สวัสดี บุคคลทั่วไป

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - jobthaid

หน้า: [1] 2 3 4
1
10 วิธีลดพุง บอกลาหน้าท้องยื่น เพื่อรูปร่างเพรียว

1. เลิกดื่มน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
แม้ว่าการเครื่องดื่มอย่างน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ที่มีน้ำตาลสูง จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น มีเรี่ยวแรงมากขึ้น แต่ก็อย่าลืมว่าน้ำตาลในเครื่องดื่มเป็นศัตรูของการลดน้ำหนักอย่างแท้จริง ซึ่งการบริโภคน้ำตาลมากๆ จะทำให้อ้วน อีกทั้งยังจะทำให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสมที่บริเวณหน้าท้องและตับด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ หันมาดื่มน้ำเปล่าจะดีที่สุด

2. รับประทานโปรตีนให้มากขึ้น
โปรตีนถือเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการลดน้ำหนัก โดยการรับประทานโปรตีนมากขึ้น จะช่วยลดความหิวลงได้ถึง 60% และกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายได้ถึงวันละ 80-100 แคลอรี่ มีการศึกษาพบว่าการรับประทานโปรตีนอย่างเพียงพอ จะช่วยลดการเกิดไขมันที่บริเวณหน้าท้อง ซึ่งถ้าหากอยากลดพุง ลดไขมันหน้าท้อง ก็ควรหันมาเลือกรับประทานอาหารที่มีโปรตีนให้มากขึ้น จะช่วยให้อิ่มนานขึ้นได้อย่างแน่นอน

3. ลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตถือเป็นอีกสารอาหารหนึ่งที่สำคัญต่อร่างกาย แต่ก็มีการศึกษาพบว่าการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงในแต่ละมื้ออาหารที่รับประทาน สามารถช่วยลดไขมันที่หน้าท้องรอบอวัยวะต่างๆ หรือไขมันในตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อการลดน้ำหนัก ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานชนิดที่สอง เลยขอแนะนำว่าถ้าอยากจะมีหุ่นดีก็ลดคาร์บลงสักหน่อยดีกว่านะ

4. รับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์
โปรไบโอติกส์ ถือเป็นแบคทีเรียชนิดที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น นอกจากแบคทีเรียชนิดที่ดีเหล่านี้ยังช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดี รูปร่างที่ผอมเพรียว ควรรับประทานอาหารที่โปรไบโอติกส์เพิ่มด้วย โดยอาหารที่มีเจ้าแบคทีเรียชนิดนี้ ได้แก่ โยเกิร์ตและกิมจิ เป็นต้น

5. หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์
ไขมันมีหลากหลายชนิด แต่ไขมันที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้เกิดไขมันส่วนเกินในร่างกายมากที่สุด คือ ไขมันทรานส์ โดยมีการศึกษาบางส่วนพบว่า การรับประทานอาหารที่มีไขมันทรานส์ จะยิ่งทำให้เกิดไขมันสะสมที่หน้าท้อง อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและอันตรายต่างๆ เช่น โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น ถ้าไม่อยากป่วยและอยากกลับมาหุ่นดี ควรเลี่ยงไขมันทรานส์ด่วนเลย!




6. รับประทานอาหารไฟเบอร์สูงให้มากขึ้น
นอกจากไฟเบอร์ในอาหารจะมีส่วนในการกระตุ้นระบบขับถ่ายแล้ว ยังส่งผลดีต่อการลดน้ำหนัก อีกทั้งช่วยลดไขมันที่หน้าท้อง ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังอื่นๆ โดยมีการศึกษาพบว่าไฟเบอร์ในอาหารบางชนิด มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ ทำให้ร่างกายนำเอาไขมันส่วนเกินมาใช้เป็นพลังงานมากขึ้น

7. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากการปรับเปลี่ยนอาหาร อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยบอกลาไขมันส่วนเกินที่หน้าท้องคือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี จะช่วยให้ร่างกายนำไขมันส่วนเกินออกมาเผาผลาญเป็นพลังงานได้มากขึ้น ทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการออกกำลังกายยังช่วยลดกระบวนการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ความเสี่ยงปัญหาสุขภาพเรื้อรังลดลง ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดี

8. หลีกเลี่ยงความเครียด
ความเครียดมักนำพาความอ้วนมาโดยไม่รู้ตัว นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเราเครียด ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียด ทำให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้น เมื่อรู้สึกเครียดควรหากิจกรรมที่ผ่อนคลายความเครียดลง เช่น ฟังเพลง ทำสมาธิ อ่านหนังสือ หรือแม้แต่การนอนหลับพักผ่อน จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แต่อย่ารับประทานเพื่อคลายเครียด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีทางผอมแน่นอน

9. นอนหลับให้เพียงพอ
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเราอ้วนขึ้นได้คือ การนอนหลับไม่เพียงพอ เพราะการนอนหลับที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายคือต่ำกว่า 7 ชั่วโมงขึ้นไป จะทำให้มีแนวโน้มอ้วนขึ้น นั่นก็แปลว่าโอกาสที่จะมีพุงก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ถ้าไม่อยากให้สุขภาพเสีย น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7-9 ชั่วโมง

10. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่หน้าท้อง การดื่มมากเกินไปจะยิ่งทำให้ไขมันสะสมมากขึ้น แถมยังส่งผลเสียต่อสุขภาพนานับประการ จึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือถ้าเลิกดื่มไปเลย ก็จะดีต่อสุขภาพในระยะยาวและรูปร่างที่สวยงาม



วิธีลดพุง ลดน้ำหนัก ลดน้ำหนัก อาหารลดความอ้วน ลดหน้าท้อง 
ต้อง ชาอินาคา  (ทิพโอสถจากลูกหลานพญานาค) ของแท้

ชาสมุนไพรชาดาวอินคา บรรจุ30ซอง ลดน้ำหนัก ผลิตจากเปลือกดาวอินคา ปลอดภัย จากธรรมชาติ สูตรเข้มข้น ออแกนิก 100%
ลดหน้าท้อง มีปัญหาลดยาก ดื้อยา อ้วนหลังคลอด เห็นผลจริง
ชมรีวิวและสั่งซื้อที่ https://www.facebook.com/investment55
ขอสูตรลดความอ้วนฟรีที่ https://line.me/R/ti/p/@225wpquq
รายละเอียด  www.อยากลดพุง.com
โทรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ  095-6718742

- สำหรับคนดื้อยา ลดยาก อ้วนกรรมพันธุ์
- แก้อาการขับถ่ายยาก ท้องผูก
- ลดไขมันสะสมหน้าทอง
- ลดพุงหนา ขาเบียด
- ลดหญิงอ้วนหลังคลอด
- ลดเบาหวาน ความดัน
- ลดอาการปวดหัวไมเกรน 
- ช่วยให้หลับง่าย
- ลดอาการปวดจำเดือน
ผลิตจากเปลือกชาดาวอินคา ปลูกแบบธรรมชาติ มีโอเมก้า 3,6,9 บำรุงประสาทและสมอง และวิตามิน A,E, Magnesium

วิธีรับประทาน
แช่ซองชา 1ซอง 2-3 นาที ในน้ำร้อน หากต้องการความเข้มข้นใส่ชา 2 ซองเพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณ 
สามารถดื่มได้ตามความต้องการ วันละ 3-5 แก้ว


#ชาดาวอินคา #ชาอินาคา #ลดเบาหวาน #ลดความดัน #ไขมันสะสม #ลดการปวดประจำเดือน #สมุนไพรลดความอ้วน  #ชาผอม  #ชาลดพุง

2
7 วิธีลดน้ำหนักง่ายๆ อยากผอมแต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ได้ผลเร็ว ไม่เสียสุขภาพ
ยุคโควิดแบบนี้ นอกจากจะต้องทำงานที่บ้าน และอยู่หน้าคอมทั้งวันแล้ว ก็ทำให้มีโอกาสออกกำลังกายน้อยลง เกิดความเสี่ยงทำให้น้ำหนักขึ้น เราจึงมีวิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้หุ่นดีขึ้นได้โดยไม่ต้องออกกำลังกายถึง 7 วิธีตามนี้เลย

1. ลดความหวาน
อาหารคาว หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ล้วนแต่มีน้ำตาลแฝงอยู่เป็นจำนวนมาก แนะนำให้ระมัดระวังในการทานอาหารทุกมื้อ ชิมก่อนปรุง หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน และเปลี่ยนเครื่องดื่มเป็นแบบหวานน้อย เช่น สั่งเครื่องดื่มแบบลดความหวาน แนะนำให้ค่อย ๆ ลดปริมาณน้ำตาลลงทีละน้อย ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัวให้ชิน และทานหวานน้อยลงได้ในที่สุด โดยในแต่ละวันร่างกายควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม

2. ลดอาหารประเภทมันหรือทอด
การกินไขมันมากเกินไปก็จะเกิดผลเสียกับสุขภาพได้ อาหารผัดต่าง ๆ ที่เห็นตามร้านข้าวแกงล้วนมีปริมาณไขมันที่สูง ส่วนอาหารทอดนั้นเป็นวิธีการทำอาหารที่ใช้น้ำมันปริมาณเยอะ เราจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้ และเปลี่ยนเป็นกินอาหารแบบต้ม ตุ๋น นึ่งแทน นอกจากนี้การลดอาหารประเภททอดหรือมีไขมันสูง ยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น โรคความดัน โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น รวมถึงเป็นการควบคุมน้ำหนักที่ดีอีกด้วย

3. จดบันทึกสิ่งที่กินเพื่อควบคุมปริมาณอาหาร
เพราะการกินจุกจิกทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเกินความจำเป็น จึงควรจดบันทึกสิ่งที่เรากิน ไม่ว่าจะเป็นการจดใส่สมุด ใส่โน้ตในมือถือ หรือถ่ายรูปก็ได้ นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ช่วยบันทึกการกินของเราในแต่ละวัน และสามารถคำนวนหน่วยแคลอรีในอาหารแต่ละอย่างที่เราทาน เพื่อให้เราทราบปริมาณการทานอาหารแต่ละวันว่ากินไปกี่แคลอรี




4. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้ระบบในร่างกายทำงานดีขึ้นแล้ว ก็ยังช่วยให้เราไม่รู้สึกโหยหิวมากเกินไปด้วย แต่ถ้าเป็นน้ำหวาน อาจจะทำให้อ้วนกว่าเดิมก็เป็นได้ เพราะในน้ำหวานมีปริมาณน้ำตาลที่มาก แต่ถ้าต้องการความสดชื่นจริง ๆ อาจจะหาเป็นเครื่องดื่มที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรือเครื่องดื่มที่ระบุว่าปริมาณน้ำตาล 0 กรัม ก็จะดื่มได้อย่างสดชื่นและหมดห่วงเรื่องปริมาณน้ำตาลอีกด้วย

5. เพิ่มปริมาณผักผลไม้ในทุก ๆ มื้อ
ไม่เพียงแต่ผักผลไม้จะมีแคลอรีต่ำ มีวิตามินและแร่ธาตุสูง แถมช่วยทำให้อิ่มได้เร็วขึ้นแล้ว การกินผักผลไม้ก็ยังเพิ่มใยอาหาร หรือไฟเบอร์ในร่างกาย ซึ่งมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดอาการท้องผูก และช่วยให้ระบบการย่อยอาหารเป็นไปตามปกติ แนะนำให้กินผักมื้อละ 2 ทัพพี และผลไม้ 1-2 ส่วน โดยเลือกผักผลไม้ให้ครบ 5 สีเพื่อได้สารอาหารที่หลากหลาย

6.พักผ่อนให้เพียงพอ
นอกจากจะทำให้ร่างกายสดชื่น หน้าตาผ่องใสแล้ว การนอนหลับอย่างเพียงพอยังช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาล และควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น การนอนหลับไม่เพียงพอยังส่งผลให้ร่างกายลดปริมาณฮอร์โมนต่าง ๆ เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ ฮอร์โมนเพศ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหาร ส่งผลให้ผู้ที่นอนน้อยรู้สึกหิวบ่อยกว่าปกติ และมีแนวโน้มเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูงมากขึ้นอีกด้วย

7.ทำอาหารเอง
เพราะการกินอาหารจากร้าน เราไม่สามารถจำกัดปริมาณส่วนผสมที่ใส่ลงไปได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน น้ำตาล หรือโซเดียม ที่ล้วนเป็นสิ่งที่ทำลายหุ่นของเราโดยไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน ถ้าหากเราสามารถทำอาหารเองได้ก็จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และมีปริมาณไขมันต่ำได้ เช่น จากเนื้อไก่ติดมันเป็นเนื้ออกไก่ลอกหนัง ลดปริมาณน้ำมันและเครื่องปรุงต่าง ๆ เป็นต้น



วิธีลดพุง ลดน้ำหนัก ลดน้ำหนัก อาหารลดความอ้วน ลดหน้าท้อง 
ต้อง ชาอินาคา  (ทิพโอสถจากลูกหลานพญานาค) ของแท้

ชาสมุนไพรชาดาวอินคา บรรจุ30ซอง ลดน้ำหนัก ผลิตจากเปลือกดาวอินคา ปลอดภัย จากธรรมชาติ สูตรเข้มข้น ออแกนิก 100%
ลดหน้าท้อง มีปัญหาลดยาก ดื้อยา อ้วนหลังคลอด เห็นผลจริง
ชมรีวิวและสั่งซื้อที่ https://www.facebook.com/investment55
ขอสูตรลดความอ้วนฟรีที่ https://line.me/R/ti/p/@225wpquq
รายละเอียด  www.อยากลดพุง.com
โทรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ  095-6718742

- สำหรับคนดื้อยา ลดยาก อ้วนกรรมพันธุ์
- แก้อาการขับถ่ายยาก ท้องผูก
- ลดไขมันสะสมหน้าทอง
- ลดพุงหนา ขาเบียด
- ลดหญิงอ้วนหลังคลอด
- ลดเบาหวาน ความดัน
- ลดอาการปวดหัวไมเกรน 
- ช่วยให้หลับง่าย
- ลดอาการปวดจำเดือน
ผลิตจากเปลือกชาดาวอินคา ปลูกแบบธรรมชาติ มีโอเมก้า 3,6,9 บำรุงประสาทและสมอง และวิตามิน A,E, Magnesium

วิธีรับประทาน
แช่ซองชา 1ซอง 2-3 นาที ในน้ำร้อน หากต้องการความเข้มข้นใส่ชา 2 ซองเพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณ 
สามารถดื่มได้ตามความต้องการ วันละ 3-5 แก้ว


#ชาดาวอินคา #ชาอินาคา #ลดเบาหวาน #ลดความดัน #ไขมันสะสม #ลดการปวดประจำเดือน #สมุนไพรลดความอ้วน  #ชาผอม  #ชาลดพุง

3
วิธีลดความอ้วน 20 กิโลภายใน 3 เดือน ตั้งใจทำได้แน่นอน!

1. หันไปบริโภคอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน
การกินอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนเพื่อลดน้ำหนัก อ้างอิงมาจาก Prevention ที่ระบุเนื้อหาสำคัญไว้ว่า การกินอาหารสไตล์ดังกล่าวเป็นแหล่งรวมของไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ถั่ว ปลา ผัก ผลไม้ และธัญพืชต่าง ๆ นอกจากนี้คุณยังสามารถกินชีสหรือไวน์แดงได้ในปริมาณพอเหมาะ และจำกัดการกินเนื้อสัตว์อื่น ๆ ให้เหลือเพียงเดือนละ 1 – 2 ครั้งเท่านั้น จากการศึกษาพบว่าการกินอาหารสไตล์นี้ช่วยลดน้ำหนักได้มากถึง 5 – 10% ของน้ำหนักตัวเลยทีเดียว

2. Intermittent Fasting (IF)
ลดน้ำหนักแบบ IF เป็นการถือศีลอดหรือจำกัดเวลากินให้กับร่างกาย ส่วนใหญ่นิยมวิธีกิน 8 ชั่วโมง และอด 16 ชั่วโมง แต่หากใครต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ให้เลือกทำ IF แบบ 23/1 คือกิน 1 ชั่วโมง และอดอาหาร 23 ชั่วโมง วิธีนี้ช่วยให้น้ำหนักลดลงได้จริง เพราะการอดอาหารเป็นระยะ ๆ กินเฉพาะเวลาที่จำเป็น ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ (อ้างอิง Johns Hopkins)

ผู้หญิงใส่กางเกงไม่ได้
วิธีลดน้ำหนักเร่งด่วน 3 เดือน 20 กิโลกรัม



3. ออกกำลังกายให้หนักขึ้น
การออกกำลังกายหนัก เป็นกิจกรรมที่ช่วยดึงพลังงานไขมันส่วนเกินออมาใช้ อยู่ในสภาวะที่หัวใจมีอัตราการเต้นอยู่ที่ 130 – 150 ครั้งต่อนาที ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 15 – 45 นาที (หรือมากกว่านั้น) ที่สำคัญจำเป็นต้องเลือกวิธีการออกกำลังกายลดความอ้วนให้เหมาะกับร่างกาย อายุ เพศ และความต้องการในการลดน้ำหนัก ปรับเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายสลับกันไป จะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็ว และแนะนำสำหรับคนที่ต้องการรีดน้ำหนักให้ออกเป็นประจำ 3 – 5 วันต่อสัปดาห์ (อ้างอิง Cigna)

4. หลีกเลี่ยงของหวานให้ได้มากที่สุด
แม้ว่าเครื่องดื่มหวานชื่นใจจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น แต่เครื่องดื่มเหล่านี้เป็นแหล่งสะสมของน้ำตาลที่เป็นศัตรูต่อการลดน้ำหนัก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นน้ำหวาน น้ำอัดลม เครื่องดื่มเกลือแร่ หากเป็นไปได้ให้งดเด็ดขาดไปเลยยิ่งดี เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวเข้ามาเพิ่มแคลอรี่ในแต่ละวันแบบเปล่าประโยชน์ แถมยังไม่ช่วยให้อิ่มท้องอีกด้วย ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ดีที่สุด

5. เพิ่มเวลาเคี้ยวอาหาร
การเคี้ยวอาหารให้ช้าลงช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเรื่องนี้อ้างอิงมาจากผลการศึกษา healthline ที่ระบุเอาไว้ว่าการเคี้ยวด้วยอัตราที่เร็วกว่าปกติ 1.5 เท่า ช่วยให้ปริมาณแคลอรี่ในอาหารลดลงถึง 9.5% แต่หากใครที่เคี้ยวอาหารมากกว่าปกติ 2 เท่า จะช่วยให้แคลอรี่ลดลงเกือบ 15% ที่สำคัญการเคี้ยวอาหารช้า ๆ ยังช่วยให้การดูดซึมอาหารและระบบย่อยอาหารดีขึ้นด้วย

ทั้งหมดนี้เป็น วิธีลดน้ำหนักภายใน 3 เดือน ที่เรานำมาบอกต่อ แต่ถึงอย่างไร การลดน้ำหนักหลายกิโลกรัมภายในระยะเวลาอันสั้น อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เหนื่อยล้า หุ่นย้วย และอาจทำให้ขาดสารอาหารบางประเภทไปแบบไม่ตั้งใจ

ดังนั้นหากถามว่าการลดน้ำหนัก 20 กิโล 3 เดือนทำได้หรือไม่? คำตอบคือทำได้แต่ไม่แนะนำ ทางที่ดีที่ช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพ ให้คุณค่อย ๆ ลดน้ำหนักตามโปรแกรมลดน้ำหนัก หรือทำตามวิธีลดหน้าท้องที่ถูกต้องจะดีกว่า อย่าหักโหมจนเกินพอดี เพราะการหักโหมลดน้ำหนักนอกจากจะทำให้สุขภาพกายแย่ลงแล้ว อาจทำให้เกิดความเครียด และทำร้ายสุขภาพจิตใจในระยะยาวได้อีกด้วย



วิธีลดพุง ลดน้ำหนัก ลดน้ำหนัก อาหารลดความอ้วน ลดหน้าท้อง 
ต้อง ชาอินาคา  (ทิพโอสถจากลูกหลานพญานาค) ของแท้

ชาสมุนไพรชาดาวอินคา บรรจุ30ซอง ลดน้ำหนัก ผลิตจากเปลือกดาวอินคา ปลอดภัย จากธรรมชาติ สูตรเข้มข้น ออแกนิก 100%
ลดหน้าท้อง มีปัญหาลดยาก ดื้อยา อ้วนหลังคลอด เห็นผลจริง
ชมรีวิวและสั่งซื้อที่ https://www.facebook.com/investment55
ขอสูตรลดความอ้วนฟรีที่ https://line.me/R/ti/p/@225wpquq
รายละเอียด  www.อยากลดพุง.com
โทรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ  095-6718742

- สำหรับคนดื้อยา ลดยาก อ้วนกรรมพันธุ์
- แก้อาการขับถ่ายยาก ท้องผูก
- ลดไขมันสะสมหน้าทอง
- ลดพุงหนา ขาเบียด
- ลดหญิงอ้วนหลังคลอด
- ลดเบาหวาน ความดัน
- ลดอาการปวดหัวไมเกรน 
- ช่วยให้หลับง่าย
- ลดอาการปวดจำเดือน
ผลิตจากเปลือกชาดาวอินคา ปลูกแบบธรรมชาติ มีโอเมก้า 3,6,9 บำรุงประสาทและสมอง และวิตามิน A,E, Magnesium

วิธีรับประทาน
แช่ซองชา 1ซอง 2-3 นาที ในน้ำร้อน หากต้องการความเข้มข้นใส่ชา 2 ซองเพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณ 
สามารถดื่มได้ตามความต้องการ วันละ 3-5 แก้ว


#ชาดาวอินคา #ชาอินาคา #ลดเบาหวาน #ลดความดัน #ไขมันสะสม #ลดการปวดประจำเดือน #สมุนไพรลดความอ้วน  #ชาผอม  #ชาลดพุง

4
วิธีลดไขมันหน้าท้อง กระชับสัดส่วน
ในการลดหน้าท้อง สามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย ไปจนถึงการใช้เครื่องมือและนวัตกรรมต่าง ๆ เข้ามาช่วยครับ หมอได้รวบรวมมาทั้งหมด 12 วิธี ดังนี้

6 วิธีลดหน้าท้องแบบธรรมชาติ ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน
1. การออกกำลังกาย
การออกกําลังกายลดไขมันหน้าท้อง 20-30 นาที ต่อวัน สามารถทำให้ได้หน้าท้องแบนราบ ซึ่งมีหลายท่าที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เช่น ท่า Plank, ท่า Mountain climber การออกกำลังกายแบบถูกวิธีอย่างสม่ำเสมอ ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และลดระดับน้ำตาลในเลือด

2. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
อาหารถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การลดหน้าท้องเห็นผล ควรรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เพิ่มโปรตีนและลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรต เน้นอาหารที่มีกากใย ผักใบเขียวและธัญพืช จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น พุงยุบลงได้ง่าย

3. ลดของมัน ของทอด อาหารที่มีน้ำตาลสูง
ตัวการของปัญหาไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ทำให้พุงป่อง พุงย้อย ทางที่ดีที่สุดคือลดน้ำตาล หลีกเลี่ยงอาหารหวาน ของทอด ของมัน หรือควรรับประทานแต่น้อย การทานน้ำตาลมาก ๆ จะทำให้มีความรู้สึกอยากอาหาร และเกิดการสะสมของไขมันได้ง่าย



4. ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายรับแคลอรี่ได้เยอะแต่ไม่รู้สึกอิ่ม ลดประสิทธิภาพกการทำงานของระบบเผาผลาญไขมัน ยิ่งถ้ารับประทานคู่กับอาหารที่ให้พลังงานสูงจะทำให้อ้วนง่ายขึ้น ดังนั้นถ้าอยากลดหน้าท้องก็ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ด้วยครับ

5. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนสั่งผลต่อระบบเผาผลาญมากครับ เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายต้องการอาหารมากขึ้นเพื่อเอาแรงมาทำกิจกรรมต่าง ๆ เกิดการต้านทานอินซูลิน ทำให้การเผาผลาญกลูโคสลดลง การนอนอย่างเพียงพอจึงเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้น้ำหนักลดลงได้

6. หลีกเลี่ยงความเครียด
ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน Cortisol ออกมา แต่ถ้าหลั่งมากเกินไปจะส่งผลต่อปริมาณน้ำตาลและอินซูลินในเลือด จะอยากอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และทำให้นอนไม่หลับ เกิดพุงเครียด ดังนั้นการหลีกเลี่ยงความเครียดจึงสามารถช่วยลดหน้าท้องได้อีกวิธีหนึ่งครับ

การควบคุมอาหารและออกกำลังกายจำกัดไขมันในส่วนนี้เพื่อลดหน้าท้องและลดพุงได้ครับแต่วิธีโดยทั่วไปจะต้องใช้ความอดทนและระยะเวลามาก ต้องมีวินัยสูง ทำให้หลายคนไม่สามารถเอาชนะไขมันสะสมเหล่านี้ได้ และไม่เหมาะกับคนที่หาวิธีลดหน้าท้องเร่งด่วน

ปัจจุบันจึงมีการคิดค้นเครื่องมือเพื่อช่วยลดหน้าท้องได้อย่างเห็นผลและปลอดภัย หมอจะมาแนะนำว่ามีวิธีไหนบ้าง และแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไรครับ



วิธีลดพุง ลดน้ำหนัก ลดน้ำหนัก อาหารลดความอ้วน ลดหน้าท้อง 
ต้อง ชาอินาคา  (ทิพโอสถจากลูกหลานพญานาค) ของแท้

ชาสมุนไพรชาดาวอินคา บรรจุ30ซอง ลดน้ำหนัก ผลิตจากเปลือกดาวอินคา ปลอดภัย จากธรรมชาติ สูตรเข้มข้น ออแกนิก 100%
ลดหน้าท้อง มีปัญหาลดยาก ดื้อยา อ้วนหลังคลอด เห็นผลจริง
ชมรีวิวและสั่งซื้อที่ https://www.facebook.com/investment55
ขอสูตรลดความอ้วนฟรีที่ https://line.me/R/ti/p/@225wpquq
รายละเอียด  www.อยากลดพุง.com
โทรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ  095-6718742

- สำหรับคนดื้อยา ลดยาก อ้วนกรรมพันธุ์
- แก้อาการขับถ่ายยาก ท้องผูก
- ลดไขมันสะสมหน้าทอง
- ลดพุงหนา ขาเบียด
- ลดหญิงอ้วนหลังคลอด
- ลดเบาหวาน ความดัน
- ลดอาการปวดหัวไมเกรน 
- ช่วยให้หลับง่าย
- ลดอาการปวดจำเดือน
ผลิตจากเปลือกชาดาวอินคา ปลูกแบบธรรมชาติ มีโอเมก้า 3,6,9 บำรุงประสาทและสมอง และวิตามิน A,E, Magnesium

วิธีรับประทาน
แช่ซองชา 1ซอง 2-3 นาที ในน้ำร้อน หากต้องการความเข้มข้นใส่ชา 2 ซองเพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณ 
สามารถดื่มได้ตามความต้องการ วันละ 3-5 แก้ว


#ชาดาวอินคา #ชาอินาคา #ลดเบาหวาน #ลดความดัน #ไขมันสะสม #ลดการปวดประจำเดือน #สมุนไพรลดความอ้วน  #ชาผอม  #ชาลดพุง

5
10 วิธีลดพุงเร่งด่วนสำหรับคนไม่มีเวลา หน้าทองแบน ไม่ต้องแขม่ว

1. ฝึกแขม่วหน้าท้องเป็นประจำ

อยากลดส่วนไหนก็ต้องบริหารส่วนนั้นบ่อย ๆ ดังนั้นหากต้องการลดห่วงยางรอบเอว ก็ต้องมีการออกกำลังกายบริเวณนั้นถูกไหม? สำหรับวิธีง่าย ๆ ของคนไม่มีเวลาออกกำลังกาย เพียงแค่แขม่วหน้าท้องเป็นประจำ ทำได้ตลอดเวลาทั้งตอนนั่ง ยืน หรือเดิน เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้พุงยุบลงได้และช่วยให้หุ่นเฟิร์มได้สัดส่วนขึ้น (อ้างอิง True ID)

2. ดื่มชาเขียวลดไขมันหน้าท้อง

ชาเขียว (Green Tea) เป็นวิธีลดหน้าท้องที่ห้ามพลาด หากถามว่าชาเขียวเกี่ยวข้องกับการลดไขมันหน้าท้องอย่างไร a sweet pea chef ได้ระบุว่า ชาเขียวประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ช่วยเร่งการเผาผลาญ หากต้องการลดน้ำหนักแนะนำให้ดื่มชาเขียวในช่วงก่อนออกกำลังกาย จะช่วยให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมชาเขียวร้อน ๆ ยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีอีกด้วย

3. กินกรีกโยเกิร์ตก่อนนอนทุกวัน
กรีกโยเกิร์ตอุดมไปด้วยโปรตีนและ Casein ที่ช่วยให้อิ่มท้องตลอดทั้งคืน ทั้งยังช่วยลดความอยากอาหารในเช้าวันถัดไป แต่หากต้องการลดปริมาณน้ำตาลให้เลือกสูตรธรรมชาติ แล้วใช้วิธีเติมความหวานด้วยผลไม้แคลอรี่ต่ำอย่างผลเบอร์รี่หรือเชอร์รี่สดแทน และตามข้อมูลของ Sleep Foundation ยังระบุอีกว่าผลไม้ 2 ชนิดช่วยต่อต้านความเครียดได้อีกด้วย (อ้างอิง Onlymyhealth)

4. หลีกเลี่ยงของทอด
แม้ว่าเมนูอาหารทอดจะเย้ายวนน่ากินขนาดไหน แต่โปรดรู้เอาไว้ว่าของทอดเป็นตัวการร้ายที่เข้าไปขัดขวางการลดน้ำหนัก! เพราะเป็นเมนูที่มีแคลอรี่สูง ที่สำคัญวิธีการทอดยังทำให้อาหารสูญเสียวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นเพียงไขมันทรานส์ที่เป็นอันตราย ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ส่งผลแค่กับความอ้วนหรือไขมันหน้าท้องเท่านั้น แต่ยังทำร้ายสุขภาพโดยรวมอีกด้วย (อ้างอิง Timesnownews.com)

5. ลดกินแป้งและน้ำตาล
แป้งและน้ำตาลเป็นตัวการที่ทำให้พุงยื่น พุงย้อย หรือมีไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะการกินแป้งที่ผ่านการขัดสี เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว น้ำตาลทรายขาว ฯลฯ ที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอย่างรวดเร็ว และเมื่อร่างกายดูดซึมไปใช้งานไม่ทันก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง แขน และขา (อ้างอิง ไทยรัฐออนไลน์)



6. ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 2 ลิตร
การดื่มน้ำเปล่าดูเหมือนง่าย แต่เอาจริง ๆ กลับไม่เพลิดเพลินเท่ากับการดื่มน้ำหวานเย็นชื่นใจหรอกจริงไหม? แต่ถึงอย่างไรการดื่มน้ำสะอาดระหว่างวันเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะน้ำช่วยคลีนไขมันและแบคทีเรียในช่องท้องได้ดี แถมการดื่มน้ำประมาณวันละ 2 ลิตรยังช่วยลดความอยากอาหาร ผิวพรรณกระจ่างใส และยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกายด้วยนะ

7. เดินย่อยอาหาร
การเดินย่อยอาหารช่วยเผาผลาญการสะสมไขมันหน้าท้อง สะโพก และต้นขา ที่สำคัญไม่จำเป็นเลยว่าต้องเดินแบบเอาจริงเอาจัง เพียงแค่เดินเล่น ๆ ผ่อนคลายไปเรื่อย ๆ ก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าการเดินย่อยอาหารประมาณ 15 นาที ยังช่วยลดระดับน้ำตาลให้ต่ำลงอีกด้วย ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดแนะนำเป็นหลังมื้อเย็น (อ้างอิง ไทยรัฐออนไลน์)

8. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนไม่ครบ 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากจะทำให้เหนื่อย อ่อนเพลียแล้ว ยังเสี่ยงต่อความอ้วนด้วย โดยเรื่องนี้ ข่าวสด ได้ระบุถึงงานวิจัยชิ้นหนึ่งว่าการนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงจะทำให้น้ำหนักเกิดการเปลี่ยนแปลง ในเด็กเสี่ยงเป็นโรคอ้วน 89% และในผู้ใหญ่เสี่ยง 55% ที่สำคัญการนอนเพียงวันละ 5 ชั่วโมงติดต่อกันมากกว่า 5 คืน ยังทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเกือบ ๆ 1 กิโลกรัมเลยล่ะ

9. ออกกำลังกายคาร์ดิโอเร่งเผาผลาญ
การออกกำลังกายคาร์ดิโอ (Cardio Exercise) ช่วยให้ปอดและหัวใจทำงานดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดไขมันหน้าท้อง สำหรับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอมีหลายแบบ เช่น การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ การวิ่ง การกระโดดเชือก เป็นต้น (เลือกให้เหมาะสมกับรูปร่างของแต่ละคน)

10. ลดน้ำหนักด้วยการทำ IF
อีกวิธีที่เป็นที่นิยมของชาวออฟฟิศ คือการลดน้ำหนักแบบ IF เหมาะมากสำหรับคนไม่มีเวลาออกกำลังกาย น้ำหนักตัวมาก หรือเคลื่อนไหวร่างกายลำบาก ซึ่งการทำ IF คือการกินและอดอาหารให้เป็นเวลา โดยช่วงที่อดอาหารร่างกายจะไม่ได้รับพลังงาน และจะดึงเอาไขมันที่สะสมออกไปใช้เป็นพลังงานแทน สำหรับสูตร IF เบื้องต้นแนะนำเป็น 12/12 คือกินอาหาร 12 ชั่วโมง และอดอาหาร 12 ชั่วโมง หรือใครที่ปรับตัวได้แล้วแนะนำเป็น 16/8 กิน 8 ชั่วโมง และอด 16 ชั่วโมง



วิธีลดพุง ลดน้ำหนัก ลดน้ำหนัก อาหารลดความอ้วน ลดหน้าท้อง 
ต้อง ชาอินาคา  (ทิพโอสถจากลูกหลานพญานาค) ของแท้

ชาสมุนไพรชาดาวอินคา บรรจุ30ซอง ลดน้ำหนัก ผลิตจากเปลือกดาวอินคา ปลอดภัย จากธรรมชาติ สูตรเข้มข้น ออแกนิก 100%
ลดหน้าท้อง มีปัญหาลดยาก ดื้อยา อ้วนหลังคลอด เห็นผลจริง
ชมรีวิวและสั่งซื้อที่ https://www.facebook.com/investment55
ขอสูตรลดความอ้วนฟรีที่ https://line.me/R/ti/p/@225wpquq
รายละเอียด  www.อยากลดพุง.com
โทรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ  095-6718742

- สำหรับคนดื้อยา ลดยาก อ้วนกรรมพันธุ์
- แก้อาการขับถ่ายยาก ท้องผูก
- ลดไขมันสะสมหน้าทอง
- ลดพุงหนา ขาเบียด
- ลดหญิงอ้วนหลังคลอด
- ลดเบาหวาน ความดัน
- ลดอาการปวดหัวไมเกรน 
- ช่วยให้หลับง่าย
- ลดอาการปวดจำเดือน
ผลิตจากเปลือกชาดาวอินคา ปลูกแบบธรรมชาติ มีโอเมก้า 3,6,9 บำรุงประสาทและสมอง และวิตามิน A,E, Magnesium

วิธีรับประทาน
แช่ซองชา 1ซอง 2-3 นาที ในน้ำร้อน หากต้องการความเข้มข้นใส่ชา 2 ซองเพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณ 
สามารถดื่มได้ตามความต้องการ วันละ 3-5 แก้ว


#ชาดาวอินคา #ชาอินาคา #ลดเบาหวาน #ลดความดัน #ไขมันสะสม #ลดการปวดประจำเดือน #สมุนไพรลดความอ้วน  #ชาผอม  #ชาลดพุง

6
ลักษณะงานกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
ปฏิบัติงานในฐานะผู้ปฏิบัติงานระดับต้น ที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถทางวิชาการในการทำงาน เกี่ยวกับงานด้านวิชาการสิ่งแวดล้อม
ภายใต้การกำกับ แนะนำ ตรวจสอบ และปฏิบัติงานอื่นตามที่ ได้รับมอบหมาย โดยมีลักษณะงานที่ปฏิบัติในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านการปฏิบัติการ
(1) ช่วยปฏิบัติการเกี่ยวกับการสำรวจ รวบรวมข้อมูล ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ประเมินผลข้อมูลและการดำเนินงาน ติดตามตรวจสอบ สภาวะแวดล้อม
เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดและปรับปรุง นโยบาย แผน มาตรฐาน มาตรการ แนวทาง หลักเกณฑ์ กฎ ระเบียบ เงื่อนไข กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งการสื่อสารและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างจิตสำนึกและส่งเสริม การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการสิ่งแวดล้อม
(2) ช่วยติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม วิเคราะห์รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเสนอความเห็น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม
และวินิจฉัยข้อเท็จจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม
(3) ร่วมพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ในการปฏิบัติงานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ
2. ด้านการวางแผน
วางแผนการทำงานที่รับผิดชอบ ร่วมดำเนินการวางแผนการทำงานของหน่วยงานหรือโครงการ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ที่กำหนด
3. ด้านการประสานงาน
(1) ประสานการทำงานร่วมกันทั้งภายในและภายนอกทีมงานหรือหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือและผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนด
(2) ชี้แจงและให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูล ข้อเท็จจริง แก่บุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจหรือความร่วมมือในการดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมาย
4. ด้านการบริการ
(1) ให้คำแนะนำ ชี้แจงและตอบปัญหาเกี่ยวกับงานวิชาการสิ่งแวดล้อม แก่ส่วนราชการ หน่วยงานเอกชนและประชาชนทั่วไป เพื่อให้ได้ความรู้และข้อมูลที่ต้องการ
(2) จัดเก็บข้อมูลเบื้องต้น จัดทำสถิติ รายงาน หรือฐานข้อมูลระบบสารสนเทศเกี่ยวกับงานวิชาการสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สนับสนุนภารกิจของส่วนราชการ
และประโยชน์ในการพิจารณากำหนดและปรับปรุง นโยบาย แผน มาตรฐาน มาตรการ หลักเกณฑ์ กฎ ระเบียบ เงื่อนไข และกฎหมายที่เกี่ยวกับงานวิชาการสิ่งแวดล้อม

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่นี่

ปริญญาตรี
ปริญญาตรีหรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน ในสาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม หรือสาขาวิชาวิทยาการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ

ความรู้ที่จำเป็น(วิชาที่สอบ)กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
ทดสอบความรู้ความสามารถดังต่อไปนี้ โดยวิธีสอบข้อเขียน
- ความรู้เกี่ยวกับงานสิ่งแวดล้อมเหมืองแร่
- ความรู้เกี่ยวกับการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่
- ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์สิ่งแวดล้อมเหมืองแร่
- ความรู้เกี่ยวกับวิสัยทัศน์และพันธกิจ และภารกิจของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
- ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 และกฎ ระเบียบ ประกาศที่เกี่ยวข้อง

การเตรียมตัวสอบ.กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
คำแนะนำในการสอบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) (Department of Primary Industries and Mines - DPIM) เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม
แต่เดิมเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตราธิการ ก่อตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ในชื่อว่า "กรมราชโลหกิจและภูมิวิทยา" เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2434 ทำหน้าที่ดูแลการทำเหมืองแร่
การออกใบอนุญาคเกี่ยวกับการตรวจหาแร่และทำเหมืองตลอดทั่วราชอาณาจักร ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อกรมอีกหลายครั้ง
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2485 จึงได้มีการจัดตั้งกระทรวงอุตสาหกรรม และโอนกิจการของกรมราชโลหกิจและภูมิวิทยา เข้ามาสังกัดในชื่อว่า "กรมโลหกิจ" ในปี พ.ศ. 2506
ได้โอนมาสังกัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ ในชื่อ"กรมทรัพยากรธรณี" และโอนมาสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมอีกครั้งในปี พ.ศ. 2516 จนถึงการปฏิรูประบบราชการ พ.ศ. 2545 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545
ได้แยกตัวออกมาตั้งเป็นกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งคนทั่วไปจะเรียกชื่อกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่สั้นๆ ว่า "กรมเหมืองแร่"
ในการสอบบรรจุเข้ารับราชการในกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ต้องใช้ใบสอบผ่านภาค ก ของ ก.พ. แต่ถ้าสอบเป็นพนักงานราชการ ลูกจ้าง ไม่ต้องใช้ใบสอบผ่านภาค ก ของ ก.พ.
การสอบเข้ากรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จะมีการประเมินสมรรถนะอยู่ 2 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 1 โดยการสอบข้อเขียน
ครั้งที่ 2 โดยการสัมภาษณ์ และจะต้องผ่านการประเมินสมรรถนะครั้งที่ 1 โดยวิธีการสอบข้อเขียนก่อนและเมื่อผ่านการประเมินสรรถนะครั้งที่ 1 แล้ว
จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการประเมินสมรรถนะครั้งที่ 2 โดยวิธีสอบสัมภาษณ์ ทั้งนี้จะต้องได้คะแนนสอบข้อเขียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60

การเตรียมตัวสอบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
ในส่วนการสอบวิชาเฉพาะตำแหน่ง ควรอ่านให้มากๆ ศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาตำแหน่งให้ดี ข้อสอบจะเป็นระเบียบข้อกฏหมาย วิชากฎหมายก็อ่านฉบับเต็ม
ท่องให้ได้ทุกมาตราอย่าไปอ่านเเต่ช้อย มันไม่ตรงนัก ฝึกลองวิเคราะห์ข้อสอบ หาปากกาเน้นข้อความมาขีดเพื่อจำง่าย แล้วสรุป หรือท่องให้ได้ ฝึกทำข้อสอบเก่า โดยเฉพาะในเรื่องที่เป็นจุดบกพร่องของเราทำซ้ำๆจนเข้าใจ
ควรอ่านเนื้อหาที่จะออกสอบในประกาศ และดูเวลาว่าเหลือเวลากี่วันที่จะต้องสอบ และนำเนื้อหาการสอบมาทำความเข้าใจว่าแต่ละเรื่องเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
ค้นหาเนื้อหาแต่ละเนื้อหารวบรวมทุกสิ่งอย่างที่คิดว่าเกี่ยวข้องและจำเป็น แล้วแยกใส่ในแฟ้มงานเป็นหมวดๆ เมื่อได้เนื้อหาครบหมดแล้ววิเคราะห์ว่าแต่ละเนื้อหาใช้เวลาในการอ่านเท่าไหร่ แล้วนำผลรวมออกมาเทียบกับเวลาที่เรามีในการเตรียมตัวสอบ
จากนั้นนำเวลามาถัวเฉลี่ย ให้ความหนักเบากับวิชาที่จะสอบ ว่าวิชาไหนเรื่องไหนใช้เวลาเท่าไหร่ แล้วจัดทำตารางการอ่านหนังสือเป็นช่วงเวลาอาจจะแบ่งเป็นต่อสัปดาห์ หรือ 2 สัปดาห์ แล้วนำมาแปะไว้ที่ไหนก็ได้ที่เราสังเกตเห็นได้ชัด
ในการอ่านแต่ละวิชาควรอ่านอย่างน้อย 2 รอบ รอบแรกเป็นการอ่านรวมๆ เพื่อหาว่าจุดไหนสำคัญบ้างให้นำปากกาเน้นคำ Mark ไว้ รอบที่สอง จดบันทึกสิ่งที่เรา Mark ไว้ สรุปเป็นภาษาของเราเองเพื่อเอาไว้อ่านก่อนสอบ 1 วัน
และก่อนนอนนั่งสมาธิอย่างน้อย 5 นาที สวดมนต์ด้วยก็ยิ่งดี นอกจากนี้ควรศึกษาเส้นทางการสอบ ห้องสอบให้ดี พอถึงสนามสอบให้ตรวจดูห้องสอบหรือนั่งหน้าห้องสอบรอเลยก็ได้ เพื่อป้องกันความกังวลใจ หรือเรื่องรบกวนใจ
เมื่อใกล้จะสอบควรงดการพูดจาเรื่อยเปื่อย คุยสนุกเรื่องอื่น กับเพื่อนที่ร่วมสอบ หรือใครก็ตามอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันสมองไปจำอย่างอื่น ให้คิดแต่เรื่องสอบอย่างเดียว
นอกจากนี้ควรหาความรู้เกี่ยวกับหน่วยงานด้วย เช่น ประวัติ วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม ผู้บริหาร หน้าที่ความรับผิดชอบ โดยการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
นอกจากวิชาการที่ต้องใช้ตามวุฒิที่จะรับแล้ว ยังต้องทำการบ้านด้วยว่าหน่วยงานนั้นมีการแบ่งองค์กรยังไง ผู้บริหารเป็นใครในแต่ละระดับ แต่ละส่วนขององค์กรทำงานอะไร มีหน้าที่อะไร
ตำแหน่งที่เราจะบรรจุมีหน้าที่อะไร ไปที่หน่วยงานนั้น ถ้ามีห้องสมุดหรือเอกสารเผยแพร่ควรไปอ่านให้หมด ปัจจุบันมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือตำแหน่งที่จะทำหรือไม่ อย่างไร

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่นี่
การสอบสัมภาษณ์กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นการสอบด้วยการสนทนาหรือพูดคุยกัน ดังนั้นผู้เข้าสอบควรจะทบทวนเตรียมความรู้หรือข้อมูลในส่วนที่เป็นวิชาการหรือเนื้อหาต่าง ๆ
ที่ได้เตรียมไว้แล้วในการเตรียมตัวเข้าสอบข้อเขียน ซึ่งอาจจะใช้เวลาครั้งละ 10 – 30 นาที แล้วแต่กรณี หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า
การเตรียมตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์จำเป็นต้องทบทวนความรู้ และข้อมูลบางประการมิใช่เข้าสอบโดยมิได้ทบทวนความรู้หรือข้อมูลอะไรเลย
การสัมภาษณ์เป็นการพูดคุยกัน ไม่ต้องเครียด ต้องแสดงความจริงใจ อย่าเสแสร้ง กรรมการจะดูกริยา ลักษณะการพูดจาเป็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง เนียมไม่เนียม
สำคัญจุดแรกที่กรรมการจะพิจารณาคือการแต่งกายของผู้เข้าสัมภาษณ์ ดูดี สะอาด ผมรัดผูกให้สวยงาม แต่งหน้าแต่พองาม พูดให้เป็นธรรมชาติที่สุด อย่าพาใครไปเป็นเพื่อน
ในการสัมภาษณ์ควรทำใจให้สบาย ตอบคำถามแบบธรรมขาติ เป็นตัวของตัวเอง โดยส่วนใหญ่กรรมการจะถามคำถามต่อไปนี้ คือ
1. ให้แนะนำตัวเอง
2.เหตุผลในการตัดสินใจเข้ารับราชการ
3. เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงาน

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่นี่
วิชาที่ใช้สอบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ มีดังนี้คือ
1. ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง ( 200 คะแนน )
- ความรู้เกี่ยวกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ภารกิจ เป้าหมาย
- กฎหมาย ระเบียบ ที่เกี่ยวข้อง
- ความรู้เฉพาะเกี่ยวกับงานที่ปฏิบัติ
- ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
2. ความเหมาะสมกับตำแหน่ง ( 100 คะแนน ) เป็นการทดสอบเพื่อวัดความเหมาะสมกับตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้งโดยวิธีการสัมภาษณ์หรือวิธีอื่น
เพื่อประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งจากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทํางานประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์
ทัศนคติการปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงาน สังคมและสิ่งแวดล้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏิภาณไหวพริบ บุคลิกภาพและพฤติกรรมของผู้สอบแข่งขัน
เพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ และอื่นๆ ที่จําเป็นสําหรับตําแหน่ง
ทั้งนี้ กําหนดให้ผู้สมัครสอบ ต้องสอบความรู้ความสามารถเฉพาะตําแหน่งก่อนผ่านก่อน โดยมีคะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 จึงจะมีสิทธิเข้าสอบภาคความเหมาะสมกับตําแหน่ง

รายละเอียดวิชาที่สอบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
1 ความรู้เกี่ยวกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
2 แนวข้อสอบความรู้เกี่ยวกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
3 แนวข้อสอบการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำนักงาน
4 แนวข้อสอบความรู้เหตุการณ์ปัจจุบัน การเมือง เศรษฐกิจและสังคม
5 การเตรียมตัวสอบภาค ค.กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่

ตำแหน่งที่สอบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์
นักจัดการงานทั่วไป
นายช่างรังวัด
วิศวกรเหมืองแร่
นักวิทยาศาสตร์ (เคมี)
เจ้าพนักงานทรัยากรธรณีปฏิบัติการ


แหล่งข้อมูลจาก https://www.sheetjula.com/
สั่งซื้อหนังสือสอบราชการที่ https://www.rtamd.co.th/


>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<








7
ตัวอย่างประสบการณ์การเป็นราชการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
1. การขึ้นเงินเดือน สวัสดิการ ความก้าวหน้า
ขึ้น 2 แบบครั้บ ปกติประจำปี (ทุกต.ค. ) และ ประเมินขั้นพิเศษ  กปภ.ใช้ระบบเงินเดือน 58 ขั้น

2. ตำแหน่งระดับ4 ขอบเขตการทำงาน และบรรยากาศการทำงาน เป็นอย่างไร
ตรงนี้แล้วแต่ตำแหน่งงานครับ ถ้าประจำประปาสาขางานจะเยอะหน่อย

3. สภาพแวดล้อม เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน ส่วนใหญ่จะแนวๆใด แตกต่างแค่ไหน (ถ้าเทียบกับ ข้าราชการ ระดับหัวหน้า)

4. สหกรณ์ออมทรัพย์ กปภ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กปภ. มีปันผลตอบแทนดีแค่ไหนครับ จะมีปรับเพิ่มอีกหรือไม่
กองทุนสำรองนายจ้างสมทบ 9 % แต่มีข่าวว่าจะปรับเป็น 15 %

5. โบนัสแต่ละปี ปัจจุบัน ได้กี่เท่าของเงินเดือน
อยู่ที่ผลประกอบการนะ ส่วนใหญ่ยืนพื้น 3 - 5 เดือน อันนีดูสถิติย้อนหลัง ต่ำสุด 1.xxx ล่าสุดอยู่ที่ 3.2 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การประเมินจาก
SEPO ด้วย

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่นี่

6. อนาคต กปภ. จะพัฒนาแค่ไหน และมั่นคงระยะยาวหรือไม่
ยังพัฒนาได้อีกครับ เพราะความต้องการผู้ใช้น้ำมีเยอะ และคู่แข่งอย่าง อปท ที่มีระบบประปา คุณภาพยังสู้ไม่ได้ บางแห่งจะโอนมาให้ กปภ.ทำ

7. สหภาพรัฐวิสาหกิจ กปภ. แข็งแกร่ง ดูแลผลประโยชน์พนักงานดีไหมครับ
สหภาพตอบไม่ขอพูดถึงครับ สอบให้ได้ก่อนแล้วจะรู้เอง

คำแนะนำในการสอบราชการประปาส่วนภูมิภาค

การสอบราชการประปาส่วนภูมิภาค แบ่งข้อสอบเป็นสองชุด  ชุดแรก ความรู้ทั่วไปชุดสอง วิชาเฉพาะตำแหน่ง ผ่าน  60 เปอร์เซ็นต์ 
ถึงจะได้ สัมภาษณ์ เอาคะแนนมารวมกันต้องมากกว่า 60 เปอร์เซนต์ แต่ว่ามีการตัดเกรดอิงกลุ่มกันอีก ไม่ใช่ว่าผ่านสองวิชาแรกจะได้เข้าสัมภาษณ์ทุกคน
เมื่อผ่านการสอบสัมภาษณ์และได้ขึ้นบัญชีไว้  บัญชีจะมีอายุ 2 ปี หรือ มีการสอบใหม่อีกครั้ง

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่นี่
การเตรียมตัวสอบราชการประปาส่วนภูมิภาค
ภาค ก. ความรู้ความสามารถทั่วไปเหมือน ก.พ. ให้เน้นทำข้อสอบให้มากๆ อยากให้เน้นเหตุการณ์ปัจจุบันด้วย ออกประมาณ 10 ข้อ

ภาษาไทย การใช้ภาษา  คำถูกผิด ราชาศัพท์ บทความสั้นๆ

ภาษาอังกฤษจะยากมาก  ต้องอ่านเยอะๆ  เช่น การอ่านบทความแล้วตอบคำถาม   แกรมม่า + reading

วัดเชาว์ต่างแบบดูรูป เปรียบเทียบฯลฯ

นอกจากนี้ควรอ่านเกี่ยวกับเหตุบ้านการเมืองไว้ด้วย   ข่าวในพระราชสำนักเพราะออกคำราชาศัพท์ด้วย

ความรู้เฉพาะตำแหน่งอ่านจากตำราเรียนให้มาก ๆ อ่านมากก็ยิ่งได้มาก

แนะนำให้ทำความรู้เฉพาะตำแหน่งก่อน เพราะคิดว่าตัวนี้สำคัญที่สุด จากนั้น จึงค่อยทำความรู้ความสามารถทั่วไป
ส่วนภาษาอังกฤษถ้าไม่มีเวลาไม่ต้องเน้นมาก ส่วนมากก็ทำไม่ค่อยได้กัน (ถึงจะเก่งก็คงทำได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะเวลานั้นน้อนมาก มาก)
คุณไม่สามารถเก่งภาษาอังกฤษได้ในเวลาเพียง 2 เดือน

รายละเอียดภาษาอังกฤษที่ออกคลับคล้าย ว่ามี - อ่านเนื้อเรื่องแล้วตอบคำถาม มีทั้งแบบยาวและสั้น

- Gramma เน้นมากเลย เพราะมีข้อสอบอยู่ 2 แบบ คือ 1) ให้ประโยคมาพร้อมกับคำที่ขีดเส้นใต้ 4 จุด ให้คุณเลือกข้อผิด 2)
ให้เรื่องมาเรื่องหนึ่ง โดยมีช่องว่าในเนื้อเรื่องนั้น แล้วให้คุณเติมคำที่ขาดหายไป

ส่วนท้ายของภาษาอังกฤษนั้นออกจะง่าย แต่คะแนนน้อย  - เน้นอ่าน paragraph สั้นๆ ตอบคำถาม ต้องทำเร็วๆ อ่านเร็วๆ ไม่ยาก
 คำตอบอยู่ใน paragraph ที่ให้ - Grammar Tense Preposition ...พื้นฐาน ไม่ยาก เน้นเข้าใจ เช่น เลือกคำที่ผิด grammar

ตัวอย่างการสอบสัมภาษณ์ราชการประปาส่วนภูมิภาค
ในการสอบสัมภาษณ์  ถ้าคนที่จะมาสอบเราจะเป็นระดับหัวหน้า ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นคนที่อายุค่อนข้างเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่คนสไตล์นี้ จะชอบคนที่ถ่อมตน  ขยัน  มีมารยาท รักองค์กร
แต่ถ้าระดับหัวหน้าที่อายุไม่มากก็มี พวกนี้จะหัวสมัยใหม่ จะชอบคนที่มีความมั่นใจ มีไหวพริบ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ถ้าเจอแบบนี้ต้องตอบแบบฉัดฉานหน่อย 
ซึ่งรวมๆแล้วก็คงต้องคอยสังเกตทัศนคติของคนที่สัมภาษณ์เรา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบสามต่อหนึ่ง  ต้องสังเกตคนที่นั่งตรงกลางเป็นพิเศษ เพราะนั่นคือประธาน
แล้วเวลาตอบต้องอายคอนแทคกับคนที่สัมภาษณ์เราทั้งสามคน เน้นประธานเป็นพิเศษหน่อย

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่นี่
วิชาที่ใช้สอบราชการประปาส่วนภูมิภาค มีดังนี้ คือ

1.ความรู้ความสามารถทั่วไป  ความรู้เกี่ยวกับ  กปภ.  ความถนัดทางเชาวน์ปัญญา  ภาษาอังกฤษ และคอมพิวเตอร์

2.ความรู้เฉพาะตำแหน่

1. คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามทั่วไปของผู้สมัครราชการประปาส่วนภูมิภาค
1.1   มีสัญชาติไทย
1.2   มีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปีบริบูรณ์  และไม่เกิน  60 ปีบริบูรณ์  ในวันยื่นใบสมัคร
1.3   ในกรณีเป็นพนักงานการประปาส่วนภูมิภาค ต้องไม่เป็นผู้ที่ออกจากองค์กร โดยการเข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด
1.4   สามารถทำงานให้แก่การประปาส่วนภูมิภาคได้เต็มเวลา   
1.5   ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต  หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
1.6   ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
1.7   ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษ สำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท  หรือความผิดลหุโทษ
1.8   ไม่เคยต้องคำพิพากษา  หรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติ  หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
1.9   ไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น  หรือผู้บริหารท้องถิ่น
1.10 ไม่เป็นกรรมการ หรือที่ปรึกษาพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
1.11 ไม่เคยถูกไล่ออก  ปลดออก  หรือให้ออกจากหน่วยงานของรัฐ  รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทมหาชนจำกัด  หรือบริษัทเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือเพราะประพฤติชั่ว หรือกระทำความผิด หรือหย่อนความสามารถ
1.12  ไม่เป็น หรือภายในระยะเวลาสามปีก่อนวันได้รับแต่งตั้ง ไม่เคยเป็นกรรมการ หรือผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการจัดการ  หรือมีส่วนได้เสียในนิติบุคคล  ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน  ผู้ร่วมทุน หรือมีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับ กิจการของการประปาส่วนภูมิภาค  เว้นแต่  เป็นประธานกรรมการ  หรือกรรมการ ในนิติบุคคลดังกล่าว  โดยการมอบหมายของการประปาส่วนภูมิภาค
1.13  ไม่เป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับการประปาส่วนภูมิภาค หรือในกิจการที่กระทำให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค  หรือดำเนินธุรกิจที่เป็นการแข่งขันกับกิจการของการประปาส่วนภูมิภาค  ไม่ว่าทั้งทางตรงหรือทางอ้อมเว้นแต่ เป็นผู้ซึ่งคณะกรรมการ การประปาส่วนภูมิภาคมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในบริษัทจำกัด  หรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่การประปาส่วนภูมิภาค เป็นผู้ถือหุ้น
1.14  ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตนขัดแย้งกับผลประโยชน์ของการประปาส่วนภูมิภาค
1.15   ไม่เป็นกรรมการ การประปาส่วนภูมิภาค

2. คุณวุฒิทางการศึกษา สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี หรือเทียบเท่า จากสถานศึกษาที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน  (ก.พ.) รับรอง

3.   คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งของราชการประปาส่วนภูมิภาค
3.1 มีความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่  ดังนี้   
  3.1.1  ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารภาคเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มียอดขายไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปีโดยมีงบการเงินและโครงสร้างผังบริหารองค์กร ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง มาแสดงด้วย   
  3.1.2   กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารส่วนราชการ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองอธิบดีหรือเทียบเท่า   
  3.1.3 ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ต้องดำรงตำแหน่ง ไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจนั้น
3.2  มีวิสัยทัศน์ทางด้านการพัฒนากิจการประปา  และการปรับเปลี่ยนบทบาทของการประปาส่วนภูมิภาคในอนาคต  โดยมีแนวคิดเชิงกลยุทธ์  มีความรู้ ความสามารถในด้านบริหารจัดการในระดับสูง 3.3  มีมนุษย์สัมพันธ์ดี สามารถติดต่อประสานงานได้ดีทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ
3.4  มีความรอบรู้  ความสามารถสูงในการตัดสินใจ สั่งการและกำหนดนโยบาย ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค และรัฐบาล

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่นี่
10 วิธี เตรียมตัวก่อนสอบการไฟฟ้านครหลวง ให้ได้คะแนนดี
1.  ทบทวนเนื้อหา
 2. วางแผนการอ่านหนังสือ
 3. มีความตั้งใจอย่างแท้จริง
4. พักผ่อนให้เพียงพอ
 5. สร้างกำลังใจให้ตัวเอง
 6. แลกเปลี่ยนความรู้กับกลุ่มเพื่อนๆที่สอบ
 7.จดโน้ตเพิ่มเติม
8. จำให้เป็นภาพ
9. ฝึกทำโจทย์
10. เพิ่มพลังด้วยอาหารบำรุงสมอง1


แหล่งข้อมูลจาก https://www.sheetjula.com/
สั่งซื้อหนังสือสอบราชการที่ https://www.rtamd.co.th/


>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<








8
อสค. ต้องทำอะไร
1. เป็นแกนนำปฏิบัติตนด้านสุขภาพที่มีพฤติกรรมเป็นแบบอย่างให้ครอบครัวและเป็นผู้ดูแลสุขภาพของคนในครอบครัวตนเอง
2. ถ่ายทอดความรู้ให้คนในครอบครัวตนเองและช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง
3. ประสานงานพัฒนาสุขภาพครัวเรือนและเป็นเครือข่ายใยแมงมุมกับ อสม.โดยไม่ซ้ำซ้อนบทบาทกัน
อสค. มีบทบาทหน้าที่3 ประการหลัก คือ
1. เป็นแกนนาปฏิบัติตนด้านสุขภาพ ที่มีพฤติกรรมเป็นแบบอย่างให้ครอบครัว และเป็นผู้ดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว ตนเอง
2. ถ่ายทอดความรู้ให้คนในครอบครัวตนเอง และช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง
3. ประสานงานพัฒนาสุขภาพครัวเรือน และเป็นเครือข่ายใยแมงมุมกับ อสม. โดยไม่ซาซ้อนบทบาทกัน

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบอสคที่นี่

ข้อดีของการทำงาน อสค
-ข้อดีของการทำงานอาสาสมัครคือ ได้ความสุข ได้เพื่อนใหม่ ได้เรียนรู้ ได้รู้จักตัวเอง
-วิธีการสามารถเริ่มได้ง่ายๆ ว่าเราอยากทำอะไร ถนัดหรืออยากเรียนรู้อะไร และสามารถเข้าไปเลือกสมัครได้ง่ายๆ ที่ธนาคารจิตอาสา
1. ได้รับความสุข การทำงานเป็นอาสาสมัครคือการเป็นผู้ให้ เราจะรู้สึกว่าได้รับความสุขอะไรบางอย่างกลับมานี่คือพื้นฐานเลย
2. ได้เพื่อนใหม่ ไม่ใช่แค่เพื่อนอาสาสมัคร แต่คนที่ไปช่วยเหลือด้วย ทำให้เราได้มีสังคมใหม่
3. ได้รู้จักตัวเอง เราจะได้เห็นว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร ผ่านการทำงานนั้นๆ ถ้าสังเกตตัวเองดีๆ เวลาช่วยคน เรามีการตัดสินเขาไหม เรามองเขาแบบไหน มีทัศนคติอย่างไร เรามีภาวะอารมณ์แบบไหน
4. ได้เรียนรู้ เมื่อเราคิดถึงคนอื่นมากขึ้น เราจะคิดถึงตัวเองน้อยลง เราจะเลิกคิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง กลับมาอยู่บ้านกับครอบครัว เราก็จะรู้สึกว่าขนาดคนอื่นเรายังเมตตาได้เลย แล้วทำไมคนในครอบครัว เล็กๆ น้อยๆ ทำไมเราต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงทะเลาะกันด้วย

อยากเริ่มเป็นอาสาสมัครต้องทำอย่างไร
1. ถามตัวเองว่าอยากทำอะไร
2. เรามีความถนัดอะไร หรือ อยากเรียนรู้อะไร บางอย่างเราไม่ต้องถนัดก็ได้ แต่เราอยากเรียนรู้สิ่งนี้
3. เราต้องมองหาว่าองค์กรที่เราไปทำงานด้วยเขาเป็นใคร แต่ปัจจุบันง่ายขึ้นเยอะมากเพราะเรามี ธนาคารจิตอาสา JitArsa Bank ซึ่งสามารถคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ หรือทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก
จะมีรายละเอียดเป็นหมวดต่างๆ สามารถเลือกหมวดที่เราสนใจ เช่น หมวดศาสนา หมวดช่วยเหลือคน เด็กและเยาวชน ลองคลิกเข้าไปดู แล้วดูว่าเงื่อนไขที่เขามีเข้ากับเราหรือเปล่า การทำงานอาสาสมัครจริงอยู่ว่าเป็นงานอาสา
แต่จะต้องมีข้อตกลง เช่น วันที่เราจะไปทำนั้นเราว่างจริงหรือเปล่า เพราะถ้าไปยกเลิกเขาอาจจะหาคนไม่ทัน และอาจเกิดปัญหาในเนื้องานนั้นได้

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบอสคที่นี่
สิ่งที่อาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) ต้องได้เรียนรู้
๑. แนวคิด ความจำเป็นในการดูแลสุขภาพ (ตามกลุ่มวัยตามช่วงชีวิตและกลุ่มโรคที่เจ็บปุวยของกลุ่มเปูาหมายสมาชิกในครอบครัวที่ต้องไปดูแล)
๒. วิธีการปฏิบัติตัวในการดูแลสุขภาพของตนเองและผู้ที่ต้องดูแล ทั้งการดูแลสุขภาพครอบครัวในภาวะปกติและการดูแลสุขภาพครอบครัวในภาวะฉุกเฉิน
๓. โรคและภาวะแทรกซ้อน การรักษา บำบัดและการฟื้นฟูสภาพ
๔. สิทธิ หน้าที่และหลักประกันสุขภาพของประชาชน ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การดำรงชีวิต และการพัฒนาคุณภาพชีวิต
๕. การประเมินความเสี่ยง ภัยสุขภาพ ความก้าวหน้าของโรคและการจัดการ รวมถึงการบันทึกข้อมูลการใช้เทคโนโลยี อาทิ ไลน์ เฟซบุ๊ค แอพพลิเคชั่น
๖. การช่วยเหลือผู้ที่ต้องดูแลและการช่วยเหลือผู้อื่นในชุมชน
๗. วิชาเลือก
๘. นโยบายและแนวทางการพัฒนาอาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.)
๙. บทบาท อาสาสมัครประจ าครอบครัว (อสค.) และการเชื่อมเครือข่าย อสม

คุณสมบัติอาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.)
อาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) นี้จะคัดเลือกให้เหมาะสมและเป็นประโยชน์มากที่สุดต่อเป้าหมาย
ในระดับครอบครัว เนื่องจากอาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) คือ คนที่เป็นแกนนำของงานสาธารณสุขของครอบครัว จึงจะต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น
๑. ประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ตามที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนด
๑.๑ ญาติและหรือผู้ดูแลกลุ่มผู้ปุวยโรคไตวายเรื้อรัง รวมทั้งผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและ ผู้ด้อยโอกาส หรือ
 ๑.๒ ผู้สูงอายุทั่วไปที่ช่วยเหลือตัวเองได้และหรือติดสังคม
๑.๓ บุคคลที่ครอบครัวไว้วางใจ และเลือกให้เป็น อสค . อาทิ หัวหน้าครอบครัว แม่บ้าน
สมาชิกวัยทำงานของครอบครัวหรือตามบริบท ลูก หลานหรือญาติพี่น้องที่อาศัยในครอบครัว
๑.๔ แกนนำสุขภาพประจำครอบครัว (กสค.)
๑.๕เพื่อนบ้านใกล้ชิดและหรือเครือข่ายอาสาสมัครในชุมชน กรณีอยู่บุคคลเดียวในครอบครัวและมีภาวะพึ่งพิง
๒.อ่านออกเขียนได้
๓.มีจิตอาสา สมัครใจ มีความพร้อมที่จะปฏิบัติงานสาธารณสุขเพื่อดูแลตนเองและสุขภาพครอบครัวและได้รับการยอมรับจากครอบครัว อสม เจ้าหน้าที่สาธารณสุข
๔. อาศัยอยู่กันเป็นประจำชุมชนเดียวกันหรือชุมชนใกล้เคียงกับที่ครอบครัวตั้งอยู่
กรณีอาศัยในชุมชนใกล้เคียงกับที่ครอบครัวตั้งอยู่ ต้องสามารถเดินทางไปมาหาสู่เพื่อดูแลได้ประจำทุกวันทุกมื้ออาหารโดยไม่ลำบากและเสียเวลาในการเดินทาง


แหล่งข้อมูลจาก https://www.sheetjula.com/
สั่งซื้อหนังสือสอบราชการที่ https://www.rtamd.co.th/


>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<








9
เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมีตำแหน่ง ดังนี้
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นข้าราชการการเมือง และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร
และผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ปัจจุบันมี ดิสทัต โหตระกิตย์ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่นี่

ภารกิจเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
    กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๒ กำหนดให้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีภารกิจเกี่ยวกับราชการของคณะรัฐมนตรี การประสานราชการรัฐสภา การประสานราชการกับส่วนราชการในพระองค์ การประสานราชการกับกระทรวง กรมและหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ และภารกิจเกี่ยวกับประชาชน โดยพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร พัฒนาการออกกฎ ระเบียบ คำสั่งและมติคณะรัฐมนตรีประสานการปฏิบัติตามนโยบายและมติคณะรัฐมนตรีตามแผนการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อนำไปสู่การบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ มุ่งผลสัมฤทธิ์และเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
๑. ดำเนินการเกี่ยวกับราชการของคณะรัฐมนตรี
๒. ประสานราชการกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เกี่ยวกับการดำเนินการเสนอและพิจารณาร่างกฎหมาย และเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้ขอรับความยินยอม หรือความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ตลอดจนเรื่องที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา เสนอมายังคณะรัฐมนตรี
๓. ประสานราชการกับส่วนราชการในพระองค์เกี่ยวกับภารกิจของนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีที่จะต้องขอพระราชทานพระกรุณาตามกฎหมายหรือระเบียบประเพณี
๔. ประสานราชการกับกระทรวง กรม และหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
๕. บริการและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของทางราชการเกี่ยวกับงานในอำนาจหน้าที่แก่ประชาชน
๖. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย


แหล่งข้อมูลจาก https://www.sheetjula.com/
สั่งซื้อหนังสือสอบราชการที่ https://www.rtamd.co.th/


>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<








10
การเตรียมตัวสอบสำนักงานอัยการสูงสุด
คำแนะนำในการสอบสำนักงานอัยการสูงสุด
สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นสำนักงานส่วนราชการ ขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีที่ตั้งอยู่ที่ อาคารหลักเมือง ถนนหน้าหับเผย
แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันอยู่ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เลขที่ 120 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร มีหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาทั้งปวง ดำเนินคดีแพ่ง
และให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ ตามที่กฎหมายกำหนด ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ หรือสำนักงานอัยการสูงสุด
ในการสอบเข้าสำนักงานอัยการสูงสุด การสอบบรรจุเข้ารับราชการผู้เข้าสอบจะต้องเป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ของสำนักงาน ก.พ. ก่อน
แต่ถ้าสอบเป็นพนักงานราชการไม่ต้องใช้ใบสอบผ่านภาค ก ของ ก.พ. การสอบเข้าสำนักงานอัยการสูงสุด จะมีการประเมินสมรรถนะอยู่ 2 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 1 โดยการสอบข้อเขียน
ครั้งที่ 2 โดยการสัมภาษณ์ และจะต้องผ่านการประเมินสมรรถนะครั้งที่ 1 โดยวิธีการสอบข้อเขียน

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานอัยการสูงสุดที่นี่


การเตรียมตัวสอบสำนักงานอัยการสูงสุด
ในส่วนการสอบวิชาเฉพาะตำแหน่ง ควรอ่านให้มากๆ ศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาตำแหน่งให้ดี ข้อสอบจะเป็นระเบียบข้อกฏหมาย วิชากฎหมายก็อ่านฉบับเต็ม ท่องให้ได้ทุกมาตราอย่าไปอ่านเเต่ช้อย มันไม่ตรงนัก ฝึกลองวิเคราะห์ข้อสอบ หาปากกาเน้นข้อความมาขีดเพื่อจำง่าย แล้วสรุป หรือท่องให้ได้ ฝึกทำข้อสอบเก่า โดยเฉพาะในเรื่องที่เป็นจุดบกพร่องของเราทำซ้ำๆจนเข้าใจ

ควรอ่านเนื้อหาที่จะออกสอบในประกาศ และดูเวลาว่าเหลือเวลากี่วันที่จะต้องสอบ และนำเนื้อหาการสอบมาทำความเข้าใจว่าแต่ละเรื่องเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ค้นหาเนื้อหาแต่ละเนื้อหารวบรวมทุกสิ่งอย่างที่คิดว่าเกี่ยวข้องและจำเป็น แล้วแยกใส่ในแฟ้มงานเป็นหมวดๆ เมื่อได้เนื้อหาครบหมดแล้ววิเคราะห์ว่าแต่ละเนื้อหาใช้เวลาในการอ่านเท่าไหร่ แล้วนำผลรวมออกมาเทียบกับเวลาที่เรามีในการเตรียมตัวสอบ จากนั้นนำเวลามาถัวเฉลี่ย ให้ความหนักเบากับวิชาที่จะสอบ ว่าวิชาไหนเรื่องไหนใช้เวลาเท่าไหร่ แล้วจัดทำตารางการอ่านหนังสือเป็นช่วงเวลาอาจจะแบ่งเป็นต่อสัปดาห์ หรือ 2 สัปดาห์ แล้วนำมาแปะไว้ที่ไหนก็ได้ที่เราสังเกตเห็นได้ชัด ในการอ่านแต่ละวิชาควรอ่านอย่างน้อย 2 รอบ รอบแรกเป็นการอ่านรวมๆ เพื่อหาว่าจุดไหนสำคัญบ้างให้นำปากกาเน้นคำ Mark ไว้ รอบที่สอง จดบันทึกสิ่งที่เรา Mark ไว้ สรุปเป็นภาษาของเราเอง

ส่วนในการสอบสัมภาษณ์
เป็นการสอบด้วยการสนทนาหรือพูดคุยกัน ดังนั้นผู้เข้าสอบควรจะทบทวนเตรียมความรู้หรือข้อมูลในส่วนที่เป็นวิชาการหรือเนื้อหาต่าง ๆ ที่ได้เตรียมไว้แล้วในการเตรียมตัวเข้าสอบข้อเขียน ซึ่งอาจจะใช้เวลาครั้งละ 10 – 30 นาที แล้วแต่กรณี หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า การเตรียมตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์จำเป็นต้องทบทวนความรู้ และข้อมูลบางประการมิใช่เข้าสอบโดยมิได้ทบทวนความรู้หรือข้อมูลอะไรเลย การสัมภาษณ์เป็นการพูดคุยกัน ไม่ต้องเครียด ต้องแสดงความจริงใจ อย่าเสแสร้ง กรรมการจะดูกริยา ลักษณะการพูดจาเป็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง เนียมไม่เนียม สำคัญจุดแรกที่กรรมการจะพิจารณาคือการแต่งกายของผู้เข้าสัมภาษณ์ ดูดี สะอาด ผมรัดผูกให้สวยงาม แต่งหน้าแต่พองาม พูดให้เป็นธรรมชาติที่สุด อย่าพาใครไปเป็นเพื่อน


ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานอัยการสูงสุดที่นี่

ในการสัมภาษณ์ควรทำใจให้สบาย ตอบคำถามแบบธรรมขาติ เป็นตัวของตัวเอง โดยส่วนใหญ่กรรมการจะถามคำถามต่อไปนี้ คือ
1. ให้แนะนำตัวเอง
2.เหตุผลในการตัดสินใจเข้ารับราชการ
3. เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงาน

วิชาที่ใช้สอบสำนักงานอัยการสูงสุด มีดังนี้คือ
1. ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง ( 200 คะแนน )
- ความรู้ที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่
- พรบ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553
- พรบ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553
2. การสอบสัมภาษณ์ ( 100 คะแนน ) เป็นการทดสอบเพื่อวัดความเหมาะสมกับตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้งโดยวิธีการสัมภาษณ์หรือวิธีอื่นเพื่อประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งจากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา
ประวัติการทํางานประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติการปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงาน สังคมและสิ่งแวดล้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏิภาณไหวพริบ
บุคลิกภาพและพฤติกรรมของผู้สอบแข่งขันเพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ และอื่นๆ ที่จําเป็นสําหรับตําแหน่ง
ทั้งนี้ กําหนดให้ผู้สมัครสอบ ต้องสอบความรู้ความสามารถเฉพาะตําแหน่งก่อนผ่านก่อน โดยมีคะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 จึงจะมีสิทธิเข้าสอบภาคความเหมาะสมกับตําแหน่ง

รายละเอียดวิชาที่สอบสำนักงานอัยการสูงสุด
เจ้าพนักงานธุรการ สำนักงานอัยการสูงสุด
1 ความรู้เกี่ยวกับสำนักงานอัยการสูงสุด
2 ความรู้เกี่ยวกับงานสารบรรณและธุรการทั่วไป
3 แนวข้อสอบโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
4 พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ 2553
5 แนวข้อสอบพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553
6 พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553
7 แนวข้อสอบพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553
8 ระเบียบสํานักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2554
9 สรุปสาระสำคัญระเบียบงานสารบรรณ (สูตรและเทคนิคการจำ)
10 แนวข้อสอบกฎหมายระเบียบงานสารบรรณ
11 แนวข้อสอบเจ้าพนักงานธุรการ
12 การเตรียมตัวสอบภาค ค.สำนักงานอัยการสูงสุด
mp3 กฎหมายระเบียบงานสารบรรณ

ตำแหน่งที่สอบสำนักงานอัยการสูงสุด
เจ้าพนักงานธุรการ
นิติกร
ผู้ช่วยอัยการ


ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานอัยการสูงสุดที่นี่

อัยการ ต้องจบ ป.ตรี นิติศาสตร์​ + ป.เนติบัณฑิต
ทนายความ ​ต้องจบ ป.ตรี นิติศาสตร์​ + ใบอนุญาต​ว่าความ

จะเป็น ผู้พิพากษา/ อัยการ ม.ปลาย จะเรียนสายอะไรมาก็ได้
จะเรียน ปวช. หรือ กศน. ก็ยังได้ แต่ต้องเรียนจบ ป.ตรี นิติศาสตร์ เท่านั้น

การเรียนที่สถาบันกวดวิชากฎหมายโดยเฉพาะ ยังไม่จำเป็นและไกลตัวคุณอยู่
ขอให้ตั้งใจเรียน ม.ปลาย และสอบเข้าเรียนต่อ ม.รัฐ ที่ดังด้านนิติศาสตร์ ให้ได้ก่อน แนะนำ จุฬา หรือ ธรรมศาสตร์

ที่บอกว่า "เรียนต่างประเทศก่อนแล้วค่อยไปสอบสนามผู้พิพากษา เพราะเห็นว่าน่าจะมีเปอร์เซนต์ในการสอบติดมากกว่าสนามแบบอื่นๆ"
นั่นคือ ระดับ ป.โท ป.เอก ครับ ไม่ใช่ระดับ ม.ปลาย หรือ ป.ตรี
ถ้ามี ป.โท ต่างประเทศ 2 ใบ หรือ มี ป.เอก ต่างประเทศ สามารถสอบสนามเล็ก และสนามจิ๋ว ได้
แต่ถ้าจบ ม.ปลาย ต่างประเทศ หรือ จบ ป.ตรี ต่างประเทศ ก็สอบสนามใหญ่ครับ

ผู้พิพากษา/ อัยการ
ม.ปลาย จะเรียนสายอะไรมาก็ได้
จะเรียน ปวช. หรือ กศน. ก็ยังได้
แต่ต้องเรียนจบ ป.ตรี นิติศาสตร์ เท่านั้น
ถ้าให้ดีก็ให้เรียน ป.ตรี นิติศาสตร์ ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ฃึ่งควรเรียน ม.ปลาย มา)​
ส่วน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็ดัง นิติศาสตร์ แต่ให้เอาไว้เลือกที่หลัง ถ้าสอบ ฬ หรือ ม.ธ. ไม่ติด
เพราะ ม.ราม เป็น ม.ตลาดวิชา รับ นักศึกษาไม่จำกัดจำนวน ไม่ต้องสอบเข้า สามารถ กำตังค์ กำเอกสาร มาสมัครเข้าเรียนได้เลย
แต่ทั้งนี้ จะเรียน ม.อื่นๆ ก็ได้ ขอให้ คณะกรรมการอัยการ, คณะกรรมการตุลาการ รับรอง คุณวุฒิแล้ว
เช่น หลักสูตรที่คณะกรรมการตุลาการ


แหล่งข้อมูลจาก https://www.sheetjula.com/
สั่งซื้อหนังสือสอบราชการที่ https://www.rtamd.co.th/


>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<








11
คำแนะนำในการสอบสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นสำนักเลขานุการของสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ซึ่งมีภารกิจเกี่ยวกับกิจการความมั่นคงของชาติ เป็นที่ปรึกษา เสนอแนะนโยบาย มาตรการ และแนวทางปฏิบัติด้านความมั่นคง รวมทั้งอำนวยการ ประสานงานให้เป็นไปตามนโยบาย
ตลอดจนจัดทำแผนเตรียมความพร้อมแห่งชาติต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงในอนาคต
ในการสอบเข้าสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ การสอบบรรจุเข้ารับราชการผู้เข้าสอบจะต้องเป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ของสำนักงาน ก.พ.  ก่อน 
แต่ถ้าสอบเป็นพนักงานราชการไม่ต้องใช้ใบสอบผ่านภาค  ก ของ ก.พ.  การสอบเข้าสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ    จะมีการประเมินสมรรถนะอยู่ 2 ครั้ง คือ 
ครั้งที่  1  โดยการสอบข้อเขียน   
ครั้งที่  2  โดยการสัมภาษณ์  และจะต้องผ่านการประเมินสมรรถนะครั้งที่ 1 โดยวิธีการสอบข้อเขียนก่อนและเมื่อผ่านการประเมินสรรถนะครั้งที่ 1 แล้ว
จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการประเมินสมรรถนะครั้งที่  2 โดยวิธีสอบสัมภาษณ์  ทั้งนี้จะต้องได้คะแนนสอบข้อเขียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่นี่

การเตรียมตัวสอบสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ในส่วนการสอบวิชาเฉพาะตำแหน่ง ควรอ่านให้มากๆ ศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาตำแหน่งให้ดี ข้อสอบจะเป็นระเบียบข้อกฏหมาย วิชากฎหมายก็อ่านฉบับเต็ม 
ท่องให้ได้ทุกมาตราอย่าไปอ่านเเต่ช้อย มันไม่ตรงนัก  ฝึกลองวิเคราะห์ข้อสอบ หาปากกาเน้นข้อความมาขีดเพื่อจำง่าย แล้วสรุป หรือท่องให้ได้ ฝึกทำข้อสอบเก่า โดยเฉพาะในเรื่องที่เป็นจุดบกพร่องของเราทำซ้ำๆจนเข้าใจ
ควรอ่านเนื้อหาที่จะออกสอบในประกาศ และดูเวลาว่าเหลือเวลากี่วันที่จะต้องสอบ และนำเนื้อหาการสอบมาทำความเข้าใจว่าแต่ละเรื่องเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง 
ค้นหาเนื้อหาแต่ละเนื้อหารวบรวมทุกสิ่งอย่างที่คิดว่าเกี่ยวข้องและจำเป็น แล้วแยกใส่ในแฟ้มงานเป็นหมวดๆ เมื่อได้เนื้อหาครบหมดแล้ววิเคราะห์ว่าแต่ละเนื้อหาใช้เวลาในการอ่านเท่าไหร่
แล้วนำผลรวมออกมาเทียบกับเวลาที่เรามีในการเตรียมตัวสอบ จากนั้นนำเวลามาถัวเฉลี่ย ให้ความหนักเบากับวิชาที่จะสอบ ว่าวิชาไหนเรื่องไหนใช้เวลาเท่าไหร่ 
แล้วจัดทำตารางการอ่านหนังสือเป็นช่วงเวลาอาจจะแบ่งเป็นต่อสัปดาห์ หรือ 2 สัปดาห์ แล้วนำมาแปะไว้ที่ไหนก็ได้ที่เราสังเกตเห็นได้ชัด  ในการอ่านแต่ละวิชาควรอ่านอย่างน้อย 2 รอบ รอบแรกเป็นการอ่านรวมๆ
เพื่อหาว่าจุดไหนสำคัญบ้างให้นำปากกาเน้นคำ Mark ไว้ รอบที่สอง จดบันทึกสิ่งที่เรา Mark ไว้ สรุปเป็นภาษาของเราเองเพื่อเอาไว้อ่านก่อนสอบ 1 วัน  และก่อนนอนนั่งสมาธิอย่างน้อย 5 นาที สวดมนต์ด้วยก็ยิ่งดี   
นอกจากนี้ควรศึกษาเส้นทางการสอบ ห้องสอบให้ดี พอถึงสนามสอบให้ตรวจดูห้องสอบหรือนั่งหน้าห้องสอบรอเลยก็ได้ เพื่อป้องกันความกังวลใจ หรือเรื่องรบกวนใจ 
เมื่อใกล้จะสอบควรงดการพูดจาเรื่อยเปื่อย คุยสนุกเรื่องอื่น กับเพื่อนที่ร่วมสอบ หรือใครก็ตามอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันสมองไปจำอย่างอื่น ให้คิดแต่เรื่องสอบอย่างเดียว
นอกจากนี้ควรหาความรู้เกี่ยวกับหน่วยงานด้วย  เช่น ประวัติ วิสัยทัศน์  พันธกิจ ค่านิยม ผู้บริหาร หน้าที่ความรับผิดชอบ  โดยการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต  และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ สังคม   
นอกจากวิชาการที่ต้องใช้ตามวุฒิที่จะรับแล้ว ยังต้องทำการบ้านด้วยว่าหน่วยงานนั้นมีการแบ่งองค์กรยังไง ผู้บริหารเป็นใครในแต่ละระดับ แต่ละส่วนขององค์กรทำงานอะไร มีหน้าที่อะไร
ตำแหน่งที่เราจะบรรจุมีหน้าที่อะไร ไปที่หน่วยงานนั้น ถ้ามีห้องสมุดหรือเอกสารเผยแพร่ควรไปอ่านให้หมด ปัจจุบันมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือตำแหน่งที่จะทำหรือไม่ อย่างไร

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่นี่
ส่วนในการสอบสัมภาษณ์เป็นการสอบด้วยการสนทนาหรือพูดคุยกัน ดังนั้นผู้เข้าสอบควรจะทบทวนเตรียมความรู้หรือข้อมูลในส่วนที่เป็นวิชาการหรือเนื้อหาต่าง ๆ   
ที่ได้เตรียมไว้แล้วในการเตรียมตัวเข้าสอบข้อเขียน   ซึ่งอาจจะใช้เวลาครั้งละ 10 – 30 นาที   แล้วแต่กรณี หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า
การเตรียมตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์จำเป็นต้องทบทวนความรู้ และข้อมูลบางประการมิใช่เข้าสอบโดยมิได้ทบทวนความรู้หรือข้อมูลอะไรเลย 
การสัมภาษณ์เป็นการพูดคุยกัน  ไม่ต้องเครียด ต้องแสดงความจริงใจ อย่าเสแสร้ง กรรมการจะดูกริยา ลักษณะการพูดจาเป็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง เนียมไม่เนียม 
สำคัญจุดแรกที่กรรมการจะพิจารณาคือการแต่งกายของผู้เข้าสัมภาษณ์ ดูดี สะอาด ผมรัดผูกให้สวยงาม แต่งหน้าแต่พองาม  พูดให้เป็นธรรมชาติที่สุด  อย่าพาใครไปเป็นเพื่อน 
ในการสัมภาษณ์ควรทำใจให้สบาย ตอบคำถามแบบธรรมขาติ เป็นตัวของตัวเอง  โดยส่วนใหญ่กรรมการจะถามคำถามต่อไปนี้ คือ
1. ให้แนะนำตัวเอง   
2.เหตุผลในการตัดสินใจเข้ารับราชการ   
3. เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงาน

วิชาที่ใช้สอบสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีดังนี้คือ
1. ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง  ( 200  คะแนน ) 
ทดสอบความรู้โดยการสอบข้อเขียน ในเรื่องต่อไปนี้
- ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
- กฏหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
- ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
- ความรู้เฉพาะตำแหน่ง
- การวิเคราะห์สถานการณ์และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติปัจจุบันทั้งภายในและภายนอกประเทศ
- วิชาภาษาอังกฤษ
- เรียงความภาษาอังกฤษในหัวข้อที่กำหนด
- แปลสรุปความจากข้อเขียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
- การเลือกใช้ภาษาในรูปแบบต่างๆ จากคำหรือกลุ่มคำ ประโยคหรือข้อความสั้นๆหรือบทความ
2. ความเหมาะสมกับตำแหน่ง  ( 100  คะแนน )  เป็นการทดสอบเพื่อวัดความเหมาะสมกับตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้งโดยวิธีการสัมภาษณ์หรือวิธีอื่น
เพื่อประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งจากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา  ประวัติการทํางานประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์
ทัศนคติการปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงาน สังคมและสิ่งแวดล้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏิภาณไหวพริบ บุคลิกภาพและพฤติกรรมของผู้สอบแข่งขัน
เพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ และอื่นๆ ที่จําเป็นสําหรับตําแหน่ง
ทั้งนี้ กําหนดให้ผู้สมัครสอบ ต้องสอบความรู้ความสามารถเฉพาะตําแหน่งก่อนผ่านก่อน โดยมีคะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ  60  จึงจะมีสิทธิเข้าสอบภาคความเหมาะสมกับตําแหน่ง

รายละเอียดวิชาที่สอบสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
2 แนวข้อสอบวิาภาษาอังกฤษ
3 เหตุการณ์บ้านเมือง? เศรษฐกิจ สังคม การเมือง
4 ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน
5 เทคนิคการสอบสมภาษณ์

ตำแหน่งที่สอบสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
นักวิเคราะห์นโยบายและแผน
นักจัดการงานทั่วไป
นักวิชาการตรวจสอบภายใน
นักวิชาการคอมพิวเตอร์
นักงานบุคคล


แหล่งข้อมูลจาก https://www.sheetjula.com/
สั่งซื้อหนังสือสอบราชการที่ https://www.rtamd.co.th/


>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<








12
คำแนะนำในการสอบสำนักงานสถิติแห่งชาติ
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (National Statistical Office) เป็นหน่วยงานของรัฐบาลไทย ระดับกรม สังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
มีภารกิจในฐานะเป็นหน่วยงานกลางของรัฐ ในการดำเนินการเกี่ยวกับสถิติตามหลักวิชาการ และจัดทำสถิติเพื่อติดตามประเมินผลและสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายและแผนงานของรัฐ
ในการสอบเข้าสำนักงานสถิติแห่งชาติ การสอบบรรจุเข้ารับราชการผู้เข้าสอบจะต้องเป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ของสำนักงาน ก.พ.  ก่อน 
แต่ถ้าสอบเป็นพนักงานราชการหรือลูกจ้างไม่ต้องใช้ใบสอบผ่านภาค  ก ของ ก.พ.

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานสถิติแห่งชาติที่นี่

การเตรียมตัวสอบสำนักงานสถิติแห่งชาติ
ในส่วนการสอบภาค  ข. ควรอ่านวิชาเฉพาะตำแหน่งให้มากๆ ศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาตำแหน่งให้ดี ข้อสอบจะเป็นระเบียบข้อกฏหมาย วิชากฎหมายก็อ่านฉบับเต็ม 
ท่องให้ได้ทุกมาตราอย่าไปอ่านเเต่ช้อย มันไม่ตรงนัก  ฝึกลองวิเคราะห์ข้อสอบ หาปากกาเน้นข้อความมาขีดเพื่อจำง่าย แล้วสรุป หรือท่องให้ได้  ฝึกทำข้อสอบเก่า 
โดยเฉพาะในเรื่องที่เป็นจุดบกพร่องของเราทำซ้ำๆจนเข้าใจ
ควรอ่านเนื้อหาที่จะออกสอบในประกาศ และดูเวลาว่าเหลือเวลากี่วันที่จะต้องสอบ และนำเนื้อหาการสอบมาทำความเข้าใจว่าแต่ละเรื่องเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง 
ค้นหาเนื้อหาแต่ละเนื้อหารวบรวมทุกสิ่งอย่างที่คิดว่าเกี่ยวข้องและจำเป็น แล้วแยกใส่ในแฟ้มงานเป็นหมวดๆ เมื่อได้เนื้อหาครบหมดแล้ววิเคราะห์ว่าแต่ละเนื้อหาใช้เวลาในการอ่านเท่าไหร่
แล้วนำผลรวมออกมาเทียบกับเวลาที่เรามีในการเตรียมตัวสอบ จากนั้นนำเวลามาถัวเฉลี่ย ให้ความหนักเบากับวิชาที่จะสอบ ว่าวิชาไหนเรื่องไหนใช้เวลาเท่าไหร่
แล้วจัดทำตารางการอ่านหนังสือเป็นช่วงเวลาอาจจะแบ่งเป็นต่อสัปดาห์ หรือ 2 สัปดาห์ แล้วนำมาแปะไว้ที่ไหนก็ได้ที่เราสังเกตเห็นได้ชัด  ในการอ่านแต่ละวิชาควรอ่านอย่างน้อย 2 รอบ รอบแรกเป็นการอ่านรวมๆ
เพื่อหาว่าจุดไหนสำคัญบ้างให้นำปากกาเน้นคำ Mark ไว้ รอบที่สอง จดบันทึกสิ่งที่เรา Mark ไว้ สรุปเป็นภาษาของเราเองเพื่อเอาไว้อ่านก่อนสอบ 1 วัน  และก่อนนอนนั่งสมาธิอย่างน้อย 5 นาที สวดมนต์ด้วยก็ยิ่งดี   
นอกจากนี้ควรศึกษาเส้นทางการสอบ ห้องสอบให้ดี พอถึงสนามสอบให้ตรวจดูห้องสอบหรือนั่งหน้าห้องสอบรอเลยก็ได้ เพื่อป้องกันความกังวลใจ หรือเรื่องรบกวนใจ 
เมื่อใกล้จะสอบควรงดการพูดจาเรื่อยเปื่อย คุยสนุกเรื่องอื่น กับเพื่อนที่ร่วมสอบ หรือใครก็ตามอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันสมองไปจำอย่างอื่น ให้คิดแต่เรื่องสอบอย่างเดียว
นอกจากนี้ควรหาความรู้เกี่ยวกับหน่วยงานด้วย  เช่น ประวัติ วิสัยทัศน์  พันธกิจ ค่านิยม ผู้บริหาร หน้าที่ความรับผิดชอบ  โดยการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต  และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ สังคม   
นอกจากวิชาการที่ต้องใช้ตามวุฒิที่จะรับแล้ว ยังต้องทำการบ้านด้วยว่าหน่วยงานนั้นมีการแบ่งองค์กรยังไง ผู้บริหารเป็นใครในแต่ละระดับ แต่ละส่วนขององค์กรทำงานอะไร มีหน้าที่อะไร
ตำแหน่งที่เราจะบรรจุมีหน้าที่อะไร ไปที่หน่วยงานนั้น ถ้ามีห้องสมุดหรือเอกสารเผยแพร่ควรไปอ่านให้หมด ปัจจุบันมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือตำแหน่งที่จะทำหรือไม่ อย่างไร
ส่วนในการสอบสัมภาษณ์เป็นการสอบด้วยการสนทนาหรือพูดคุยกัน ดังนั้นผู้เข้าสอบควรจะทบทวนเตรียมความรู้หรือข้อมูลในส่วนที่เป็นวิชาการหรือเนื้อหาต่าง ๆ   ที่ได้เตรียมไว้แล้วในการเตรียมตัวเข้าสอบข้อเขียน   
ซึ่งอาจจะใช้เวลาครั้งละ 10 – 30 นาที   แล้วแต่กรณี หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า การเตรียมตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์จำเป็นต้องทบทวนความรู้ และข้อมูลบางประการมิใช่เข้าสอบโดยมิได้ทบทวนความรู้หรือข้อมูลอะไรเลย 
ในการสัมภาษณ์ควรทำใจให้สบาย ตอบคำถามแบบธรรมขาติ เป็นตัวของตัวเอง  โดยส่วนใหญ่กรรมการจะถามคำถามต่อไปนี้ คือ 1. ให้แนะนำตัวเอง   2.เหตุผลในการตัดสินใจเข้ารับราชการ   3. เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงาน
การสอบสัมภาษณ์ สำหรับผู้ชายควรโกนหนวดเคราให้เรียบร้อย ผู้หญิงเสื้อผ้าหน้าผมต้องเยี่ยม แนะนำให้สวมสูทด้วยจะดูดีมีระดับ แต่ไม่ควรแต่งหน้าแบบงานรับปริญญาเป็นเจ้าป้าโดยเด็ดขาด  คำถามที่จะโดนถาม ส่วนใหญ่จะเป็นประมาณ
ตำแหน่งนี้ทำหน้าที่อะไร ความรู้เกี่ยวกับตำแหน่ง ความรู้เกี่ยวกับกรมฯ ประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน รอบแห่งการสอบภาค ค. หรือรอบความเหมาะสมกับตำแหน่ง เป็นรอบที่ต้อง อาศัยกำลังภายใน รอบนี้ต่างหาก ที่ต้องระมัดระวังบรรดา เด็กเส้น เด็กฝากทั้งหลาย

วิชาที่ใช้สอบสำนักงานสถิติแห่งชาติ   มีดังนี้คือ  (ไม่ต้องใช้ใบ  ก.พ.)
การประเมินครั้งที่  1  โดยวิธีสอบข้อเขียน   (100  คะแนน)  สัดส่วนการประเมินร้อยละ 90
- ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง (ข้อเขียนเป็นอัตนัย) ตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ
- ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล
- ระเบียบวิธีสถิติ
- พระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ.2550
- ความรู้เกี่ยวกับหน่วยงาน
- เรื่องเกี่ยวกับพนักงานราชการ
การประเมินครั้งที่  2  โดยการสอบสัมภาษณ์  (100  คะแนน)  สัดส่วนการประเมินร้อยละ 10
ทั้งนี้ผู้ที่สอบผ่านจะต้องได้คะแนนในการสอบและสัมภาษณ์ รวมกันแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ  60
 
วิชาที่ใช้สอบสำนักงานสถิติแห่งชาติ   มีดังนี้คือ
1. ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง  ( 200  คะแนน ) 
2. การสอบสัมภาษณ์   ( 100  คะแนน )  เป็นการทดสอบเพื่อวัดความเหมาะสมกับตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้งโดยวิธีการสัมภาษณ์หรือวิธีอื่นเพื่อประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งจากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา  ประวัติการทํางานประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติการปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงาน สังคมและสิ่งแวดล้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏิภาณไหวพริบ บุคลิกภาพและพฤติกรรมของผู้สอบแข่งขันเพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ และอื่นๆ ที่จําเป็นสําหรับตําแหน่ง
ทั้งนี้ กําหนดให้ผู้สมัครสอบ ต้องสอบความรู้ความสามารถเฉพาะตําแหน่งก่อนผ่านก่อน โดยมีคะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ  60  จึงจะมีสิทธิเข้าสอบภาคความเหมาะสมกับตําแหน่ง


ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานสถิติแห่งชาติที่นี่
รายละเอียดวิชาที่สอบสำนักงานสถิติแห่งชาติ
นักวิชาการสถิติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ
1 ความรู้เกี่ยวกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ
2 การจัดทำ การวิเคราะห์ข้อมูล และการนำเสนอข้อมูล
3 พระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ.2550
4 แนวข้อสอบพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ.2550
5 แนวข้อสอบคำนวณสถิติเบื้องต้น
6 ความรู้เบื้องต้นทางสถิติ (Introduction of Statistical)
7 การใช้สถิติเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล
8 การวางแผนงาน โครงการและการติดตามประเมินผล
9 วิธีที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
10 แนวข้อสอบความรู้การปฎิบัติงานด้านสถิติ
11 การเตรียมตัวสอบภาค ค. สำนักงานสถิติแห่งชาติ

ตำแหน่งที่สอบสำนักงานสถิติแห่งชาติ
เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป
นักวิชาการสถิติ
พนักงานสถิติ

ลักษณะงานสำนักงานสถิติแห่งชาติ
(1) ปฏิบัติงานเก็บรวบรวมข้อมูลโครงการสำมะโน/สำรวจ ตามแผนปฏิบัติงานประจำปีของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
(2) ตรวจสอบความครบถ้วน ถูกต้อง และแนบนัยของข้อมูลในแบบสำมะโน/สำรวจ
(3) ปฏิบัติงานบันทึกข้อมูล ประมวลผลข้อมูลสถิติ และวิเคราะห์ตารางสถิติโครงการต่างๆ
(4) ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือและผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนด
(5) รับ – ส่ง งานในระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ งานธุรการและพิมพ์หนังสือราชการ รวมทั้งบันทึกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
(6) ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา

แหล่งข้อมูลจาก https://www.sheetjula.com/
สั่งซื้อหนังสือสอบราชการที่ https://www.rtamd.co.th/


>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<








13
การเตรียมตัวสอบสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
คำแนะนำในการสอบสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ในการสอบเข้ารับราชการของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ผู้เข้าสอบจะต้องเป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ของสำนักงาน ก.พ.
ซึ่งการสอบเข้าสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะมีการประเมินสมรรถนะอยู่ 2 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 1 โดยการสอบข้อเขียน
ครั้งที่ 2 โดยการสัมภาษณ์ และจะต้องผ่านการประเมินสมรรถนะครั้งที่ 1 โดยวิธีการสอบข้อเขียนก่อนและเมื่อผ่านการประเมินสรรถนะครั้งที่ 1 แล้ว
จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการประเมินสมรรถนะครั้งที่ 2 โดยวิธีสอบสัมภาษณ์ ทั้งนี้จะต้องได้คะแนนสอบข้อเขียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่นี่

การเตรียมตัวสอบ
ควรอ่านเนื้อหาที่จะออกสอบในประกาศ และดูเวลาว่าเหลือเวลากี่วันที่จะต้องสอบ และนำเนื้อหาการสอบมาทำความเข้าใจว่าแต่ละเรื่องเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
ค้นหาเนื้อหาแต่ละเนื้อหารวบรวมทุกสิ่งอย่างที่คิดว่าเกี่ยวข้องและจำเป็น แล้วแยกใส่ในแฟ้มงานเป็นหมวดๆ เมื่อได้เนื้อหาครบหมดแล้ววิเคราะห์ว่าแต่ละเนื้อหาใช้เวลาในการอ่านเท่าไหร่
แล้วนำผลรวมออกมาเทียบกับเวลาที่เรามีในการเตรียมตัวสอบ จากนั้นนำเวลามาถัวเฉลี่ย ให้ความหนักเบากับวิชาที่จะสอบ ว่าวิชาไหนเรื่องไหนใช้เวลาเท่าไหร่
แล้วจัดทำตารางการอ่านหนังสือเป็นช่วงเวลาอาจจะแบ่งเป็นต่อสัปดาห์ หรือ 2 สัปดาห์ แล้วนำมาแปะไว้ที่ไหนก็ได้ที่เราสังเกตเห็นได้ชัด
ในการอ่านแต่ละวิชาควรอ่านอย่างน้อย 2 รอบ รอบแรกเป็นการอ่านรวมๆ เพื่อหาว่าจุดไหนสำคัญบ้างให้นำปากกาเน้นคำ Mark ไว้ รอบที่สอง จดบันทึกสิ่งที่เรา Mark ไว้
สรุปเป็นภาษาของเราเองเพื่อเอาไว้อ่านก่อนสอบ 1 วัน และก่อนนอนนั่งสมาธิอย่างน้อย 5 นาที สวดมนต์ด้วยก็ยิ่งดี นอกจากนี้ควรศึกษาเส้นทางการสอบ ห้องสอบให้ดี
พอถึงสนามสอบให้ตรวจดูห้องสอบหรือนั่งหน้าห้องสอบรอเลยก็ได้ เพื่อป้องกันความกังวลใจ หรือเรื่องรบกวนใจ เมื่อใกล้จะสอบควรงดการพูดจาเรื่อยเปื่อย คุยสนุกเรื่องอื่น กับเพื่อนที่ร่วมสอบ
หรือใครก็ตามอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันสมองไปจำอย่างอื่น ให้คิดแต่เรื่องสอบอย่างเดียว

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่นี่
นอกจากนี้ควรหาความรู้เกี่ยวกับหน่วยงานด้วย เช่น ประวัติ วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม ผู้บริหาร หน้าที่ความรับผิดชอบ โดยการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
ส่วนในการสอบสัมภาษณ์เป็นการสอบด้วยการสนทนาหรือพูดคุยกัน ดังนั้นผู้เข้าสอบควรจะทบทวนเตรียมความรู้หรือข้อมูลในส่วนที่เป็นวิชาการหรือเนื้อหาต่าง ๆ ที่ได้เตรียมไว้แล้วในการเตรียมตัวเข้าสอบข้อเขียน
ซึ่งอาจจะใช้เวลาครั้งละ 10 – 30 นาที แล้วแต่กรณี หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า การเตรียมตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์จำเป็นต้องทบทวนความรู้ และข้อมูลบางประการมิใช่เข้าสอบโดยมิได้ทบทวนความรู้หรือข้อมูลอะไรเลย

ในการสัมภาษณ์ควรทำใจให้สบาย ตอบคำถามแบบธรรมขาติ เป็นตัวของตัวเอง โดยส่วนใหญ่กรรมการจะถามคำถามต่อไปนี้ คือ 1. ให้แนะนำตัวเอง 2.เหตุผลในการตัดสินใจเข้ารับราชการ 3. เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงาน
การสอบสัมภาษณ์ สำหรับผู้ชายควรโกนหนวดเคราให้เรียบร้อย ผู้หญิงเสื้อผ้าหน้าผมต้องเยี่ยม แนะนำให้สวมสูทด้วยจะดูดีมีระดับ แต่ไม่ควรแต่งหน้าแบบงานรับปริญญาเป็นเจ้าป้าโดยเด็ดขาด คำถามที่จะโดนถาม
ส่วนใหญ่จะเป็นประมาณ ตำแหน่งนี้ทำหน้าที่อะไร ความรู้เกี่ยวกับตำแหน่ง ความรู้เกี่ยวกับกรมฯ ประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน รอบแห่งการสอบภาค ค. หรือรอบความเหมาะสมกับตำแหน่ง เป็นรอบที่ต้อง
อาศัยกำลังภายใน รอบนี้ต่างหาก ที่ต้องระมัดระวังบรรดา เด็กเส้น เด็กฝากทั้งหลาย เป็นรอบแห่งการวิ่งเข้าหาผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ในกระทรวง กรม กอง ต้องรีบนำกระเช้าของขวัญติดไม้ติดมือ ไปกราบไหว้ท่านโดยด่วน ให้ท่านเอ็นดู อุปการคุณ
เนื่องจากคะแนนสอบในภาคนี้ มีประมาณกึ่งหนึ่งของคะแนนข้อเขียน และค่อนข้างมีผลชี้เป็น ชี้ตาย ชี้ได้ ชี้ไม่ได้ วันประกาศผลจะเรียงคะแนนตามลำดับมากไปหาน้อย ต้องรอลุ้นอย่างระทึกใจ
ทั้งนี้ในประกาศรับสมัครจะบอกว่ารับจำนวนเท่าใด หากติดลำดับที่เรียกบรรจุในครั้งแรก จะมีหนังสือเรียกตัวไปบรรจุ แต่หากไม่ได้รับการบรรจุในรอบแรก ต้องคอยติดต่อข่าวสารอย่างตลอด บัญชีการสอบแข่งขันจะมีอายุประมาณ 2 ปี
กรณีได้การบรรจุในรอบแรก ต้องเตรียมหลักฐานทั้งตัวจริงและสำเนาไปให้พร้อม อันจะได้แก่ ใบรับรองแพทย์ ใบปริญญาบัตร ใบแสดงผลการเรียน ใบทะเบียนสมรส ทั้งคู่สมรส และของบิดา มารดา ขั้นตอนการบรรจุ จะต้องกรอกเอกสาร กพ.7
ซึ่งเปรียบเสมือนทะเบียนประวัติของตัวเราเอง ในวันนั้นอาจจะมีการปฐมนิเทศ ภารกิจของกรมฯ สิทธิผลประโยชน์ที่พึงได้ สวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนบุตร การทดลองราชการ ระเบียบการลา ฯลฯ

วิชาที่ใช้สอบสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร มีดังนี้คือ
1. ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง ( 200 คะแนน ) โดยการสอบข้อเขียน ในบางตำแหน่งจะมีการทดสอบปฏิบัติ เช่น นายช่างสำรวจปฏิบัติงาน
2. การสอบสัมภาษณ์ ( 100 คะแนน ) เป็นการทดสอบเพื่อวัดความเหมาะสมกับตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้งโดยวิธีการสัมภาษณ์หรือวิธีอื่นเพื่อประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งจากประวัติส่วนตัว
ประวัติการศึกษา ประวัติการทํางานประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติการปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงาน สังคมและสิ่งแวดล้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏิภาณไหวพริบ
บุคลิกภาพและพฤติกรรมของผู้สอบแข่งขันเพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ และอื่นๆ ที่จําเป็นสําหรับตําแหน่ง
ทั้งนี้ กําหนดให้ผู้สมัครสอบ ต้องสอบความรู้ความสามารถเฉพาะตําแหน่งก่อนผ่านก่อน โดยมีคะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 จึงจะมีสิทธิเข้าสอบภาคความเหมาะสมกับตําแหน่ง

รายละเอียดวิชาที่สอบสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
เจ้าพนักงานธุรการ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
1 ความรู้เกี่ยวกับสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
2 แนวข้อสอบเกี่ยวกับงานพัสดุ
3 ความรู้เกี่ยวกับระเบียบงานสารบรรณ
4 ถาม - ตอบ เกี่ยวกับระเบียบงานสารบัญ
5 แนวข้อสอบความรู้งานธุรการ
6 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และแก้ไขเพิ่มเติม
7 แนวข้อสอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และแก้ไขเพิ่มเติม
8 แนวข้อสอบกฎหมายระเบียบงานสารบรรณ ชุด1
9 แนวข้อสอบกฎหมายระเบียบงานสารบรรณ ชุด2
10 การเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์

ตำแหน่งที่สอบสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
เจ้าพนักงานธุรการ
เจ้าพนักงานสถิติ
นิติกร
นักวิชาการคอมพิวเตอร์
นักวิชาการแผนที่ภาพถ่าย
นักวิชาการโสตทัศนศึกษา

จบอะไรถึงได้ทำงานสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
-ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค หรืออนุปริญญาหลักสูตร ๒ ปี ต่อจากประกาศนียบัตรประโยคมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า
- ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรืออนุปริญญาหลักสูตร ๓ ปี ต่อจากประกาศนียบัตรประโยคมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่นี่
คําถามสัมภาษณ์งานสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ที่เจอบ่อยๆ
-จุดมุ่งหมายระยะยาวในการทำงานของคุณ คืออะไร
-จุดอ่อนของคุณ คืออะไร
-คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง
-ถ้าได้งานนี้ คุณคิดว่าจะทำงานที่นี่นานเท่าไหร่
-ทำไมคุณถึงออกจากงานเก่า
-อะไรคือสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบในงานเก่า (หรืองานที่กำลังทำอยู่)
-อะไรคือสิ่งที่คุณประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต
-ทำไมถึงอยากทำงานนี้
-คุณคิดอย่างไรกับหัวหน้า คนปัจจุบัน/คนเดิม
-ในอนาคตอีก 7 ปี คุณจะทำอะไรอยู่
-คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่
-ทำไมเราควรจะจ้างคุณ
-แรงจูงใจของคุณ คืออะไร


แหล่งข้อมูลจาก https://www.sheetjula.com/
สั่งซื้อหนังสือสอบราชการที่ https://www.rtamd.co.th/


>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<








14
เตรียมสอบเจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรม
- ความรู้เกี่ยวกับสำนักงานศาลยุติธรรม
- พระราชบัญญัติให้ใช้พระธรรมนูญศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543
- พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543
- พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
- ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม
- ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ของคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม
- ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ.2526
- งานธุรการศาลยุติธรรม
- ความรู้เกี่ยวกับงานธุรการ

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบศาลยุติธรรมที่นี่

ประวัติ วิสัยทัศน์ พันธกิจ โครงสร้าง
พระราชบัญญัติให้ใช้พระธรรมนูญศาลยุติธรรม
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม
ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ของคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม
ระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของสำนักงานศาลยุติธรรม
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมว่าด้วยการรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทนในตำแหน่งของข้าราชการศาลยุติธรรม
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมว่าด้วยพนักงานราชการศาลยุติธรรม
ระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรมว่าด้วยการโอนข้าราชการศาลยุติธรรม
การสอบเจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรม จะมีการสอบอยู่ 3 ขั้นตอน คือ
1. การสอบความรู้ความสามารถทั่วไป หรือที่เรียกกันว่าสอบ ภาด ก.
การสอบวัดความสามารถทั่วไป จะมีเนื้อหาที่ใช้สอบ เช่น คณิต อนุกรม ตรรกะ อนุมาน ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เป็นต้น
ทั้งนี้ข้าราชการก็มีหลายประเภท เช่น ข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ, ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ฯลฯ
ขรก.พลเรือนสามัญ และ ขรก. บางประเภท จะใช้ผลการสอบภาค ก. ของ ก.พ. (หรือที่เรียกว่าสอบ ก.พ.)
ขรก.ครูฯ, ขรก.กทม., พนักงานรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ จะมีการสอบภาค ก. ของตนเอง ซึ่งอาจมีเนื้อหาข้อสอบเพิ่มเติมจากของ ก.พ.
เช่น พ.ร.บ., ระเบียบ, ฯลฯ ขององค์กรนั้นๆ หรือความรู้เฉพาะอื่นๆ
การสอบแข่งขันบรรจุเข้าราชการการเป็น "ข้าราชการพลเรือนสามัญ" 99% ต้องสอบผ่านภาค ก. ของ ก.พ.
ภาค ก. ของ ก.พ. คือ การสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปมี 2 ประเภท คือ
1.1 ภาค ก. ปกติ ประจำปี คือ ภาค ก. ที่เปิดสอบเป็นประจำทุกปี ปีละครั้ง
1.2 ภาค ก. พิเศษ หรือ ภาค ก. สำหรับส่วนราชการ คือภาค ก. ที่เปิดสอบให้กับหน่วยงานราชการต่างๆเป็นการเฉพาะ
โดยเริ่มจากหน่วยงานราชการนั้นๆ
ประกาศรับสมัครสอบภาค ข. โดยต้องเปิดรับสมัครผู้ที่ยังสอบไม่ผ่านภาค ก. ให้มีสิทธิเข้าสอบภาค ข. ด้วย
เมื่อผ่านภาค ข. แล้ว ผู้ที่ยังสอบไม่ผ่านภาค ก. จึงมีสิทธิสมัครสอบ ภาค ก. รอบพิเศษทีหลัง
เช่น ในกรณีนี้กรมนำร่องกรมแรกคือ กรมพินิจฯ เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการเมื่อปลายปี 57
โดยเปิดรับทั้งคนที่ผ่าน ภาค ก. และ ยังไม่ผ่าน ภาค ก. ปกติ
ซึ่งจะทำการสอบภาค ข. ของกรมพินิจก่อน
พอมีผู้สอบผ่านข้อเขียนภาค ข. ทางสำนักงาน ก.พ. ก็จะเปิดสอบภาค ก. พิเศษ
ให้กับผู้สอบผ่านข้อเขียน (ภาค ข.) ของกรมพินิจ ที่ยังสอบไม่ผ่าน ภาค ก. ปกติ
สำหรับคนที่ผ่าน ภาค ก. ปกติมาแล้ว ก็ไม่ต้องสอบ ภาค ก. พิเศษ อีก รอสัมภาษณ์ได้เลย
ทั้งนี้ ภาค ก. รอบพิเศษ สามารถนำผลไปใช้กับหน่วยงานราชการอื่นได้เหมือนภาค ก. ปกติ
เพียงแต่จะไม่มีรอบการสอบซ่อมภาษาอังกฤษครับ

2.การสอบความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง หรือ การสอบ ภาค ข.
คือ การสอบความรู้เฉพาะตำแหน่งนั้นๆ เช่น ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร ก็ความรู้เกี่ยวกับการเกษตร
ตำแหน่งนิติกร ก็สอบความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย เป็นต้น
อาจจะมีการสอบปฏิบัติ หรือ ทดสอบร่างกาย ก็ได้
สำหรับข้าราชการ, บุคลากรของรัฐบางระเภท จะบังคับต้องผ่านภาค ก. มาก่อนจึงจะมีสิทธิสมัครสอบภาค ข.
หรือบางหน่วยงานอาจจะจัดสอบพร้อมกันทั้ง ก. และ ข. ก็ได้
การสอบภาค ข. หน่วยงานของรัฐนั้นๆ จะประกาศสอบออกมาต่างหาก

3.การสอบความเหมาะสมกับตำแหน่ง หรือ การสอบภาค ค. คือ การสอบสัมภาษณ์
ต้องสอบผ่าน ภาค ก. และ ข. หรือตามเงื่อนไขกำหนด มาก่อน จึงจะมีสิทธิสอบภาค ค.
การสอบภาค ค. อาจจะมีทั้งสอบมัสภาษณ์อย่างเดียว หรือ จะทดสอบอย่างอื่นเพิ่มเติมก็ได้ เช่น
ทดลอบจิตวิทยา ทดสอบร่างกาย สอบปฏิบัติ เป็นต้น

แหล่งข้อมูลจาก https://www.sheetjula.com/
สั่งซื้อหนังสือสอบราชการที่ https://www.rtamd.co.th/


>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<








15
ตัวอย่างประสบการณ์การเป็นราชการประปาส่วนภูมิภาค
1. การขึ้นเงินเดือน สวัสดิการ ความก้าวหน้า
ขึ้น 2 แบบครั้บ ปกติประจำปี (ทุกต.ค. ) และ ประเมินขั้นพิเศษ  กปภ.ใช้ระบบเงินเดือน 58 ขั้น

2. ตำแหน่งระดับ4 ขอบเขตการทำงาน และบรรยากาศการทำงาน เป็นอย่างไร
ตรงนี้แล้วแต่ตำแหน่งงานครับ ถ้าประจำประปาสาขางานจะเยอะหน่อย

3. สภาพแวดล้อม เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน ส่วนใหญ่จะแนวๆใด แตกต่างแค่ไหน (ถ้าเทียบกับ ข้าราชการ ระดับหัวหน้า)

4. สหกรณ์ออมทรัพย์ กปภ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กปภ. มีปันผลตอบแทนดีแค่ไหนครับ จะมีปรับเพิ่มอีกหรือไม่
กองทุนสำรองนายจ้างสมทบ 9 % แต่มีข่าวว่าจะปรับเป็น 15 %

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบการประปาส่วนภูมิภาค ที่นี่

5. โบนัสแต่ละปี ปัจจุบัน ได้กี่เท่าของเงินเดือน
อยู่ที่ผลประกอบการนะ ส่วนใหญ่ยืนพื้น 3 - 5 เดือน อันนีดูสถิติย้อนหลัง ต่ำสุด 1.xxx ล่าสุดอยู่ที่ 3.2 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การประเมินจาก
SEPO ด้วย

6. อนาคต กปภ. จะพัฒนาแค่ไหน และมั่นคงระยะยาวหรือไม่
ยังพัฒนาได้อีกครับ เพราะความต้องการผู้ใช้น้ำมีเยอะ และคู่แข่งอย่าง อปท ที่มีระบบประปา คุณภาพยังสู้ไม่ได้ บางแห่งจะโอนมาให้ กปภ.ทำ

7. สหภาพรัฐวิสาหกิจ กปภ. แข็งแกร่ง ดูแลผลประโยชน์พนักงานดีไหมครับ
สหภาพตอบไม่ขอพูดถึงครับ สอบให้ได้ก่อนแล้วจะรู้เอง

คำแนะนำในการสอบราชการประปาส่วนภูมิภาค

การสอบราชการประปาส่วนภูมิภาค แบ่งข้อสอบเป็นสองชุด  ชุดแรก ความรู้ทั่วไปชุดสอง วิชาเฉพาะตำแหน่ง ผ่าน  60 เปอร์เซ็นต์ 
ถึงจะได้ สัมภาษณ์ เอาคะแนนมารวมกันต้องมากกว่า 60 เปอร์เซนต์ แต่ว่ามีการตัดเกรดอิงกลุ่มกันอีก ไม่ใช่ว่าผ่านสองวิชาแรกจะได้เข้าสัมภาษณ์ทุกคน
เมื่อผ่านการสอบสัมภาษณ์และได้ขึ้นบัญชีไว้  บัญชีจะมีอายุ 2 ปี หรือ มีการสอบใหม่อีกครั้ง

การเตรียมตัวสอบราชการประปาส่วนภูมิภาค
ภาค ก. ความรู้ความสามารถทั่วไปเหมือน ก.พ. ให้เน้นทำข้อสอบให้มากๆ อยากให้เน้นเหตุการณ์ปัจจุบันด้วย ออกประมาณ 10 ข้อ

ภาษาไทย การใช้ภาษา  คำถูกผิด ราชาศัพท์ บทความสั้นๆ

ภาษาอังกฤษจะยากมาก  ต้องอ่านเยอะๆ  เช่น การอ่านบทความแล้วตอบคำถาม   แกรมม่า + reading

วัดเชาว์ต่างแบบดูรูป เปรียบเทียบฯลฯ

นอกจากนี้ควรอ่านเกี่ยวกับเหตุบ้านการเมืองไว้ด้วย   ข่าวในพระราชสำนักเพราะออกคำราชาศัพท์ด้วย

ความรู้เฉพาะตำแหน่งอ่านจากตำราเรียนให้มาก ๆ อ่านมากก็ยิ่งได้มาก

ดาวน์โหลดหนังสือเตรียมสอบการประปาส่วนภูมิภาค ที่นี่
แนะนำให้ทำความรู้เฉพาะตำแหน่งก่อน เพราะคิดว่าตัวนี้สำคัญที่สุด จากนั้น จึงค่อยทำความรู้ความสามารถทั่วไป
ส่วนภาษาอังกฤษถ้าไม่มีเวลาไม่ต้องเน้นมาก ส่วนมากก็ทำไม่ค่อยได้กัน (ถึงจะเก่งก็คงทำได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะเวลานั้นน้อนมาก มาก)
คุณไม่สามารถเก่งภาษาอังกฤษได้ในเวลาเพียง 2 เดือน

รายละเอียดภาษาอังกฤษที่ออกคลับคล้าย ว่ามี - อ่านเนื้อเรื่องแล้วตอบคำถาม มีทั้งแบบยาวและสั้น

- Gramma เน้นมากเลย เพราะมีข้อสอบอยู่ 2 แบบ คือ 1) ให้ประโยคมาพร้อมกับคำที่ขีดเส้นใต้ 4 จุด ให้คุณเลือกข้อผิด 2)
ให้เรื่องมาเรื่องหนึ่ง โดยมีช่องว่าในเนื้อเรื่องนั้น แล้วให้คุณเติมคำที่ขาดหายไป

ส่วนท้ายของภาษาอังกฤษนั้นออกจะง่าย แต่คะแนนน้อย  - เน้นอ่าน paragraph สั้นๆ ตอบคำถาม ต้องทำเร็วๆ อ่านเร็วๆ ไม่ยาก
 คำตอบอยู่ใน paragraph ที่ให้ - Grammar Tense Preposition ...พื้นฐาน ไม่ยาก เน้นเข้าใจ เช่น เลือกคำที่ผิด grammar

ตัวอย่างการสอบสัมภาษณ์ราชการประปาส่วนภูมิภาค
ในการสอบสัมภาษณ์  ถ้าคนที่จะมาสอบเราจะเป็นระดับหัวหน้า ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นคนที่อายุค่อนข้างเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่คนสไตล์นี้ จะชอบคนที่ถ่อมตน  ขยัน  มีมารยาท รักองค์กร
แต่ถ้าระดับหัวหน้าที่อายุไม่มากก็มี พวกนี้จะหัวสมัยใหม่ จะชอบคนที่มีความมั่นใจ มีไหวพริบ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ถ้าเจอแบบนี้ต้องตอบแบบฉัดฉานหน่อย 
ซึ่งรวมๆแล้วก็คงต้องคอยสังเกตทัศนคติของคนที่สัมภาษณ์เรา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบสามต่อหนึ่ง  ต้องสังเกตคนที่นั่งตรงกลางเป็นพิเศษ เพราะนั่นคือประธาน
แล้วเวลาตอบต้องอายคอนแทคกับคนที่สัมภาษณ์เราทั้งสามคน เน้นประธานเป็นพิเศษหน่อย

วิชาที่ใช้สอบราชการประปาส่วนภูมิภาค มีดังนี้ คือ

1.ความรู้ความสามารถทั่วไป  ความรู้เกี่ยวกับ  กปภ.  ความถนัดทางเชาวน์ปัญญา  ภาษาอังกฤษ และคอมพิวเตอร์

2.ความรู้เฉพาะตำแหน่

1. คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามทั่วไปของผู้สมัครราชการประปาส่วนภูมิภาค
1.1   มีสัญชาติไทย
1.2   มีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปีบริบูรณ์  และไม่เกิน  60 ปีบริบูรณ์  ในวันยื่นใบสมัคร
1.3   ในกรณีเป็นพนักงานการประปาส่วนภูมิภาค ต้องไม่เป็นผู้ที่ออกจากองค์กร โดยการเข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด
1.4   สามารถทำงานให้แก่การประปาส่วนภูมิภาคได้เต็มเวลา   
1.5   ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต  หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
1.6   ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
1.7   ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษ สำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท  หรือความผิดลหุโทษ
1.8   ไม่เคยต้องคำพิพากษา  หรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติ  หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
1.9   ไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น  หรือผู้บริหารท้องถิ่น
1.10 ไม่เป็นกรรมการ หรือที่ปรึกษาพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
1.11 ไม่เคยถูกไล่ออก  ปลดออก  หรือให้ออกจากหน่วยงานของรัฐ  รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทมหาชนจำกัด  หรือบริษัทเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือเพราะประพฤติชั่ว หรือกระทำความผิด หรือหย่อนความสามารถ
1.12  ไม่เป็น หรือภายในระยะเวลาสามปีก่อนวันได้รับแต่งตั้ง ไม่เคยเป็นกรรมการ หรือผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการจัดการ  หรือมีส่วนได้เสียในนิติบุคคล  ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน  ผู้ร่วมทุน หรือมีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับ กิจการของการประปาส่วนภูมิภาค  เว้นแต่  เป็นประธานกรรมการ  หรือกรรมการ ในนิติบุคคลดังกล่าว  โดยการมอบหมายของการประปาส่วนภูมิภาค
1.13  ไม่เป็นผู้ที่มีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับการประปาส่วนภูมิภาค หรือในกิจการที่กระทำให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค  หรือดำเนินธุรกิจที่เป็นการแข่งขันกับกิจการของการประปาส่วนภูมิภาค  ไม่ว่าทั้งทางตรงหรือทางอ้อมเว้นแต่ เป็นผู้ซึ่งคณะกรรมการ การประปาส่วนภูมิภาคมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในบริษัทจำกัด  หรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่การประปาส่วนภูมิภาค เป็นผู้ถือหุ้น
1.14  ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตนขัดแย้งกับผลประโยชน์ของการประปาส่วนภูมิภาค
1.15   ไม่เป็นกรรมการ การประปาส่วนภูมิภาค

2. คุณวุฒิทางการศึกษา สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี หรือเทียบเท่า จากสถานศึกษาที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน  (ก.พ.) รับรอง

3.   คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งของราชการประปาส่วนภูมิภาค
3.1 มีความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่  ดังนี้   
  3.1.1  ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารภาคเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มียอดขายไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปีโดยมีงบการเงินและโครงสร้างผังบริหารองค์กร ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง มาแสดงด้วย   
  3.1.2   กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารส่วนราชการ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองอธิบดีหรือเทียบเท่า   
  3.1.3 ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ต้องดำรงตำแหน่ง ไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจนั้น
3.2  มีวิสัยทัศน์ทางด้านการพัฒนากิจการประปา  และการปรับเปลี่ยนบทบาทของการประปาส่วนภูมิภาคในอนาคต  โดยมีแนวคิดเชิงกลยุทธ์  มีความรู้ ความสามารถในด้านบริหารจัดการในระดับสูง 3.3  มีมนุษย์สัมพันธ์ดี สามารถติดต่อประสานงานได้ดีทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ
3.4  มีความรอบรู้  ความสามารถสูงในการตัดสินใจ สั่งการและกำหนดนโยบาย ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค และรัฐบาล



แหล่งข้อมูลจาก https://www.sheetjula.com/
สั่งซื้อหนังสือสอบราชการที่ https://www.rtamd.co.th/


>รวบรวมจากผู้สอบติดอันดับต้นๆ เจาะข้อสอบเข้างานราชการ <<
>> (Book) สรุปสาระสำคัญ อ่านกระชับเวลา ไม่สับสน เข้าใจง่าย ออกชัวร์ๆ แม่นยำ <<
>> (New) รวบรวมจากรุ่นพี่ที่สอบได้อันดับต้นๆ+เจาะลึกตรงประเด็น เก็งข้อสอบ <<
>> (Pdf) แนวข้อสอบพร้อมเฉลย+เนื้อหาสรุปเรียบร้อย ประหยัดเวลาในการอ่าน <<








หน้า: [1] 2 3 4