สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปมือถือ ถ้าหากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วท่านจักเลือกอะไร?

  • 0 ตอบ
  • 242 อ่าน
เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่าจำใส่ใจจนจำต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นรูปถ่าย และมันจะวิเศษขึ้นอีก เมื่อภายในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้เราได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายภาพ" นั่นเอง โดยในเวลานี้ ทุกคน ต่างก็มีสมาร์ทโฟนที่มีกล้องพร้อมกันมาด้วย สำหรับง่ายต่อการใช้งาน มิจำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบใหญ่ ยิ่งกว่านั้นยังมีความกระจ่างไม่ได้ต่างไปจากกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แต่ทว่าที่แท้นั้นมันยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่แตกต่างกันอยู่เยอะแยะเลยเทียว
 
ดังเช่นเรื่องเซนเซอร์ เหตุเพราะกล้องจักมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายรูปจากสมาร์ทโฟน ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าใด ก็จะรักษาแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดภาพที่มากกว่า มีมิติเหนือกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างมากมายมากกว่า เนื่องด้วยโทรศัพท์มือถืออาจทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าไหร่นัก และสิ่งเหล่านี้ยังมีผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยตัดทอน Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ ซึ่งเมื่อย้อนกลับมามาดูภาพจากกล้องถ่ายรูปมือถือก็จะเห็น Noise มากกว่าภาพจากกล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องสมาร์ทโฟนเล็กกว่ากล้องถ่ายรูปทั่วๆ ไป
 
ต่อมาก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพดีกว่ากล้องถ่ายรูปจากมือถือ ถ้าหากเป็นการซูมของกล้องถ่ายรูป เจ้าสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่แบรนด์โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะมีสรรพคุณนี้ เพราะภาพบางภาพ ก็จำเป็นต้องใช้การซูมแบบ Optical เพื่อให้ได้ความเกี่ยวข้องของวัตถุบนภาพที่ดีที่สุด รวมถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เนื่องจากว่าในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณอาจมีทั้งรูปถ่าย เพลง หนัง หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาชัวร์ ถ้าหากคุณคิดว่าจะใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเจ้าตลอดทริปที่กินซ่าไม่ก็พาคู่ควงท่องเที่ยว Universal Studios ก็เพราะว่าท่านคงไม่ต้องการมานั่งลบรูปถ่าย ลบเพลงโปรด ไม่ก็ลิสภาพยนตร์โด่งดังของท่านหรอก แต่ถ้ายอมสะพายกล้องสักตัว พร้อมทั้งเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าเธอได้ทั้งภาพถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของเธอแน่นอน
 
นั่นคือข้อมูลขั้นแรกว่าไฉนพวกเราถึงต้องยอมสะพายกล้องตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ก่อน และอาจหยุดพักยาวๆ เลย หากได้รู้จักกับกล้องตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูข้อดี ๆ ของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มต่อการพกพา มากกว่ากล้องถ่ายรูปมือถือหรือเปล่า
 
กล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่ลงตัวของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นเป็นอันดี จุดสำคัญของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เพราะว่ากล้อง Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดความสะเทือนได้ถึง 4 Stop โดยถ้าหากถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ที่แสงน้อย โดยที่เธอมิต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของเธอไม่เป็นปัญหาเช่นกัน โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่ถึงแม้ว่าจะถือด้วยมือ และมิได้มีวัสดุอุปกรณ์เสริมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาฉลุย ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งแยกเฟรมสำหรับบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่จุดหลักเรื่องเดียวของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ก็พิชิตกล้องมือถือขาดลอยแล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ อีกเยอะแยะเลยที่ยังมิได้กล่าวถึง อย่าง โหมดถ่ายภาพ Auto ที่ให้เธอปรับตั้งค่าตามที่เจ้าต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน เป็นต้น และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกมากมายอยู่เหมือนกัน เพื่อภาพมีความน่าสนใจมากเพิ่มขึ้น และสาระสำคัญอีกอย่างของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาสบายมาก ซึ่งมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำปรามาสที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา