอบ และมีน้ำหอม 2-4% ราคาน่าคบหาเพราะค่อนข้างถูก ติดทน 3-4 ชั่วโมง
Eau de Toilette (EDT) เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นอยู่ที่ 5-15%  เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมที่สุด ติดทนประมาณ 4-6 ชั่วโมง
Eau de Parfum (EDP) น้ำหอมที่มีความเข้มข้นขึ้นมาจาก EDT  มีปริมาณหัวน้ำหอม 15-20% ติดทน 7-8 ชั่วโมง
Parfum หรือ Perfume เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นสูงสุด มีหัวน้ำหอมถึง 20-40% และติดทน 8-10 ชั่วโมง ดังนั้นราคาจะสูงตามไปด้วย
    เคล็ดลับในการฉีดน้ำหอมให้ติดทนได้ตลอดวัน นอกจากจะเลือกฉีดพรมบนผิวกายบริเวณที่สำคัญ เช่น ข้อมือ หลังใบหู ซอกคอ ข้อพับข้อศอกด้านใน ยังสามารถฉีดบริเวณชายเสื้อ หรือบนผ้าเพื่อเพิ่มความเซ็กซี่นิดๆ ได้อีกด้วย สำหรับมือใหม่ที่เลือกซื้อน้ำหอมหรือมองหากลิ่นใหม่ แนะนำว่าควรไปเทสที่ช็อปเพื่อให้ได้กลิ่นที่เราชอบ เพราะมีหลากหลายแบรนด์อย่าง อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้ (Yves Saint Laurent Beauté) หรือแบรนด์อื่นๆ ลองเทสต์จากกระดาษแซมเปิ้ลจนได้กลิ่นที่พอใจ แล้วฉีดเบาๆ ตรงข้อพับมือเพื่อดูว่าเหมาะกับเราหรือไม่ เพราะอุณหภูมิในร่างกายของแต่ละคนนั้นส่งผลให้น้ำหอมมีกลิ่นที่แตกต่างกันไปอีกด้วย รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมเพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเองด้วยกลิ่นที่ใช่ ดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://www.yslbeautyth.com/th/fragrance.html หรือ https://www.yslbeautyth.com 

4
    การทำความสะอาดใบหน้า เป็นสิ่งสำคัญที่สาวๆ ทุกคนไม่ควรมองข้าม เนื่องจากแต่ละวันที่เราแต่งหน้าจัดเต็ม ทั้งเมคอัพเบส มาสคาร่า รองพื้น ไหนจะบลัชออน และลิปสติกเนื้อแมทท์ที่ติดทนทาน 24 ชั่วโมง ถ้าหากล้างเครื่องสำอางไม่สะอาดหมดจด ปัญหาที่จะตามมาคงหนีไม่พ้นสิว ที่เกิดจากสิ่งสกปรกอุดตันรูขุมขนอย่างแน่นอน และหน้าก็จะเหี่ยวไว เกิดริ้วรอยแบบไม่รู้ตัวอีกด้วย ดังนั้นสาวๆ ทุกคนจะต้องทำความรู้จักคลีนเซอร์ (Cleanser) เพื่อที่จะขจัดสิ่งสกปรกและเมคอัพทั้งหลายให้เกลี้ยง
    หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยิ่งทั้งคลีนเซอร์ และคลีนซิ่ง ซึ่งมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบรนด์ไหนจะเลือกให้เป็นสินค้าประเภทใด แต่คลีนเซอร์ก็จะเหมือนไอเทมที่ช่วยล้างเครื่องสำอางออกได้หมดจด แบบที่โฟมล้างหน้าปกติที่เราใช้อยู่ทุกวันทำไม่ได้ เวลาสาวๆ เช็ดเครื่องสำอางเฉพาะจุด เราจะใช้คลีนซิ่ง เช่น เช็ดมาสคาร่าและอายแชร์โดวจากงานปาร์ตี้ เช็ดลิปสติกออกให้เกลี้ยง จากนั้นเราจึงตามด้วยคลีนเซอร์ ที่มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นสบู่เหลว โลชั่น เจลล้างหน้า หรือโฟม เพื่อทำความสะอาดอีกขั้นอย่างล้ำลึกทั่วใบหน้า หรือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกทีหนึ่งนั่นเอง
    ประเภทของคลีนซิ่ง มีด้วยกันหลักๆ คือ 1.โลขั่นแบบน้ำสำหรับเช็ดเครื่องสำอาง ส่วนมากจะเป็นกลุ่ม oil-free 2.คลีนซิ่งแบบออย เหมาะสำหรับคนแต่งหน้าจัด เพราะขจัดเครื่องสำอางได้ดี 3.แบบบาล์มหรือเนื้อครีม เหมาะสำหรับแต่งหน้าจัดๆ เช่นกัน แต่มักใช้แบบนวดวนเบาๆ บนใบหน้าเพื่อให้เครื่องสำอางหลุดออก ส่วนคลีนเซอร์(Cleanser) มักจะใช้น้ำทำความสะอาดอีกขั้นตอนเพื่อมั่นใจได้ว่าผิวหน้าสะอาดอย่างแท้จริง แบ่งออกหลักๆ เป็น 4 ประเภท คือ 1.แบบโฟมคลีนเซอร์ เป็นที่นิยมในสาวๆ ส่วนใหญ่ เพราะจะรู้สึกว่าทำความสะอาดผิวหน้าได้หมดจด แต่อาจไม่เหมาะกับผิวแห้งเพราะจะทำให้หน้าตึงเกินไป 2.แบบเจลคลีนเซอร์ ประเภทนี้ปราศจากน้ำมัน ช่วยให้ล้างออกง่าย เหมาะสำหรับผิวผสมหรือผิวมัน 3.โลชั่นคลีนเซอร์ เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ทำความสะอาดเครื่องสำอางหมดจดแต่ยังรู้สึกชุ่มชื้น ผิวไม่แห้งตึง 4.มูสคลีนเซอร์ ทำความสะอาดได้คล้ายกับแบบเจล แต่เนื้อเหลวกว่า ปั๊มขึ้นมาเป็นฟองเนื้อมูสทำความสะอาดใบหน้า และผ่อนคลาย
ถ้ามองหาคลีนเซอร์ที่ทำความสะอาดได้ล้ำลึกหรือผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางล่ะก็ อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้ (Yves Saint Laurent Beauté) ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี ลองไปดูได้ที่ https://www.yslbeautyth.com/th/skincare/category/cleansers-toners.html และหลังล้างหน้า อย่าลืมบำรุงด้วยสกินแคร์ที่เหมาะกับผิว ลองดูสินค้าเพิ่มเติมได้เลยที่ https://www.yslbeautyth.com

5
     ผิวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสาวๆ หลายคน โดยเฉพาะผิวหน้าที่เป็นด่านแรกในการสร้างความประทับใจ ดังนั้นจะเลือกสกินแคร์เพื่อบำรุงทั้งที ก็ต้องดูกันให้ละเอียดรอบคอบ ถึงแม้จะเป็นสกินแคร์ตัวดังตัวท็อป บิวตี้บล็อกเกอร์ทุกคนแนะนำ หรือเป็นเค้าเตอร์แบรนด์ราคาเกือบครึ่งหมื่นก็ไว้วางใจไม่ได้ เพราะผิวหน้าและปัจจัยแวดล้อมของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน สกินแคร์ที่คนอื่นใช้ดี เราอาจจะใช้แล้วแพ้ก็ได้ ดังนั้นถ้าจะเลือกสกินแคร์บำรุงผิวหน้าให้ตอบโจทย์สักตัว นอกเหนือไปจากการรู้จักสภาพผิวที่แท้จริงของเรา ว่าเป็นผิวประเภทใด แพ้สารอะไรบ้างแล้ว ก็ควรมีทริคในการเลือกกันสักหน่อย 
     ก่อนอื่น ครีมหรือสกินแคร์ (skincare) ที่จะมาใช้กับผิวหน้าเรา อยากให้สาวๆ ดูเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ว่าผ่านการทดลอง หรือได้รับ อย.ปลอดภัยรึเปล่า รวมไปถึงดูส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ว่ามีอะไรที่อาจส่งผลให้ผิวเราเกิดการระคายเคืองหรือไม่ หลักๆ ที่ควรเลี่ยงคือ สารสเตียรอยด์ กลุ่มสารซัลเฟต SLS กับ SLES น้ำหอม หรือบางทีก็จะเขียนตรงป้ายบนผลิตภัณฑ์ไว้ว่า fragrance (มีน้ำหอม) ตระกูลสารที่ลงท้ายด้วย ol หรือแอลกอฮอล์ และ Paraben หรือสารกันเสีย รวมถึงพวกสีสังเคราะห์ด้วย แต่ถ้าใครที่ผิวไม่ได้แพ้ง่ายมากอาจจะใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือแอลกอฮอลล์ได้
     อันดับต่อมา เมื่อเราได้สกินแคร์ที่มองหาแล้ว ควรทดลองจริงก่อนใช้ เลือกทดลองกับผิวโดยการแต้มครีมลงบนท้องแขน หรือแต้มส่วนสันกรามของผิวหน้า ทิ้งไว้สัก 1 คืนเพื่อดูผลลัพธ์ ถ้าไม่แพ้หรือไม่แสบแดง ก็ถือว่าสกินแคร์ตัวนี้เข้ากันกับผิวของเราค่ะ หรือในกรณีที่ไม่มี tester แนะนำว่าให้ลองซื้อ skincare ขนาดทดลองที่มักทำเป็นหลอดเล็กๆ มาใช้ก่อนเพื่อความชัวร์
     มาต่อกันที่ตัวผลิตภัณฑ์ ที่หลายแบรนด์ชอบจัดชุดใหญ่ มาเป็นเซตพร้อมคอลเลคชั่นน่ารักดึงดูดใจ แต่จำไว้ว่าผิวเราอาจจะไม่จำเป็นสำหรับสกินแคร์ทุกตัว แค่เลือกตัวที่ช่วยแก้ปัญหาผิวตามทีเราต้องการก็ถือว่าเพียงพอแล้ว รวมถึงเลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับอายุเรา เช่น ผิวหน้าของสาวๆ อายุ 20 ก็ยังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ครีมลดเลือนริ้วรอยแบบเข้มข้น เพราะราคาย่อมสูงกว่าแน่นอน แต่ถ้าอยากได้การบำรุงล้ำลึกก็จัดไปได้เลย โดยเฉพาะสกินแคร์เคาท์เตอร์แบรนด์อย่าง Yves Saint Laurent Beauté (อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้) เป็นต้น
    สุดท้าย อย่าลืมเช็กอายุการใช้งานของสกินแคร์ ทั้งวันผลิตหรือวันหมดอายุ โดยส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์จะมีอายุ 1-2 ปี ไม่แนะนำให้ซื้อมาตุนครั้งละมากๆ เพราะรู้ตัวอีกทีครีมก็หมดอายุแถมไม่ได้เปิดใช้เลยอีกต่างหาก สกินแคร์ยังมีอีกหลากหลายประเภท ถ้าอยากบำรุงและฟื้นฟูผิวอย่างเต็มที่ ลองเลือกดูผลิตภัณฑ์ได้เลยที่ https://www.yslbeautyth.com/th/skincare.html หรือคลิกดูสินค้าอื่นเพิ่มเติม https://www.yslbeautyth.com

6
    ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเดี๋ยวนี้ เรียกได้ว่ามีมากมายหลากหลายจนเราเลือกใช้ไม่ถูกเลยทีเดียว ไหนจะประเภทของครีมบำรุงผิว ไหนจะแบรนด์ต่างๆ ที่ออกสินค้าประเภทเดียวกันมาอีกหลายสูตรที่แตกต่าง แต่หลักๆ ที่สาวๆ หลายคนมักมีคำถามคือ ครีมบำรุงผิวหน้า กับเซรั่มบำรุงผิวหน้า มีความแตกต่างกันอย่างไร? ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันดังนี้
    ครีม หรือครีมบำรุงผิว คือการผสมน้ำมันให้เข้ากับน้ำ มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื่นกับผิวเรา จะสังเกตได้ว่าเวลาทาครีมบางตัว เราจะรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ และบางทีอาจซึมซาบเข้าสู่ผิวช้าหรือใช้เวลาในการซึมเข้าสู่ผิว เนื่องจากครีมมีคุณสมบัติในเรื่องการให้ความชุ่มชื้น แต่ไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวชั้นในได้ ดังนั้นเวลาเราใช้ครีมจะให้ผลลัพธ์ที่ช้ากว่าเซรั่ม ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ผิวปกติและผิวแห้ง ไม่ค่อยเหมาะกับคนผิวมันเท่าไหร่ (แต่ผิวผสมก็ยังสามารถใช้ได้)  ส่วนเซรั่ม (Serum) เป็นที่ทราบกันดีว่าอุดมไปด้วยสารอาหารที่เข้มข้นกว่าครีม มีโมเลกุลขนาดเล็ก แถมยังมีความบางเบามากกว่าครีม จึงสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ล้ำลึกและรวดเร็ว ซึมได้ถึงระดับโครงสร้างผิวเลยทีเดียว รวมถึงยังมี Active Ingredients สูงกว่าครีม ดังนั้นจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับการใช้ครีม
     ดังนั้นจึงสรุปได้ง่ายๆ ว่า ถ้าหากสาวๆ คนไหนต้องการบำรุงแบบเร่งด่วน อยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า ควรเลือกใช้เซรั่ม (Serum) บำรุงผิวหน้า และยังซึมซาบได้เร็วกว่า แต่เนื่องจากคุณสมบัติแล้วนั้นทำให้เซรั่มมีราคาสูงกว่าครีมบำรุง แนะนำว่าตอนกลางคืนอาจจะสลับใช้ครีมบำรุงเพราะเนื้อมีความข้น เหนอะหนะมากกว่า ปล่อยให้บำรุงผิวหน้าไว้ทั้งคืน ส่วนเซรั่มเลือกใช้ตอนเช้าบำรุงผิวก่อนแต่งหน้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วไม่เหนอะนะ ยังเป็นการประหยัดงบในกระเป๋าไปได้อีกทางด้วย     
    แม้ว่าครีมจะช่วยบำรุงผิวได้ แต่ก็เป็นการบำรุงแบบไม่ลึกถึงผิวชั้นในอย่างเซรั่ม สาวๆ ทุกคนจึงควรมีเซรั่มสำหรับบำรุง เช่นเซรั่มที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย พร้อมปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อมและมลภาวะต่างๆ แต่ถ้าบางคนยังลังเลว่าจะเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าแบบใดดีระหว่างครีมหรือเซรั่ม ลองดูตัวเลือกจาก Yves Saint Laurent Beauté     (อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้) ที่มีผลิตภัณฑ์บำรุงล้ำลึกเข้มข้น YSL Serum-in-Creame ที่เข้มข้นแต่บางเบา ให้ผิวอ่อนโยน ริ้วรอยลดลง ดูอ่อนเยาวน์ขึ้น ดูสินค้าได้เลยที่ https://www.yslbeautyth.com/th/skincare/category/serums.html พร้อมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ อีกมากมายที่ https://www.yslbeautyth.com

7
    ปัญหาริ้วรอยหรือความหมองคล้ำที่เกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตา หรือที่เรียกกันว่าตีนกา ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า พวกนี้เป็นปัญหาที่คงไม่มีใครอยากเจอแน่นอน ยิ่งพออายุมากขึ้นริ้วรอยและความเสื่อมสภาพของผิวก็เกิดขึ้นแบบเลี่ยงไม่ได้ การพักผ่อนเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดก็พอจะช่วยในระดับหนึ่ง แต่การบำรุงอย่างล้ำลึกจะช่วยได้ดีกว่า ผิวรอบดวงตาค่อนข้างบอบบางดังนั้นสาวๆ จึงควรมีครีมบำรุงที่เป็นครีมทารอบดวงตาโดยเฉพาะ และเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย ราคาสมเหตุสมผล เพราะถ้าเลือกครีมรอบดวงตาหรือ eye cream ที่ไม่น่าไว้วางใจล่ะก็ เสียหายขึ้นมาทีหลังจะจ่ายเยอะกว่าเดิมเอาได้ ดังนั้นเรามารู้จักกันก่อนว่าครีมทารอบดวงตาควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับสภาพผิวและการบำรุง
    ครีมทารอบดวงตามีด้วยกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแบบเนื้อครีม ที่จะให้ความชุ่มชื่นได้ดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีริ้วรอย แต่อาจจะซึมซาบไม่ดีเท่าแบบอื่น หรือครีมรอบดวงตาแบบเจล เหมาะกับคนผิวมัน ที่ไม่ค่อยมีปัญหาผิวเท่าไหร่ เนื้อแบบเจลจะมีโมเลกุลที่เล็กช่วยแก้ปัญหาเรื่องใต้ตาบวม บางเบาไม่อุดตัน แต่ความชุ่มชื่นจะน้อยกว่าแบบครีม และสุดท้ายคือ ครีมทารอบดวงตาแบบเซรั่ม ซึ่งจะบำรุงได้ล้ำลึกกว่าแบบเจล เนื้อเซรั่มเข้มข้นให้ความชุ่มชื่นในระดับหนึ่ง และบางเบา แนะนำว่าลองเช็กสภาพผิวแล้วเลือกครีมบำรุงที่เหมาะสมได้เลย
    แล้วครีมรอบดวงตา ควรทาตอนไหนดี? จริงๆ แล้วสามารถทาบำรุงได้ทั้งตอนเช้าและกลางคืน ถ้าทาช่วงกลางคืนเพื่อบำรุงล้ำลึกขณะนอนหลับ ลองเลือกชนิดที่ให้ความชุ่นชื่นและบำรุงได้ดีกว่าครีมรอบดวงตาทั่วไป แต่ถ้าทาช่วงเช้าก่อนลงครีมบำรุงอื่นๆ และก่อนแต่งหน้า ลองเลือกครีมทารอบดวงตาแบบเนื้อบางเบา อย่างเนื้อเจลหรือเซรั่ม เพื่อให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ เคล็ดลับก็คือ ใช้ครีมในปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว ไม่ต้องเยอะจนเกินไป แล้วแต้มครีมด้วยนิ้วนางเพราะจะให้สัมผัสเบาที่สุด เกลี่ยเบาๆ ให้ทั่วบริเวณใต้ดวงตา เพราะหากลงน้ำหนักมากเกินไปจะทำให้ผิวบริเวณนั้นช้ำได้ง่าย และเว้นระยะห่างจากแนวขนตาล่างเล็กน้อย
    นอกจากนี้ยังมีวิธีแบบธรรมชาติ เช่นการใช้ถุงชา ช่วยลดการบวมช้ำหรือความหมองคล้ำบริเวณใต้ตา หรือการใช้แตงกวาฝานแปะไว้ที่บริเวณดวงตาเพื่อให้ผิวบริเวณนั้นชุ่มชื่น แต่ถ้าใครที่ไม่มีเวลาและรู้สึกว่ายุ่งยากเกินไป เดี๋ยวนี้ก็มีผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตาให้เลือกค่อนข้างเยอะ อย่าง Yves Saint Laurent Beauté (อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้) ที่มีครีมทารอบดวงตาที่ช่วยต่อต้านริ้วรอย คืนความสดใสและช่วยให้ผิวผ่อนคลาย รู้สึกสบายมากขึ้น รวมถึงเซรั่มบำรุงแบบเข้มข้น เข้าไปเลือกได้เลยที่ https://www.yslbeautyth.com/th/skincare/category/eye-lip-care.html รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงอื่นๆ ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.yslbeautyth.com

8
     ปีใหม่เฉดสีใหม่ต้องมา ต้อนรับปี 2019 ด้วย PANTONE สีสดใส อย่าง Living Coral หรือสีส้มประการัง ที่มองไปทางไหนก็เห็นหลายธุรกิจหยิบจับเอาสีโทนนี้มาใช้ ซึ่งเป็นโทนสีอ่อนหวานสดใส และดูดีอย่างยิ่งเมื่อมาอยู่บนเมคอัพหลากหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งอายแชโดว์ ลิปสติก หรือบลัชออน เรียกได้ว่าเราจะเห็นเฉดสีส้มอ่อนผสมสีชมพูหวานๆ คล้ายสีพีชน่ารักแบบมีชีวิตชีวา เทรนด์สีนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาวๆ ที่ไม่ชอบแต่งหน้าจัด เน้นเมคอัพลุคแบบธรรมชาติ โชว์ผิวใสๆ ปัดแก้มโกลว์ๆ สีชมพูวาวๆ แล้วเลือกหยิบลิปสติกสุดฮิตอย่าง Living Coral มาแต่งเติมให้สดใส ยิ่งสีปากเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสาวๆ แล้ว ลองมาดูกันว่าลิปสติกแบบใดที่จะเหมาะกับเรา หรือเปลี่ยนลุคให้แตกต่างกันไปแบบไหนดี
      ลิปสติกโทนสีส้มอมชมพูแบบนี้ไม่ได้เหมาะแค่สายหวานอย่างเดียวเท่านั้น เพราะสามารถครีเอทลุคให้ดูเป็นแบบธรรมชาติใสๆ หรือจะดูเฉี่ยวๆ สายแซ่บไปเลยก็ได้ เพียงแค่ปรับเมคอัพโดยรวมและสไตล์การแต่งตัว ก็อัพลุคได้แล้ว
อันดับแรกถ้าอยากเป็นสาวหวาน ลองแต่งหน้าบางๆ เน้นงานผิว เลือกอายแชโดว์สีเอิร์ธโทนเพื่อไม่ให้ดูเยอะจนเกินไป ปัดแก้มสีชมพูอมส้มจางๆ พร้อมปัดขนตาแบบธรรมชาติ และเลือกหยิบลิปกลอสสีหวานสดใสโทนสี Coral ปาดลงไปเบาๆ แค่นี้ก็ฉ่ำเว่อร์ 
ลุคต่อไปถ้าอยากได้งานผิวใส Natural look ต้องลงรองพื้นแบบลิควิดที่บางเบาเนียนไปกับผิว เลือกครีมบลัชสีออกพีชเพื่อให้ผิวดูธรรมชาติบ่มแดด พร้อมเฉดดิ้งกรอบหน้าเล็กน้อย เขียนคิ้วแบบฝุ่นไม่ต้องแน่นหรือหนาเกินไป เลือกลิปสติกเนื้อไชน์ ที่มีสีบางเบา ดูหวานแบบใสๆ ด้วยสี Coral พยายามเลี่ยงลิปสติกเนื้อแมทเพราะจะทำให้ดูเนี้ยบหรือตั้งใจแต่งหน้าจนเกินไป ถ้าอยากให้หน้าดูคมก็ปัดมาสคาร่าบางๆ เล็กน้อย รับรองว่าลุคใหม่ใสแน่นอน
     จบลุคสุดท้ายด้วยลิปสติกเนื้อแมทสี Corols ลุคนี้มาอัพตัวเองให้เป็นสายแซ่บด้วยลิปสติกสีหวาน ลงรองพื้นที่ปกปิดปานกลาง พร้อมเฉดดิ้งกรอบหน้าและสันจมูกเพื่อให้หน้าดูคมชัดมากขึ้น ปัดแก้มฉ่ำๆ ด้วยสีส้มออกน้ำตาลอ่อน แต่อย่าหนักมือเกินไป ดัดขนตาปัดมาสคาร่าแน่นๆ และเขียนอายไลน์เนอร์ไม่หนามากให้ชิดขอบตาที่สุด ฟินิชลุคด้วยลิปสติกเนื้อแมท แนะนำ TATOUAGE COUTURE สี 22 Corail Anti Mainstream ที่เป็นสติกเนื้อแมท แบบลิขวิดสีชมพูอมส้มหวานๆ แต่เม็ดสีชัด ติดทนจาก อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้ (yves saint laurent beauté) รับรองว่าสวยเฉี่ยวโดดเด่นแบบไม่เยอะเกิน
อัพเดตลุคกับสี Living Coral เรียบร้อยแล้ว ลองเข้าไปเลือกเฉดสีที่ใช่และลิปสติกแท่งโปรดที่เหมาะกับตัวเองได้เลยที่ https://www.yslbeautyth.com/th/make-up/lips/lipstick.html พร้อมสินค้าอื่นๆ ให้ช้อป คลิกเลย https://www.yslbeautyth.com

9
    นอกจากแป้งคุมมัน หรือแป้งผสมรองพื้นแล้ว สาวๆ ที่อยากได้ลุคธรรมชาติแบบใสๆ และไม่ใช่คนที่ชอบแต่งหน้าจัด ต้องมารู้จักกับแป้งฝุ่น แป้งโปร่งแสงกันหน่อย แป้งฝุ่นสำหรับแต่งหน้าจะมีความบางเบา ไม่ผสมรองพื้น ดังนั้นจึงไม่ทำให้ผิวอุดตัน หรือช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวได้อีกด้วย ซึ่งสำหรับใครที่ผิวแพ้ง่ายหรือไม่ชอบทำหอม แป้งฝุ่นแบบโปร่งแสงถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว แถมโชว์ผิวใสๆ ได้แบบเป็นธรรมชาติจนเหมือนไม่ได้แต่งหน้า
    ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจก่อนว่า ผิวแบบไหนก็ใช้แป้งฝุ่นโปร่งแสง หรือ Loose powder ได้เช่นกัน แต่อยู่ที่ว่าขั้นตอนแรกจะลงครีมบำรุงหรือรองพื้น, ฟาวด์เดชั่น, รวมถึงบีบีครีมแบบใดเพื่อให้เหมาะกับสภาพผิว นอกจากแป้งฝุ่นเนื้อละเอียดแบบแป้งโปร่งแสงแล้ว ก็ยังมีแป้งอัดแข็งโปร่งแสง ที่สาวๆ สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการในการปกปิดผิว (แต่จะไม่หนาเท่าแป้งผสมรองพื้น) ข้อดีของแป้งโปร่งแสงก็คือ ไม่ว่าจะเป็นผิวสีใด ก็สามารถใช้ได้ หน้าไม่ลอยหรือไม่หมอง เพราะเนื้อแป้งจะปรับสีให้เข้ากับสีผิวจริงของเรานั่นเอง ลองมาดูเคล็ดลับง่ายๆ เปลี่ยนตัวเองเป็นสาว natural look กัน
    อันดับแรก โชว์ผิวเปลือเปล่า ใสๆ แบบธรรมชาติ เพียงแค่ลงแป้งฝุ่นโปร่งแสงบนผิวได้เลย อาจจะทาครีมกันแดดเพื่อช่วยป้องกันรังสี UV จากอากาศเมืองไทย จากนั้นใช้แปรงสำหรับแต่งหน้าลงแป้งได้เลย ลุคนี้ไม่ต้องเน้นความเพอร์เฟ็ค ให้เห็นจุดต่างๆ บนใบหน้าได้เล็กน้อย ปัดแก้มหรือแต่งตาแบบธรรมชาติ และฟินิชลุคด้วยลิปสติกสีส้มพีช รับรองว่าเด็กลงจนคนต้องทัก 
    ทริคต่อไป ลองให้ผิวดูเนียนใสขึ้นอีกนิด เลือกลงรองพื้นแบบน้ำเพื่อความเกลี่ยง่ายและไม่หนาเกินไป หรือจะลงเบสพวกบีบีครีม ซีซีครีมก็ได้ จากนั้นค่อยปัดทับด้วยแป้งฝุ่นเพื่อให้หน้าเซ็ตตัว แล้วค่อยแต่งหน้าตามปกติ ที่สำคัญคืออย่าลืมไฮไลท์แก้มด้วยสีส้มบ่มแดดแบบมีกลิตเตอร์เนื้อละเอียดเพื่อให้ผิวดูสุขภาพดีฉ่ำวาวเล็กน้อย
    ทริคสุดท้าย คือสิ่งที่สาวๆ หลายคนต้องเจอในระหว่างวัน เมื่อเราเผชิญกับสภาพอากาศร้อนๆ ทำให้หน้าเริ่มมัน เครื่องสำอางบนหน้าเริ่มเลือน แป้งเริ่มหลุด แบบนี้ก็ต้องซับหน้าแล้วเติมแป้งเพิ่มกันหน่อย แต่ถ้าใช้แป้งผสมรองพื้นแบบปกปิดขั้นเทพเดี๋ยวจะหนักหน้ามากเกินไป ลองหันมาใช้แป้งโปร่งแสง แล้วเลือกอุปกรณ์เป็นแปรงแต่งหน้าเพื่อให้แป้งเนื้อละเอียดกระจายตัวได้ดี ไม่จับเป็นก้อน เติมระหว่างวันหน้าก็ไม่ด่าง ใสเหมือนแต่งมาตั้งแต่เช้าแน่นอน
    ได้ทริคดีๆ สำหรับลุคธรรมชาติแบบใสๆ ไปแล้ว ต้องลองไปแต่งกันดู ยิ่งถ้าใครพื้นฐานผิวเดิมดีอยู่แล้วก็แทบจะไม่ต้องปกปิด ถ้าหากยังลังเลว่าแป้งโปร่งแสงแบบไหนที่จะเหมาะกับเฉดผิวเราล่ะก็ ลองดู Yves Saint Laurent Beauté (อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้) ที่มีเฉดสีเข้ากับผิวของสาวเอเชีย เนื้อละเอียด เหมาะกับทุกสภาพผิว เลือกช้อปได้ที่ https://www.yslbeautyth.com/th/make-up/face/powder.html หรือดูผลิตภัณฑ์อื่นๆ เอาไว้โชว์งานผิวสวยๆ แบบไม่รู้จบ ที่ https://www.yslbeautyth.com

10
    นอกจากแป้งคุมมัน หรือแป้งผสมรองพื้นแล้ว สาวๆ ที่อยากได้ลุคธรรมชาติแบบใสๆ และไม่ใช่คนที่ชอบแต่งหน้าจัด ต้องมารู้จักกับแป้งฝุ่น แป้งโปร่งแสงกันหน่อย แป้งฝุ่นสำหรับแต่งหน้าจะมีความบางเบา ไม่ผสมรองพื้น ดังนั้นจึงไม่ทำให้ผิวอุดตัน หรือช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวได้อีกด้วย ซึ่งสำหรับใครที่ผิวแพ้ง่ายหรือไม่ชอบทำหอม แป้งฝุ่นแบบโปร่งแสงถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว แถมโชว์ผิวใสๆ ได้แบบเป็นธรรมชาติจนเหมือนไม่ได้แต่งหน้า
    ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจก่อนว่า ผิวแบบไหนก็ใช้แป้งฝุ่นโปร่งแสง หรือ Loose powder ได้เช่นกัน แต่อยู่ที่ว่าขั้นตอนแรกจะลงครีมบำรุงหรือรองพื้น, ฟาวด์เดชั่น, รวมถึงบีบีครีมแบบใดเพื่อให้เหมาะกับสภาพผิว นอกจากแป้งฝุ่นเนื้อละเอียดแบบแป้งโปร่งแสงแล้ว ก็ยังมีแป้งอัดแข็งโปร่งแสง ที่สาวๆ สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการในการปกปิดผิว (แต่จะไม่หนาเท่าแป้งผสมรองพื้น) ข้อดีของแป้งโปร่งแสงก็คือ ไม่ว่าจะเป็นผิวสีใด ก็สามารถใช้ได้ หน้าไม่ลอยหรือไม่หมอง เพราะเนื้อแป้งจะปรับสีให้เข้ากับสีผิวจริงของเรานั่นเอง ลองมาดูเคล็ดลับง่ายๆ เปลี่ยนตัวเองเป็นสาว natural look กัน
    อันดับแรก โชว์ผิวเปลือเปล่า ใสๆ แบบธรรมชาติ เพียงแค่ลงแป้งฝุ่นโปร่งแสงบนผิวได้เลย อาจจะทาครีมกันแดดเพื่อช่วยป้องกันรังสี UV จากอากาศเมืองไทย จากนั้นใช้แปรงสำหรับแต่งหน้าลงแป้งได้เลย ลุคนี้ไม่ต้องเน้นความเพอร์เฟ็ค ให้เห็นจุดต่างๆ บนใบหน้าได้เล็กน้อย ปัดแก้มหรือแต่งตาแบบธรรมชาติ และฟินิชลุคด้วยลิปสติกสีส้มพีช รับรองว่าเด็กลงจนคนต้องทัก 
    ทริคต่อไป ลองให้ผิวดูเนียนใสขึ้นอีกนิด เลือกลงรองพื้นแบบน้ำเพื่อความเกลี่ยง่ายและไม่หนาเกินไป หรือจะลงเบสพวกบีบีครีม ซีซีครีมก็ได้ จากนั้นค่อยปัดทับด้วยแป้งฝุ่นเพื่อให้หน้าเซ็ตตัว แล้วค่อยแต่งหน้าตามปกติ ที่สำคัญคืออย่าลืมไฮไลท์แก้มด้วยสีส้มบ่มแดดแบบมีกลิตเตอร์เนื้อละเอียดเพื่อให้ผิวดูสุขภาพดีฉ่ำวาวเล็กน้อย
    ทริคสุดท้าย คือสิ่งที่สาวๆ หลายคนต้องเจอในระหว่างวัน เมื่อเราเผชิญกับสภาพอากาศร้อนๆ ทำให้หน้าเริ่มมัน เครื่องสำอางบนหน้าเริ่มเลือน แป้งเริ่มหลุด แบบนี้ก็ต้องซับหน้าแล้วเติมแป้งเพิ่มกันหน่อย แต่ถ้าใช้แป้งผสมรองพื้นแบบปกปิดขั้นเทพเดี๋ยวจะหนักหน้ามากเกินไป ลองหันมาใช้แป้งโปร่งแสง แล้วเลือกอุปกรณ์เป็นแปรงแต่งหน้าเพื่อให้แป้งเนื้อละเอียดกระจายตัวได้ดี ไม่จับเป็นก้อน เติมระหว่างวันหน้าก็ไม่ด่าง ใสเหมือนแต่งมาตั้งแต่เช้าแน่นอน
    ได้ทริคดีๆ สำหรับลุคธรรมชาติแบบใสๆ ไปแล้ว ต้องลองไปแต่งกันดู ยิ่งถ้าใครพื้นฐานผิวเดิมดีอยู่แล้วก็แทบจะไม่ต้องปกปิด ถ้าหากยังลังเลว่าแป้งโปร่งแสงแบบไหนที่จะเหมาะกับเฉดผิวเราล่ะก็ ลองดู Yves Saint Laurent Beauté (อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้) ที่มีเฉดสีเข้ากับผิวของสาวเอเชีย เนื้อละเอียด เหมาะกับทุกสภาพผิว เลือกช้อปได้ที่ https://www.yslbeautyth.com/th/make-up/face/powder.html หรือดูผลิตภัณฑ์อื่นๆ เอาไว้โชว์งานผิวสวยๆ แบบไม่รู้จบ ที่ https://www.yslbeautyth.com

11
ถัง 1,000 ลิตร มือสอง พาเลทเหล็ก พร้อมใช้งาน

ถัง 1,000 ลิตร มือสอง พาเลทเหล็ก พร้อมใช้งาน เกรด A
สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ราคา 2,800 บาท (รับประกันสินค้า)
Industrial Grade Reusable Containers


ถัง IBC หรือ Intermediate Bulk Container มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมตัวถังทำจากพลาสติกชนิด High Density Polyethylene (HDPE) โครงเหล็กด้านนอกผลิตจากเหล็กชุปกัลป์วาไนซ์ เหมาะสำหรับการเก็บรักษาหรือการขนส่งสินค้าประเภทน้ำ หรือ ผง สามารถวางซ้อนกันได้ จะใช้ในอุตสาหกรรม เช่น เคมีภัณฑ์ โซเว้น ยารักษาโรค อาหาร น้ำมัน โดยถัง IBC จะมีราคาถูกสำหรับการขนส่งสินค้า วาล์วและฝาบนสะดวกในการเติมและถ่ายสินค้าออกจากถัง
ถัง IBC ขนาด 1,000 ลิตร ยี่ห้อ SCHUTZ พาเลทเหล็ก
ขนาดบรรจุ 1,000 ลิตร (275 แกลอน) กว้าง x ยาว x สูง (1 x 1.2 x 1.16 เมตร) น้ำหนักถังเปล่าประมาณ 57 กิโลกรัม วาล์วปีกผีเสื้อขนาด 2 นิ้ว ฝาบนขนาด 6 นิ้ว

ราคา 2,800 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่ง)
-------------------------------
ติดต่อ : คุณเอก 089-780-6866 , 081-445-8669
Line ID : @bulk1000
www.ถัง1000ลิตร.com






12
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว เฉาก๊วยเต็งหนึ่ง
ไม่ว่าภาคไหน จังหวัดอะไร ก็สามารถติดต่อร่วมสร้างอาชีพไปกับเราได้ที่

Facebook เฉาก๊วยเต็งหนึ่ง , Line @teng1111 (มี @ อยู่ข้างหน้า)
หรือคลิก line.me/R/ti/p/%40wxf2115p 




การให้นั้นเป็นสุข มากกว่าการได้รับ
มาสร้างอาชีพ และร่วมสร้างสรรค์เมนูต่างๆ
จากวัตถุดิบคุณภาพ เฉาก๊วยเต็งหนึ่ง


:) สร้างอาชีพที่ดีเริ่มต้นเพียง 2,990 บาท
 :) ใช้ทุนน้อย กำไรดี มีรอยยิ้ม
 :) สุขทั้งผู้ให้ ปลื้มใจทั้งผู้รับ
 :) ไม่มีค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น


#ของดำทำเงิน
#มากกว่าความหวานคือความใส่ใจ
#เฉาก๊วยเต็งหนึ่ง
เพราะไม่มีความจน อยู่ในหมู่ชนคนขยัน.



13
รับสมัครคนถ่ายคลิปวิดีโอสั้น (Vodcaster) สำหรับเพื่อนๆที่ชอบถ่ายคลิป Video เป็นประจำ หรือ ชอบเล่นกล้อง ใช้แอพในการถ่าย

คลิ๊กดูวิดีโอตัวอย่าง

รายละเอียดงาน
- ถ่ายคลิปวิดีโอความยาว 7-57วินาที จำนวน 8-20คลิป/เดือน
- ถ่ายคลิปอะไรก็ได้ตามไอเดียของคุณ เช่น เต้น, ร้องเพลง, เล่นดนตรี, ตลกสนุกสนาน, สัตว์เลี้ยงน่ารัก, เล่นเกมส์, ทำอาหาร, กินโชว์, วาดรูป, ฟิตเนส, กีฬา, ท่องเที่ยว, แต่งหน้า, คอสเพลย์, ท่องเที่ยว เป็นต้น

 ค่าตอบแทน
- 2,000-3,000บาท / เดือน (สำหรับบุลคลทั่วไป)
- 5,600บาท / เดือน (สำหรับคนที่มีผู้ติดตามใน Facebook จำนวน 20k+ หรือ Instagram จำนวน 10k+)
- 6,000บาท / เดือน (สำหรับคนที่มีผู้ติดตามใน Facebook จำนวน 80k+ หรือ Instagram จำนวน 30k+)
- 7,000บาท / เดือน (สำหรับคนที่มีผู้ติดตามใน Instagram จำนวน 50k+)
- 8,000บาท / เดือน (สำหรับคนที่มีผู้ติดตามใน Facebook หรือ Instagram จำนวน 120k+)
- 10,000บาท / เดือน (สำหรับคนที่มีผู้ติดตามใน Facebook หรือ Instagram จำนวน 150k+)
- สำหรับคนที่มีผู้ติดตามใน Facebook หรือ Instagram เกิน 200k+ สามารถสอบถามได้
- มีโบนัสพิเศษเพิ่มเติมให้ทุกเดือนตามคุณภาพของคลิปวิดีโอ

 คุณสมบัติผู้สมัครงาน
- ไม่จำกัด เพศ อายุ วุฒิการศึกษา
- กล้าแสดงออก และ มีความตั้งใจในการทำงาน
- มีมือถือสมาร์ทโฟนระบบ Android หรือ iOS ที่สามารถถ่ายวิดีโอได้

หมายเหตุ
- ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือ ค่าสมัคร ใดๆทั้งสิ้น
- สามารถขอดูตัวอย่างคลิปในหมวดหมู่ต่างๆได้
- จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาจากทีมงานก่อน จึงจะสามารถเริ่มงานได้
- ไม่จำเป็นจะต้องทำที่บริษัท สามารถเลือกสถานที่ถ่ายทำได้ตามความเหมาะสม
- ไม่ใช่งานขายตรง หรือ งานเครือข่าย เรานำคลิปวิดีโอเพื่อไปโปรโมทแอปพลิเคชันเท่านั้น
- หากเคยเล่นแอพ TikTok, Musically, Kwai, JoYo, Vigo Video, MoKa จะรับพิจารณาเป็นพิเศษ
- ทางบริษัทยินดีรับ Agency โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้เลยนะครับ
- ทางบริษัทจะจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายเดือน
- ทางบริษัทขอสงวนสิทธ์ในการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม


สนใจสมัครงาน หรือ สอบถามรายละเอียด
- Line ID: @hr.yukina.in.th
- Website: https://casting.in.th/job.php?q=vodcaster


คลิ๊กดูวิดีโอตัวอย่าง

14
รับจ้างผลิตอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
Food/dietary supplement Functional food

รับจ้างผลิตยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร
Traditional Herbal Medicine
รับจ้างผลิตยาแผนปัจจุบัน
Pharmaceutical
รับจ้างผลิตเครื่องสำอาง
Cosmetic skin care




เชี่ยวชาญด้านการให้บริการผลิต อย่างครบวงจร  ตั้งแต่การวิจัยพัฒนาสูตรตำรับ การขึ้นทะเบียนอย การผลิตในระดับอุตสาหกรรม ภายใต้มาตรฐาน GMP การให้คำปรึกษาด้านการตลาด การให้คำแนะนำช่องทางจัดจำหน่าย
One stop service from R&D formulation, toll/contract manufacturing OEM-ODM-OBM, FDA registration ,Marketing and Distribution consult

แคปซูล capsule ยาเม็ด Tablet Film Coat แคปซูลนิ่ม Soft gelatin capsule แคปซูลนิ่มจากพืช Vegetable soft capsule ครีม Cream เจล Gel ยาหม่อง Balm เครื่องดื่ม Drink Beverage ผงชงดื่ม Granule

*** สินค้ายอดนิยม***
น้ำมันรําข้าวแคปซูล Rice Bran oil
น้ำมันปลาแคปซูล Fish oil
น้ำมันสี่สหายแคปซูล 4 mix ojk
สารสกัดจากสาหร่ายสีแดงแคปซูล astraxanthin
น้ำมันถั่วดาวอินคาแคปซูล sacha seed
น้ำมันงาและงาขี้ม้อนแคปซูล sesame perilla seed oil
คอลลาเจนชงดื่ม Collagen
อาหารเสริมและสมุนไพร ตรีผลาแคปซูล tripala
เวย์โปรตีนเจล Whey gel
ครีมเมือกหอยทาก Snail cream
ครีมสารสกัดจากปลาดาว Star Fish Cream
ครีมสารสกัดน้ำมันรำข้าว Rice Bran Cream
สบู่น้ำมันรำข้าว Rice Bran Soap
สบู่ล่างพิษ Detox soap


บรรจุขวด Bottle filling  บรรจุกระป๋อง  Can บรรจุแผงฟอยล์  Bluster PVC-Alu Alu-Alu บรรจุซองฟอยล์ Pouch Sachet

บริการตั้งสูตรตำรับ Product formulation คิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ ศึกษาความคงตัวผลิตภัณฑ์ Stability Study กำหนดอายุผลิตภัณฑ์ Product Shelf life Stydy ศึกษาประสิทธิภาพ ศึกษาประสิทธิผล Product Efficacy study ศึกษาความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ Safty Study เตรียมข้อมูลขึ้นทะเบียนอย. Dossier preparation  หางบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐในการวิจัยพัฒนา Grant support 50-80%



บริษัทโรงงานเภสัชอุตสาหกรรมเจเอสพี JSP PHARMA รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพมามากกว่า 10 ปี  อยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกับโรงงานเภสัชอุตสาหกรรมค็อกซ์ COXLAB มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี และเป็นบริษัทในเครือของบริษัทซีดีไอพีประเทศไทย(มหาชน)จำกัด CDIP (Thailand) บริษัทผู้วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช ธรรมศาสตร์รังสิต

.. โรงงานมาตรฐาน GMP ISO HALAL

http://www.jsppharma.com
https://youtu.be/WX8h4od1Hio

คุณ ส้ม 085-1595484
คุณ ยิ้ม 086-9764189
คุณ ปุ๊ย 081-551-2889 (Line)

15
cdip innovation ให้บริการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบสมุนไพร

เครื่องสำอางจากสมุนไพร
อาหารเสริมจากสมุนไพร
ยาแผนโบราณจากสมุนไพร
เครื่องดื่มจากสมุนไพร



ออกแบบpackaging ขึ้นทะเบียน อย. ผลิตOEM บริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา

บริการตั้งสูตรผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, อาหาร, สมุนไพร
รับบรรจุแคปซูล ตอกเม็ด เครื่องดื่ม เจล เจลลี่ ผงชงดื่

   บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด มีความพร้อมให้การบริการวิเคราะห์ทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และรวมถึง สารออกฤทธิ์ (active ingredient) ซึ่งเรามีบริการต่างๆ ดังนี้ บริการวิเคราะห์ทดสอบทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ การวิเคราะห์ทดสอบเพื่อตรวจหาประสิทธิภาพการต้านเชื้อจุลชีพ การตรวจวิเคราะห์การทำงานเอนไซม์ การตรวจวิเคราะห์สารต้องสงสัย สารปนเปื้อน การตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ การตรวจความคงตัวของผลิตภัณฑ์ การตรวจความเป็นพิษต่อเซลล์ และการตรวจการระคายเคืองต่อผิวหนังในมนุษย์ เป็นต้น

บริการ การศึกษาความคงตัวผลิตภัณฑ์ Stability Study เพื่อกำหนดอายุผลิตภัณฑ์ Shelf life - Expiry date

เพื่อให้ผู้ประกอบการอาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพเช่นอาหารเสริม dietary supplement  อาหาร functional food  เครื่องดื่ม drink beverage ผงชงดื่ม powder-granule เครื่องสำอาง cosmetic ครีมบำรุงผิว skin care ยาแผนโบราณ traditional herbal medicine

มั่นใจได้ว่า
..ผลิตภัณฑ์มีความคงตัวตลอดอายุ 
.. สีไม่เปลี่ยน กลิ่นไม่เปลี่ยน ไม่แยกชั้น
.. เนื้อสัมผัสคงเดิม



ติดต่อมาหาทีมงานเราได้เลย ยินดีให้บริการนะคะ
Email : innmanager.cdip@gmail.com
Tel : 0888097536
081 551 2889
Tel : 025647000 ต่อ 5229

https://www.facebook.com/CDIP-Innovation-1764599020419471/


หน้า: [1] 2 3 ... 6