ฟูแล่ม ตกเป็นข่าวพร้อมคว้า ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ มิดฟิลด์ เชลซี เสริมทัพ เพื่อลุ้นอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ หลัง "เจ้าสัวน้อย" กำลังวิกฤตอย่างหนัก ขณะที่แข้งฝรั่งเศสก็เหมือนเป็นเพียงส่วนเกินของ "สิงห์บลูส์" ไปแล้ว

"เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม สโมสรแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ตกเป็นข่าวว่าอาจเดินหน้าคว้าตัว ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ กองกลาง "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี มาร่วมทัพในรูปแบบการยืมตัวช่วงเปิดตลาดซื้อ-ขายนักเตะเดือนมกราคมนี้ เพื่อลุ้นอยู่รอดในลีกสูงสุดอังกฤษต่อไป จากการรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ฟูแล่ม ต้องประสบปัญหาอย่างหนัก หลังจากเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก โดยพวกเขาจมอยู่อันดับสุดท้ายของตารางในเวลานี้ และจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงทีมเป็นการด่วน และล่าสุดก็มีรายงานว่า "เจ้าสัวน้อย" มองถึงการคว้า บากาโยโก้ มาเสริมทัพ หลังจากนักเตะถูกปล่อยให้ เอซี มิลาน ยอดทีมแห่งอิตาลี ยืมตัวใช้งานในฤดูกาลนี้

ทั้งนี้เชื่อว่า มิลาน พร้อมที่จะปล่อย บากาโยโก้ กลับต้นสังกัดและ ฟูแล่ม ก็อาจใช้โอกาสนี้ยื่นข้อเสนอคว้าตัวนักเตะมาร่วมทีม หลังอดีตแข้ง อาแอส โมนาโก ต้องประสบปัญหามาตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ และการไปร่วมทีม "เจ้าสัวน้อย" ก็อาจจะเป็นโอกาสดีในการเรียกความมั่นใจกลับมาของสตาร์ทีมชาติฝรั่งเศส

สำหรับ บากาโยโก้ ทำผลงานได้ดีขึ้นมากในเกมล่าสุดที่ลงสนามช่วย มิลาน ฟาดแข้งกับ อูดิเนเซ่ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เครดิต : Siamsport
โปรโมชั่นสุดคุ้ม
สมัคร 300 ได้โบนัส 300
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Line : @asia1 หรือ http://bit.ly/2Oz6kMm

ยืนยันวันขาย iPhone XS, XS Max และ XR ในประเทศไทย 26 ตุลาคมนี้i99bet


ก่อนหน้านี้ Apple ได้เผยราคาและเปิดวันจอง iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ในประเทศไทยไปแล้ว ซึ่งก็คือวันที่ 19 ตุลาคมและเปิดให้จอง เวลา 14.01 น. ล่าสุด Apple ก็ได้เผยวันวางจำหน่ายออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ว่าจะวางขาย iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่น วันที่ 26 ตุลาคมนี้


โดย iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR จะเริ่มวางขายที่ Apple Online Store ประเทศไทยอย่างเป็นทางการโดยสามารถ เข้าไปสั่งซื้อได้ในเวลา 8.00 น. ของวันที่ 26 ตุลาคม พร้อมทั้งวางขายผ่านตัวแทนจำหน่ายด้วยi99bet


สำหรับใครที่สนใจนะครับสามารถสามารถสั่งพรีออเดอร์ได้ในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ หรือจะรอซื้ออย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ตุลาคมนี้เลยก็ได้ครับ

ที่มา Apple Newsroomi99bet

เปลี่ยนบรรยากาศให้ผ่อนคลายด้วยวิธี เพิ่มกลิ่นหอมในบ้าน แบบง่ายๆi99bet


นอกจากการตกแต่งบ้านที่สวยงาม บรรยากาศที่หอมสดชื่น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สมาชิกทุกคนในบ้านนั้น รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงไม่พลาดที่จะหยิบ 5 วิธีแบบง่ายๆ ช่วย เพิ่มกลิ่นหอมในบ้าน มาฝากเพื่อนๆ ทุกคนกัน


1.ทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูอย่างสม่ำเสมอ เปิดผ้าม่านให้แสงแดดส่องเข้ามา เพื่อช่วยลดกลิ่นอับ แถมยังช่วยให้บ้านของเรานั้นสะอาดอีกด้วย


2.ต้นไม้ฟอกอากาศ เช่น เดหลี เขียวหมื่นปี พลูด่าง ฯลฯ การหาต้นไม้มาปลูกในบ้าน นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นแล้ว ต้นไม้เหล่านี้ยังช่วยฟอกอากาศ และที่สำคัญยังเพิ่มกลิ่นหอมๆ ให้กับบ้านได้อีกด้วย

3.เลมอนและโรสแมรี่ วิธีก็ง่ายๆ แค่นำเลมอนและโรสแมรี่มาผสมลงในน้ำ พร้อมกลิ่นวนิลานิดหน่อย แล้วนำไปใส่ภาชนะ วางไว้ตามจุดต่างๆ ของบ้าน เท่านี้ก็ถือเป็นการเพิ่มความสดชื่นให้กับบ้านของเราได้ด้วยเช่นกันi99bet


4.ดอกไม้ หากที่บ้านไหนปลูกดอกไม้หอมๆ ไว้ในสวน ก็สามารถนำดอกไม้เหล่านั้นมาจัดใส่แจกันแล้ววางไว้ตามจุดต่างๆ ที่เหมาะสม นอกจากจะเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านแล้ว ยังเพิ่มความหอมได้อีกด้วย


5.มะนาว วิธีก็แค่นำเบกกิ้งโซดา 1/8 ถ้วย ผสมกับน้ำอุ่น 2 ถ้วย ตามด้วยน้ำมะนาว 1/2 ถ้วย จากนั้นคนให้เข้ากัน แล้วเทใส่ขวดฟ็อกกี้ เท่านี้ เพื่อนๆ ก็จะมีสเปรย์สูตรธรรมชาติไว้ใช้ แถมยังหอมสดชื่นอีกด้วย

หากเพื่อนๆ คนไหนอยากเพิ่มกลิ่นหอมสดชื่นให้กับบ้าน ก็อย่าลืมลองนำวิธีที่เราหยิบมาฝากกัน ไปลองปรับใช้กันดูนะคะ ถือเป็นการช่วยปรับเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านให้น่าผ่อนคลายยิ่งขึ้นi99bet

รีวิว OPPO F9 กับ 5 จุดเด่น ของเจ้าสมาร์ทโฟนสเปคแรง ในราคาหมื่นต้นๆi99bet


ไม่รู้ OPPO คึกอะไร ออกรุ่นใหม่ๆ เจ๋งๆ มาให้เรากระเป๋าสั่นแบบไม่หยุดหย่อนเลยทีเดียว คราวนี้เป็นคิวของเจ้า OPPO F9 สมาร์ทโฟนสเปคสูง ในราคาหมื่นต้นๆ ที่ล่าสุดใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง ทำยอดขายแซง OPPO F7 ไปแล้ว! หลายคนน่าจะเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้าเครื่องนี้พิเศษยังไง แล้วทำไมกระแสถึงแรงไม่หยุดอย่างนี้ เราจึงมา รีวิว OPPO F9 พร้อมคัด 5 ทีเด็ดที่จะคลายทุกความสงสัยต่อเจ้าเครื่องนี้มาให้ดูกัน

1. ดีไซน์ Water Drop Screen

เรื่องดีไซน์ OPPO ไม่แพ้ใครแน่นอน โดย OPPO F9 มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอ 19.5 : 9 และพื้นที่หน้าจอ 90.8% จึงทำให้ขอบข้างหน้าจอทั้งซ้ายและขวาบางจนเหลือแค่ 1.7 มม. เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหยดน้ำธรรมชาติ ตัวขอบเครื่องและฝาหลังพ่นสีแบบไล่เฉด จึงทำให้ฝาหลังมีมิติ ดูโดดเด่น สวยงาม โดยเฉพาะตอนกระทบกับแสงไฟ ซึ่งมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีแดง (Sunrise Red) สีน้ำเงิน (Twilight Blue) และสีม่วง (Starry Purple)


2. VOOC Flash Charge

และจุดเด่นที่เราภูมิใจนำเสนอนั่นคือ VOOC Flash Charge ที่ชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถคุยได้ถึง 2 ชั่วโมง ด้วยแรงดันไฟฟ้าต่ำแต่รองรับกำลังไฟฟ้าสูงซึ่งพัฒนาเฉพาะ OPPO เท่านั้น ซึ่งจะแปลงกำลังไฟ 20W ให้ชาร์จเร็วกว่าปกติถึง 4 เท่า ชาร์จเร็วจนตกใจ แค่ 5 นาที ขึ้นมา 9% ของเขาแรงจริงๆ ที่สำคัญสามารถชาร์จไปด้วยเล่นเกมไปด้วยได้ เครื่องไม่ร้อนการันตีความปลอดภัยตั้งแต่ตัวอะแดปเตอร์ไปจนถึงช่องเสียบชาร์จแบตเตอรี่


3. กล้องดี Selfie Experti99bet

รีวิว OPPO F9 ทั้งที ไม่พูดถึงเรื่องกล้องเห็นจะไม่ได้ โดยเฉพาะกล้องหน้าที่มีความละเอียด 25 MP มีทั้ง Sensor HDR / AI Beauty 2.1 / Super Vivid Mode เพื่อความงามสำหรับสาวๆ  เหมาะสุดๆ สำหรับภาพเซลฟี่ โดยเฉพาะเทคโนโลยีเซนเซอร์ HDR ที่ช่วยปรับแสงภาพเซลฟี่ให้ออกมาชัดเจนกว่าแม้จะถ่ายในสภาวะแสงน้อยหรือแสงจ้า ทำให้ภาพเซลฟี่มีรายละเอียดครบถ้วนเหมือนที่ตาเห็น


ขณะที่กล้องหลังมาเป็นคู่ 16+2 MP พร้อมกับระบบกันสั่น EIS (Electronic image stabilization) และโหมด Artistic portrait mode ที่ศูนย์วิจัย OPPO ได้คิดค้นและทดสอบเทคนิคแสง 3D lighting สำหรับการถ่ายภาพบุคคล โดยใช้อัลกอริทึมในการประมวลผลใบหน้าและแสงไฟเพื่อให้ภาพถ่ายบุคคลออกมาสมบูรณ์แบบเหมือนอยู่ในสตูดิโอ โดยแสงมีทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ Natural light / Rim light / Tone light / Film light / Bi-color light

4. Game Space, Smart Bar

OPPO F9 สามารถเล่นเกมที่มี Graphic สูงได้แบบชิลล์ๆ แถมยังมีโหมด Game Space คอยรีดเร้นศักยภาพของเครื่องเพื่อมาซัพพอร์ตการเล่นเกมโดยเฉพาะ และ Smart Bar ที่หน้าจอจะไม่ตัดเมื่อมีสายเข้าระหว่างเล่นเกมด้วย สามารถโทรคุยไปด้วยเล่นเกมไปด้วยได้ แถมยังเล่นเกมได้ยาวๆ


5. Ram 6 GB ROM 64 GB ราคาแค่หมื่นต้นๆi99bet

ตอนเห็นสเปค RAM 6 GB / Rom 64GB / CPU Octa-core ความเร็ว 2.0 GHz ครั้งแรก เดาราคาไว้เกิน 2 หมื่นแน่ๆ แต่พอ OPPO เปิดราคามาที่ 10,990 บาท ช็อคเลย เพราะถูกมากถ้าเทียบกับศักยภาพที่ได้ทั้งหมด  สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเจ้าเครื่องนี้เป็น สมาร์ทโฟนสเปคสูง ที่คุ้มราคาสุดๆ

นี่เป็นแค่ 5 ข้อที่เราเลือกมาให้พิจารณา แต่อย่าเพิ่งเชื่อเราจนกว่าจะได้ลองจับ OPPO F9 เครื่องจริง รับรองว่าจะติดใจแน่นอน เพราะมีฟังก์ชั่นเด็ดๆ ให้เล่นอีกเพียบ ว่าแล้วลองไปสัมผัสกันได้ที่ OPPO Brand Shop และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ กันได้เลย

ออกแบบการใช้งานภายในบ้านให้เหมาะสม ช่วยทำให้บ้านเย็นได้i99bet


บ้านจะมีขนาดใหญ่หรือเล็กก็ตาม ความสำคัญไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาด แต่ขึ้นอยู่กับความสบายในการอยู่อาศัย อยู่อย่างไรถึงจะสบาย ปัจจุบันเราๆ ก็รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิความร้อนที่นับวันจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงด้วย ใครจะไปคิดว่าเราจะสามารถดำรงชีพอยู่ได้ที่อุณหภูมิสูงเกินกว่า 40 องศา อากาศที่ร้อนเช่นนี้เพียงลมเบาๆ พัดผ่านตัวเราก็คงจะสามารถช่วยให้รู้สึกสบายได้ทันตา ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าอากาศจะเย็นแต่ถ้าไม่มีลมพัดเราก็อาจจะรู้สึกไม่สบายตัวได้ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไม “บ้านเย็น” จึงต้องมีลมอ่อน ๆ เพราะนอกจากจะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบายได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยลดความร้อนสะสมภายในบ้านได้อีกด้วย

ปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึงในการออกแบบบ้านที่อยู่อาศัย นอกจากเรื่องที่ตั้ง ทิศทางของบ้าน มุมมอง องศา ฯลฯ แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ช่องระบายลม นอกจากเราจะกำหนดตำแหน่งประตู หน้าต่าง ให้เหมาะสม สามารถควบคุมทิศทางลมได้แล้ว ช่องลมอื่นๆ ยังเป็นสิ่งที่สามารถนำมาประยุกต์ไม่ใช่แค่เพื่อการประหยัดไฟฟ้าที่หมดไปกับเครื่องปรับอากาศเท่านั้น แต่ยังช่วยให้บ้านกลายเป็นบ้านอนุรักษ์พลังงานในทางอื่นได้อีกด้วย


บ้านหลังนี้เป็นบ้านขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้สอย 57 ตารางเมตร เหมาะกับขนาดที่ดิน 33 ตารางวา ขึ้นไป เหมาะกับครอบครัวใหม่หรือบ้านหลังแรก ซึ่งประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ห้องรับแขก และห้องรับประทานอาหาร มีครัวปรุง pantry เล็กๆ การจัดวางฟังก์ชั่นภายในไม่ซับซ้อน บ้านหลังนี้เรากำหนดสไตล์ให้อยู่กึ่งกลางระหว่าง Contemporary แบบร่วมสมัยที่เป็นพิมพ์นิยม แต่ก็ยังไม่ทิ้งสไตล์ Modern โดยเลือกตัดทอนรายละเอียดบางอย่างแบบตรงไปตรงมาเพื่อให้ตอบโจทย์ ประโยชน์ใช้สอยอย่างแท้จริง เรียกว่า “เอาเท่าที่จำเป็น”

ดังนั้นด้วยความต้องการที่น้อย เราจึงกำหนดการจัดวางห้องแต่ละห้องแบบไม่ซับช้อน เรากำหนดให้พื้นที่สาธารณะอยู่ส่วนหน้า เข้าถึงได้ง่ายทั้งหมด และกำหนดพื้นที่ส่วนตัวให้อยู่ช่วงลึกเข้าไปด้านหลัง เราวางคอนเซ็ปต์ให้ห้องทุกห้องต้องมีช่องเปิดสู่ภายนอกได้ทั้งหมด ไม่ให้มีมุมอับภายในบ้านi99bet

นอกจากลมที่เราต้องการแล้ว “แสง” ธรรมชาติก็เป็นสิ่งจำเป็นที่เราละทิ้งไม่ได้ บ้านหลังนี้นอกจากเรากำหนดตำแหน่งของช่องประตู หน้าต่าง เพื่อคุมทิศทางลมแล้ว หลังคาก็เป็นอีกส่วนของบ้านที่สำคัญในการรับความร้อนโดยตรง และเพื่อลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน นอกจากเราได้กำหนดให้ติดฉนวนกันความร้อน stay cool ในทุกหลังแล้ว บ้านหลังนี้เรายังเลือกการสร้างช่องระบายลมใต้หลังคาอีกด้วย เพื่อระบายอุณหภูมิความร้อนสะสมใต้หลังคาให้ได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัยลมธรรมชาติ เพราะโดยปกติเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าอากาศที่ร้อนจะลอยตัวขึ้นสูง

ดังนั้นหากเรากำหนดทิศทางลมเข้าที่ดี ลมเย็นก็จะเข้าไปทดแทนและผลักดันอากาศที่ร้อนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน บ้านหลังนี้จึงสามารถอยู่ในสภาวะสบายได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศเลย

ที่มา นิตยสาร บ้านสุขใจi99bet

7 จุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี ที่เกาหลี ถ่ายรูปลง IG ได้รัวๆi99bet

ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือ ฤดูใบไม้ร่วง ถือเป็นช่วงเวลาที่แสนโรแมนติก เพราะต้นไม้จะพากันผลัดใบ เปลี่ยนเป็นโทนสีส้ม แดง เหลือง ดูสดใส ให้เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศฟินๆ แบบที่มีแค่ปีละครั้งเท่านั้นเอง

ตามปกติ ใบไม้เปลี่ยนสี ที่เกาหลี จะอยู่ในช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน แล้วแต่สภาพอากาศค่ะ ซึ่งวันนี้เราก็มีพิกัดชมใบไม้เปลี่ยนสีและจุดถ่ายรูปยอดฮิตมาฝากกัน รับรองว่าได้รูปสวยๆ ปังๆ ไว้อัพลงไอจีรัวๆ

ถ้าพูดถึงที่เที่ยว ใบไม้เปลี่ยนสี ที่เกาหลี หนึ่งในจุดชมวิวและถ่ายรูปที่งดงามที่สุดก็คือที่ อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน ในเมืองซกโช จังหวัดคังวอนโด ทางฝั่งตะวันออกของเกาหลี ที่นี่สวยงามด้วยวิวทิวทัศน์ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ตามฉายาที่ได้รับว่า สวิตเซอร์แลนด์เกาหลี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง บรรดาต้นไม้และต้นเมเปิ้ลต่างๆ ที่อยู่รอบอุทยานก็จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม แดง เหลือง แจกความสดใสและสวยงามสลับกันทั่วทั้งภูเขา
ส่วนใหญ่ชาวเกาหลีจะนิยมมาท่องเที่ยวและปีนเขากันค่ะ แต่สำหรับใครที่มีเวลาไม่มากก็สามารถโดยสารเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาได้ ใครอยากไปรับลมเย็นๆ บนยอดเขา พร้อมชมทิวทัศน์ของขุนเขาแบบ 360 องศา เก็บภาพความประทับใจสวยๆ กับคนที่คุณรักไปด้วย ขอแนะนำเลยค่า

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 3,500 วอน / เด็ก (อายุ 14-19 ปี) 1,000 วอน / เด็ก (อายุ 8-13 ปี) 500 วอน
เคเบิ้ลคาร์: Round Trip ผู้ใหญ่ 10,000 วอน / เด็ก (อายุต่ำกว่า 14 ปี) 6,000 วอน
เวลาทำการ: 09.00 – 18.00 น.
การเดินทาง: ขึ้นรถบัสที่สถานี Dong Seoul Bus Terminal (รถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว ลงสถานี Gangbyeon) ไปลงยังสถานี Sokcho Intercity Bus Terminal แล้วโดยสารรถเมล์สาย 7 หรือ 7-1 ลงที่ป้ายสุดท้าย Seoraksan Sogongwon

อีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้กรุงโซล ที่เราสามารถไปชมใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามได้นั่นก็คือที่ อุทยานแห่งชาติบุคฮันซาน ภูเขาหินแกรนิตขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของกรุงโซล ที่โอบล้อมด้วยพรรณไม้ต่างๆ กว่า 1,300 ชนิด และเป็นสถานที่เก่าแก่ที่เป็นที่ตั้งของวัดและป้อมปราการตั้งแต่สมัยอาณาจักรชิลลา
ที่นี่เป็นนิยมมากๆ ในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินป่า ปีนเขา ชมธรรมชาติ เนื่องจากมีหลากหลายเส้นทางและหลายยอดเขาให้เลือกท้าทายความสามารถกัน ซึ่งนอกจากจะได้ชมทิวทัศน์ภาพใบไม้เปลี่ยนสีสันสดใสปกคลุมภูเขาทั้งลูกแล้ว จากจุดชมวิวบนยอดเขายังสามารถมองเห็นกรุงโซลและแม่น้ำฮันได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ใครชอบปีนเขา ชอบเที่ยวชมธรรมชาติสวยๆ จดไว้ในลิสต์เลยค่ะ!

เวลาทำการ: 09.00 – 15.00 น.
การเดินทาง:
Bukhansan National Park – นั่งรถไฟใต้ดินสาย 4 มาลงที่สถานี Gireum Station ทางออก 3 แล้วโดยสารรถเมล์สาย 110B หรือ 143 ลงที่ป้ายสุดท้าย
ป้อมปราการ Bukhansanseong Fortress – นั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 มาลงที่สถานี Gupabal Station ทางออก 1 แล้วโดยสารรถเมล์สาย 704 (Bukhansanseong Fortress) แล้วลงที่ป้ายหน้าทางเข้า Bukhansan Mountain

มาถึงจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสำหรับคู่รักที่มา ทัวร์เกาหลี ต้อง-ห้าม-พลาด!! นั่นก็คือ เกาะนามิ อันแสนโด่งดังจากซีรี่ย์เรื่อง Winter Love Song เป็นเกาะเล็กๆ รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว อยู่ห่างจากกรุงโซลเพียง 60 นาที แต่สวยงามเลอค่าเหมาะแก่การมาแชะภาพคู่กันเป็นที่สุด โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ต้นแปะก๊วยที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามทางเดินก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด บรรดาต้นเมเปิ้ลต่างๆ ก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มและแดง กระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ ไม่ว่าจะเดินเล่น ถ่ายรูป ขี่จักรยาน หรือแค่นั่งปิกนิกใต้ต้นไม้กับครอบครัวก็ฟินสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย Gyeongchun มาลงที่สถานี Gapyeong แล้วต่อรถบัสที่ด้านหน้าสถานีรถไฟ หรือแท็กซี่ไปท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากตามตารางเวลาดังนี้
07.30 – 09.00 น. (ทุกๆ 30 นาที)
09.00 – 18.00 น. (ทุกๆ 10-20 นาที)
18.00 – 21.40 น. (ทุกๆ 30 นาที)
*ตารางเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงช่วงเทศกาล

i99bet
ถ้าพูดถึงจุดชมวิวและถ่ายรูปช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ตอนนี้ที่กำลังฮิตสุดๆ นั่นก็คือ สะพานแขวนมาจังโฮซู แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองพาจู ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม 2018 ที่ผ่านมานี้เอง นอกจากจะเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในเกาหลี แล้ว ภายในพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตรของทะเลสาบมาจัง ก็ยังทำการรีโนเวทเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในรูปแบบ Outro Theme Park ซึ่งประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางปีนเขา พื้นที่แคมปิ้ง กิจกรรมทางน้ำต่างๆ หอดูดาว คาเฟ่และร้านอาหารมากมาย เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ใครมาเกาหลีต้องห้ามพลาดเลยค่ะ เพราะบรรยากาศดีสุดๆ

ใครอยากมีรูปสวยๆ สวมชุดฮันบกอยู่ท่ามกลางใบไม้แดง ในบรรยากาศสุดคลาสสิกประหนึ่งเป็นองค์หญิงในวังหลวง มาเที่ยว เกาหลี ฤดูนี้ต้องมาที่ พระราชวังเคียงบกกุง นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์เกาหลีที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแล้ว ในช่วงนี้จะมีความงดงามมากเป็นพิเศษ เพราะมีสีสันของบรรดาต้นแปะก๊วย ต้นเมเปิ้ล มาช่วยแต่งแต้มให้พระราชวังหลวงแห่งนี้ดูมีเสน่ห์และน่าเยี่ยมชมมากขึ้น จะมาเดินเล่นชิลๆ หรือจะ เช่าชุดฮันบกในเกาหลี แวะถ่ายรูปตรงจุดไหนก็ฟิน

เวลาทำการ: 09.00 – 17.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา 16.00 น.) / ปิดทำการทุกวันอังคาร
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 3,000 วอน / เด็ก (7-18 ปี) 1,500 วอน / เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าชมฟรี
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 มาลงที่สถานี Gyeongbokgung ทางออก 5

พระราชวังชางด็อกกุง อีกหนึ่งจุดถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสียอดฮิตในโซลที่ใครมา ทัวร์เกาหลี ไม่ควรพลาด ที่นี่เคยเป็นพระราชวังหลวงแห่งที่สองที่ได้รับการดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1997 บรรยากาศรอบๆ มีความงดงาม คลาสสิก และค่อนข้างเงียบสงบ รายล้อมไปด้วยสีสันสดใสของต้นไม้ต่างๆ ที่กำลังผลัดใบเปลี่ยนสี โดยเฉพาะภายใน สวนฮูวอน หรือที่เรียกกันว่าสวนลับ ทางเดินอาจจะชันหน่อย แต่ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็ดีงาม แถมได้ฟีลเหมือนเข้าไปอยู่ในละครย้อนยุคอีกต่างหาก ถ้ายิ่งสวมชุดฮันบกสวยๆ เข้าไปเก็บภาพประทับใจกันด้วยนะ 10 10 10 ไปเลยจ้า!!
เวลาทำการ: 09.00 – 17.30 น. / ปิดทำการทุกวันจันทร์
ค่าเข้าชม: พระราชวัง 3,000 วอน / สวนฮูวอน 5,000 วอน
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 มาลงที่สถานี Anguk ทางออก 3 แล้วเดินตรงมาอีกประมาณ 300 เมตร

ปิดท้ายกันที่ มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของเกาหลี และยังเป็นจุดถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสียอดฮิตในกรุงโซลอีกด้วย ทั้งสถาปัตยกรรมอลังการล้อมด้วยทิวทัศน์สวยๆ ผสมกับสีสันสดใสของต้นแปะก๊วยและต้นเมเปิ้ลที่อยู่รอบๆ ยิ่งทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ต้องห้ามพลาดเลยทีเดียว
เวลาทำการ: 10.00 – 17.00 น.
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 มาลงที่สถานี Ewha Woman’s University ทางออก 2 หรือ 3

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : mushroomtraveli99bet