สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายรูป VS กล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟน หากว่าหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วเธอจักเลือกอะไร?

  • 0 ตอบ
  • 188 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
ครั้นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันน่ารำลึกจนต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นรูปถ่าย และมันจักพิเศษขึ้นไปอีก เมื่อในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้เราได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายภาพ" นั่นเอง ซึ่งในสมัยนี้ ใครต่อใคร ต่างก็มีสมาร์ทโฟนที่มีกล้องถ่ายภาพพร้อมมาด้วย เพราะว่าง่ายต่อการใช้งาน มิจำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบโต ยิ่งกว่านั้นยังมีความชัดมิได้ต่างไปจากกล้องถ่ายรูป DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แต่ทว่าจริงๆ แล้วนั้นมันยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่แตกต่างกันอยู่มากเลยเชียว
 
ตัวอย่างเช่นเรื่องเซนเซอร์ เนื่องด้วยกล้องจักมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องจากโทรศัพท์มือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะรักษาแสงได้ดีกว่า ได้รายละเอียดปลีกย่อยภาพที่มากกว่า มีมิติเหนือกว่า รวมถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างมากมายมากกว่า สำหรับโทรศัพท์มือถือสามารถทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าใดนัก และสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลลัพธ์ต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ ซึ่งเมื่อย้อนกลับมาดูภาพจากกล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนก็จะพบ Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องทั่วๆ ไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องโทรศัพท์มือถือเล็กกว่ากล้องถ่ายรูปทั่วไป
 
หลังจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายรูปดีกว่ากล้องถ่ายรูปจากสมาร์ทโฟน หากเป็นการซูมของกล้องถ่ายภาพ เธอสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย โดยน้อยรายในหมู่ยี่ห้อโทรศัพท์มือถือที่จะมีคุณสมบัตินี้ ก็เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อได้ความสัมพันธ์ของสิ่งของบนภาพที่ดีที่สุด รวมไปถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เนื่องจากในโทรศัพท์มือถือของคุณคงจะมีทั้งรูปภาพ เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาชัวร์ ถ้าคุณคิดว่าจะใช้กล้องสมาร์ทโฟนถ่ายภาพเธอตลอดทริปที่กินซ่าหรือพาคู่ควงท่องเที่ยว Universal Studios ก็เพราะว่าเจ้าคงจะไม่อยากมานั่งลบภาพถ่าย ลบบทเพลงโปรด หรือไม่ก็ลิสหนังดังของคุณหรอก แต่ถ้าว่ายอมสะพายกล้องสักตัว พร้อมเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าเจ้าได้ทั้งภาพถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของเจ้าแน่นอน
 
นั่นเป็นข้อมูลเบื้องต้นว่าไฉนคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายรูปตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายรูปโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ก่อน และอาจหยุดพักยาวๆ เลย ถ้าหากได้รู้จักกับกล้องตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูข้อเด่น ๆ ของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนหรือเปล่า
 
กล้อง Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่ลงตัวของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะมิใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นเป็นอันดี ประเด็นสำคัญของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา ก็เพราะว่ากล้องถ่ายรูป Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop ซึ่งหากถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปที่มีคุณภาพสูงงดงามแม้ที่แสงน้อย โดยที่เจ้าไม่จำเป็นตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย แถมป้องกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังเป็นเหตุให้การบันทึกภาพยนตร์ของเธอมิเป็นตัวปัญหาอีกด้วย โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่แม้ว่าจะถือด้วยมือ และมิได้มีอุปกรณ์เพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาสะดวก ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแยกเฟรมเพื่อบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่ข้อเด่นเรื่องเดียวของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ก็ชนะกล้องถ่ายรูปโทรศัพท์เคลื่อนที่ลอยลำแล้ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์หลากหลาย อีกมากมายเลยที่ยังไม่ได้พูดถึง เช่นว่า โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้คุณปรับตั้งค่าตามที่เจ้าต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน เป็นต้น และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเพียบอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าสนใจมากเพิ่มขึ้น และประเด็นสำคัญอีกอย่างของกล้อง Olympus ตัวนี้ คือมีสัดส่วนที่เล็ก และพกพาสะดวกมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เพียงเท่านั้น ตัวนี้จึงสามารถลบคำสบประมาทที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : กล้อง olympus

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา